[ฅนสองเล]

โดย เดลินิวส์ www.dailynews.co.th

วันนี้ (1 เม.ย. 57) เป็นวันแรกออกอากาศทีวีดิจิตอล  หรือ DTV ได้เริ่มต้นทดลองออกอากาศตามประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกสทช.  ซึ่งการทดลองออกอากาศนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่1 ไปจนถึงวันที่ 24 เมษายน 2557นี้ ก่อนจะเริ่มออกอากาศจริงในวันที่ 1มิถุนายน 2557 ตามที่ระบุในใบอนุญาต

จุดประสงค์ของการทดลองออกอากาศ  เพื่อให้ผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิตอลภาคพื้นดิน  ได้แก่ อสมท ไทยพีบีเอส และสถานีกองทัพบกช่อง5 ได้ตรวจสอบความพร้อมในด้านเทคนิคต่างๆของโครงข่ายและระบบทีวีดิจิตอลร่วมกับผู้ให้บริการเชื่อมต่อสัญญาณไปที่ดาวเทียมและ 24ช่องผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อรองรับการออกอากาศจริงที่สมบูรณ์ในเดือนมิถุนายน

นายธีระ กนกกาญจนรัตน์นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมไอซีทีอาวุโส จากบริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ช่วงทดลองออกอากาศมีความสำคัญมากในแง่ของการหาจุดอ่อนและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับระบบก่อนเริ่มใช้งานจริง       

สำหรับผู้ประกอบการช่องรายการที่มีเนื้อหาออกอากาศในระบบอนาล็อกอยู่แล้วเช่นVoice TV หรือ ไทยทีวีสีช่อง 3  ช่วงทดลองออกอากาศจะเป็นการทดสอบการเข้าถึงของประชาชนและคุณภาพความคมชัดของช่องสัญญาณในระบบHD ในส่วนของผู้เล่นใหม่ การทดลองออกอากาศจะเป็นโอกาสในการทดสอบผลตอบรับจากผู้ชมคุณภาพของสัญญาณและความพร้อมในด้านเทคนิค

นายธีระ กล่าวว่า แม้จะเป็นการทดสอบใน4 จังหวัดนำร่องคือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลาแต่สิ่งที่ได้คือ ประเมินการเข้าถึงของเครือข่าย คุณภาพของสัญญาณ จุดอับที่สัญญาณยังเข้าไม่ถึง(Digital Cliff)  การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทางเทคนิคคำร้องเรียนจากผู้ชม รวมถึงประเมินการเข้าถึงของสื่อประชาสัมพันธ์โครงการ เป็นต้น

ดังนั้น ช่วงทดลองออกอากาศระบบดิจิตอลทีวีในประเทศไทยนี้  เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ผู้เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญและจับตาดูผลตอบรับอย่างใกล้ชิดทั้งจากฝั่งผู้ผลิตรายการและประชาชนผู้รับชม

"การกระจายสัญญาณในระบบดิจิตอลทีวีนั้นมีแม้จะให้ภาพและเสียงที่มีความคมชัดมากขึ้นแต่มีความเสี่ยงสูงเรื่อง การเข้าถึงของสัญญาณโดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลในต่างจังหวัดซึ่งอาจตกอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า'Digital Cliff'  ในระบบอนาล็อกผู้ชมอาจพบว่าบางพื้นที่เสาอากาศสามารถรับสัญญาณภาพได้ชัดและในบางพื้นที่รับสัญญาณรับชมได้แต่ไม่ชัดตามความแรงของสัญญาณ

แต่ในระบบดิจิตอลพื้นที่ที่รับสัญญาณแพร่ภาพได้ไม่ถึงระดับที่กำหนดจะพบปัญหาจอดำรับภาพไม่ได้เลยโดยเฉพาะเมื่อ 2 ใน 3ของประชากรไทยอาศัยอยู่ในต่างจังหวัด ช่วงทดลองออกอากาศจึงมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล"นายธีระ สรุป

[ฅนสองเล]

ทีวีดิจิตอล เริ่มทดลองออกอากาศวันแรก ผู้ให้บริการโครงข่ายดึงช่องรายการ ออกอากาศ 4  จังหวัดนำร่อง  แนะแนวทางการรับชมไม่ยุ่งยาก

พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า วันที่ 1–24 เม.ย. นี้  ผู้ประกอบการโครงข่ายได้แก่ กองทัพบก, อสมท และ ไทยพีบีเอส ได้เริ่มทดลองออกอากาศทีวีดิจิตอล ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่อง คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สงขลา และนครราชสีมา

ซึ่งการทดลองดังกล่าวนี้ ผู้ให้บริการโครงข่ายต้องนำช่องรายการทีวีดิจิตอลมาออกอากาศ รวมถึงให้ผู้ประกอบการดาวเทียม นำช่องรายการไปเผยแพร่เช่นกัน เพื่อให้ผู้รับชมทีวีผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลได้รับชมพร้อมกันตามประกาศ หลักเกณฑ์การเผยแพร่ที่ให้บริการทั่วไป หรือ มัสต์ แครี่ ที่ต้องนำฟรีทีวีออกทุกช่องทาง

ดังนั้นประชาชนที่อยู่ใน 4 จังหวัดนำร่องเบื้องต้น จะสามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้ในช่วงระยะการทดลอง ซึ่งหากชมผ่านระบบภาคพื้นดิน เช่น หนวดกุ้ง หรือ ก้างปลา สามารถนำกล่องรับสัญญาณทีวีระบบดิจิตอลหรือ กล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ มาเชื่อมต่อกับทีวีเครื่องเดิม และหากประชาชนที่มีทีวีดิจิตอล ระบบบิวอินในเครื่องสามารถรับชมได้ทันที ส่วนผู้บริโภคที่รับชมทีวีผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิล ก็สามารถรับชมได้ทันทีโดยระบบจะเรียงช่องให้อัตโนมัติ เพียงผู้บริโภคดึงสายออกแล้วเสียบใหม่ ซึ่งจะไม่เกิดความยุ่งยากแน่นอน

อย่างไรก็ตามสำหรับการรับชมทีวีดิจิตอลในปี 2557 จะดำเนินการครอบคลุมพื้นที่ กรุงเทพฯ นครราชสีมา เชียงใหม่ สงขลา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี ระยอง สิงห์บุรี สุโขทัย ขอนแก่น ร้อยเอ็ด เชียงราย สระแก้ว นครสวรรค์  นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ตรัง ลำปาง  สกลนคร สุรินทร์ น่าน เพชรบูรณ์ และประจวบคีรีขันธ์

ส่วนปี 2558 จะขยายเพิ่มที่ กาญจนบุรี ชุมพร ตราด มุกดาหาร ตาก แม่ฮ่องสอน ระนอง เลย ชัยภูมิ แพร่ สตูล อุตรดิตถ์ บึงกาฬ ศรีสะเกษ และยะลา ก่อนที่จะขยายการครอบคลุมโครงข่ายให้ประชาชนสามารถรับชมได้ทั่วประเทศภายใน 4 ปี.