Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

บ่อเจ็ดลูก ชื่อนี้มีตำนาน ณ หมู่บ้านมีมนต์เสน่ห์ชายเลอันดามัน สตูล

เริ่มโดย ฅนสองเล, 17:41 น. วันที่ 08 05 63

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

ฅนสองเล

บ่อเจ็ดลูก ชื่อนี้มีตำนาน ณ หมู่บ้านมีมนต์เสน่ห์ชายเลอันดามัน สตูล

บ้านบ่อเจ็ดลูก ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับทะเลอันดามัน มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์และมีมนต์เสน่ห์อย่างยิ่ง วันนี้เราขอนำไปรีวิวและเปิดตำนานบ้านบ่อเจ็ดลูก 

บ่อเจ็ดลูก หรือที่ภาษามาลายูเรียกว่า "ลากาตูโยะ" มีตำนานเล่าสืบเนื่องกันมาว่า บุคคลกลุ่มแรกที่เข้าไปอาศัยอยู่เป็นพวกชาวเลหรือชาวน้ำที่อพยพมาจากเกาะซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่งออกไป ขณะที่อพยพมาอยู่นั้น พวกเขาได้ขุดบ่อน้ำเพื่อใช้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้ แต่ปรากฏว่าไม่มีน้ำออกมาเลย พวกเขาพยายามขุดบ่อแล้วบ่อเล่าก็ไม่มีน้ำใช้ จนกระทั่งถึงบ่อที่เจ็ดจึงมีน้ำออกมา ปัจจุบันบ่อทั้งเจ็ดลูกยังมีปรากฏให้เห็น จนทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้จึงได้ชื่อว่า "บ้านบ่อเจ็ดลูก" นี่คือตำนานที่ถูกกล่าวขานมาที่สุด แต่เมื่อย้อนดูประวัติเพิ่มเติม พบว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่ง

ประวัติบ่อเจ็ดลูก มีประวัติกล่าวขานว่าในอดีตอันยาวนานยังมีชาวเลตีนแดงเผ่ามอแกนซึ่งอาศัยไม่ค่อยเป็นหลักแหล่งได้เดินทางมา ณ ที่เกาะหนึ่งซึ่งเป็นเกาะเล็กๆอยู่ทางตอนใต้ของทะเลอันดามัน และได้เดินหาน้ำดื่ม จึงเกิดเป็นตำนานเจ็ดบ่อขึ้นมา แต่จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่านั้นบอกว่ามีสามตำนานด้วยกันที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องไหนคือเรื่องที่ถูกต้องที่สุดและเรื่องใดไม่เป็นความจริง

ชาวเลเมื่อเดินหาน้ำดื่มจนมาพบบ่อน้ำผุดมาจากใต้ดินจำนวน 7 บ่อด้วยกัน บ่อแรกใหญ่หน่อยเรียกกันว่าบ่อพ่อ ที่เหลือก็เป็นบ่อแม่และบ่อลูก ขนาดลดหลั่นกันไป เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของเรื่องกล่าวอะไรไว้ก็ได้ดังใจ มีการร้องรำทำเพลงบ้าง นำไก่ขาวมาเชือดบ้างเพื่อแก้บน

อีกนัยหนึ่งก็ว่าเมื่อชาวเลต้องการน้ำก็ได้ทำการขุดบ่อน้ำขึ้นมา 1 บ่อ ใช้มาตลอดจนกระทั่งมีลูกมาปรึกษาหารือจนมีข้อสรุปว่าแต่ละคนขุดบ่อมาคนละบ่อ ขุดใกล้ๆกับพ่อนี่แหละ จาก 1 บ่อ ก็เป็น 7 บ่อ

ยังมีอีกตำนานที่บอกว่าชาวเลเมื่อได้ร้อนแรมมาพักที่เกาะแห่งนี้ก็ได้ตั้งรกรากที่นี่ และขุดบ่อน้ำเพื่อใช้ บ่อแรกก็ขุดพบว่าน้ำเค็มใช้ไม่ก็ขุดต่ออีกก็เค็มอีก จนขุดถึงบ่อที่ 7 ปรากฏว่าน้ำจืด จึงได้ใช้กันเรื่อยมา

ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมีชายคนหนึ่งเดิมเป็นคนในพื้นที่บ้านตะโละใส่ชื่อว่านายอับดุลรอหมาน ปากบารา มีอาชีพทำการค้ากับรัฐปีนังสินค้าก็จะมี แป้ง สบู่ น้ำตาล ได้เข้ามาอาศัยที่แห่งนี้ ด้วยเป็นคนที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามก็เป็นผู้บุกเบิกสร้างมัสยิดขึ้นมาและได้สอนให้กับชาวเลที่อาศัยอยู่ก่อนด้วย และดูแลความสงบของที่นี่ อยู่มาระยะหนึ่งก็ได้ชักชวนเครือญาติมาอยู่ด้วยคนที่เพิ่มขึ้นทำในชาวเลต้องอพยพจากเกาะแห่งนี้หาที่อยู่อาศัยใหม่เพราะพวกเขาไม่ชอบที่มีคนเยอะๆ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 นายอับดุลรอหมาน ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุน(เทียบกับปัจจุบันคือกำนัน)และได้รับพระราชทานนามสกุล เป็น ขุนบารา บุรีรักษ์ ท่านได้ขึ้นปกครองที่นี่ และได้เรียกสถานที่แห่งนี้ตามสัญลักษณ์ ว่าตาลากาตูโหย๊ะ ซึ่งเป็นภาษามาลายู (ตาลากา แปลกว่า บ่อ / ตูโหย๊ะ แปลกว่า 7 แปลรวมกันว่า บ่อเจ็ดลูก) ไปขึ้นกับการราชการเพื่อเป็นชื่อเรียกหมู่บ้าน แต่ชื่อเรียกยากจึงเปลี่ยนเป็นชื่อภาษาไทยว่า บ้านบ่อเจ็ดลูก มาจนถึงปัจจุบัน

ขุนบารา บุรีรักษ์ มีลูกสาวทั้งหมด 4 คน ไม่มีทายาทผู้สืบสกุล ทำให้นามสกุลบุรีรักษ์ขาดหายไป ปัจจุบันยังมีลูกสาวอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่และอาศัยในบ้านบ่อเจ็ดลูก คือคนที่ 4 มีชื่อว่านางไซหนุน ถิ่นกาแบง (ที่มา www.thailandtourismdirectory.go.th)

บ้านบ่อเจ็ดลูก เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวธรณีวิทยาสตูล เรียกว่าเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีโอกาสอยากให้มาเยือนสตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

ขอบคุณเพื่อนคู่ใจคันเล็กแต่ลุยได้ทุกเส้นทาง มิตซูบิชิ มิราจ โดย จ.วินิต เข้าใจรถ เข้าใจคุณ 
ต้อม รัตภูมิ รายงาน  TLP 0897384215 
รีวิวบ้านบ้าน ข่าวสารเข้มข้น สองเลรีวิว
TLP 0897384215 ต้อม รัตภูมิ รายงาน
ติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลได้ที่ www.facebook.com/songlayreview

ฅนสองเล

 :D
รีวิวบ้านบ้าน ข่าวสารเข้มข้น สองเลรีวิว
TLP 0897384215 ต้อม รัตภูมิ รายงาน
ติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลได้ที่ www.facebook.com/songlayreview

somdee meemak

เที่ยวบ้านป่าบงเปียง จ.เชียงใหม่ ชมวิวทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา บ้านป่าบงเปียง จ.เชียงใหม่. ดื่มด่ำกับบรรยากาศนาขั้นบันไดท่ามกลางวิถีสโลว์ไลฟ์อย่างเต็มที่ พักผ่อนเมื่อเข้าสู่หน้าฝน หลายๆ คนคงกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนชิลล์ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนแบบนี้จะอบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์ ทั้งความเขียวขจีและความสดชื่น มักจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้ไปสัมผัส วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับที่นี่ให้มากขึ้น บ้านป่าบงเปียง อยู่ที่ไหน บ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ใกล้อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์. เสน่ห์ที่ jili ทำให้นักท่องเที่ยวหลงรักคือความเรียบง่าย ที่พักแบบโฮมสเตย์ วิวสวยๆ และอาหารพื้นบ้านหลากหลายรสชาติ การเดินทางไป บ้านป่าบงเปียงค่อนข้างซับซ้อน (สำหรับคนไม่ชินทาง) แนะนำให้ปักหมุดที่ "หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน (แม่แจ่ม)" (พิกัด Google Map : บ้านป่าบงเปียง) ก่อน ถึงอำเภอแม่แจ่มแล้วขับไปทางแยกขวาไปน้ำตกแม่ปาน ผ่าน"หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน (แม่แจ่ม)" ไปนิดเดียว จะมีทางแยกไปป่าบงเปียง ขับต่อไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านป่าบงเปียง บ้านป่าบงเปียง ไปไหนดี? อย่างที่ทราบกันดีว่าการไปบ้านป่าบงเปียงในแต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าชอบเที่ยวในบรรยากาศแบบไหน โดยหลักๆ แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ปลายเดือน ก.ค.-ต้น ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มปลูกข้าว ถ้าใครไปช่วงนี้จะได้เห็นข้าวงอกกับน้ำสะท้อนบนท้องฟ้าสร้างความประทับใจ กลางเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนตุลาคม นาข้าวเขียวขจี ใครไปช่วงนี้ก็จะได้เห็นนาข้าวเขียวขจี ลงมาตามนาขั้นบันไดตื่นเช้าชมทะเลหมอกโดยรอบบรรยากาศดูโรแมนติกสุดๆ ช่วงกลาง ต.ค.-ต้น พ.ย. ที่นาข้าวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวและเที่ยวช่วงนี้ก็น่าจะสัมผัสความประทับใจได้อีกแบบหนึ่ง

somdee meemak

เที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน เพลินธรรมชาติม่วนใจ๋ รีชาร์จความสุขอย่างเต็มที่ เที่ยวน่าน (โซนเหนือ) 3 วัน 2 คืน หาวันพักผ่อนเติมเต็มวิถีสโลว์ไลฟ์ ใช้ชีวิตไม่รีบเร่ง สัมผัสความสุขตรงหน้าแบบเน้น ๆ ไว้เก็บเป็นโมเมนต์ประทับใจไม่ลืมเลือน เมื่อ jili พูดถึงการเดินทางเที่ยวน่าน เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึงบรรยากาศความชิล ความเนิบช้า ของวิถีชีวิตผู้คน บวกกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็ฝากใจไว้ที่น่านกันเป็นแถว และด้วยความที่น่านมีที่เที่ยวเยอะ แต่ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวน่าน (โซนเหนือ) แบบ 3 วัน 2 คืน กัน ไปดูว่าจะมีที่ไหนบ้าง น่าน (โซนเหนือ) มีอะไรน่าสนใจ เที่ยวน่านโซนเหนือสำหรับทริปนี้นั้น จะประกอบด้วยพื้นที่ของปัว ท่าวังผา และเชียงกลาง พื้นที่นี้จัดว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมโดยเฉพาะนาข้าว ด้วยเพราะลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ลุ่มแอ่งกระทะ และยังกลายเป็นไฮไลต์สำหรับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทั้งที่กิน ที่เที่ยว และที่พัก มักจะเอาวิวทุ่งนามาเป็นจุดขาย ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็มีความงดงามแตกต่างกัน การเดินทางไปเที่ยวน่าน (โซนเหนือ) การเดินทางไปยังจังหวัดน่านสามารถไปได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขับรถส่วนตัวหรือจะนั่งเครื่องบินมาลงสนามบิน ส่วนการเดินทางภายในจังหวัดก็สามารถติดต่อเช่ารถตู้ หากใครสะดวกก็เช่ารถยนต์ขับได้เช่นเดียวกัน โดยขับรถจากตัวเมืองน่านแค่ประมาณ 50-70 กิโลเมตรเท่านั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากขับรถเล่น เน้นเสพวิวธรรมชาติสวย ๆ ก็สามารถไปเช้า-เย็นกลับได้ แต่ถ้าจะให้ดีไม่อยากเที่ยวแบบรีบร้อนเกินไป ลองนอนค้างสัก 1-2 คืนก็จะยิ่งประทับใจมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

somdee meemak

การเดินทางช่วงปลายฤดูฝน จัดทำรายการและเดินทางไปยังสถานที่ช่วงปลายฤดูฝนและต้นฤดูหนาว เพลิดเพลินกับการเดินทางในช่วงเทศกาล ฝนจะตกลมหนาวก็จะมา คุณอยากลองสักดูไหม? ในส่วนลึกของปลายฤดูฝนและต้นฤดูหนาวถือเป็นเวลาทองในการเริ่มต้นท่องเที่ยวเพราะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของ jili ความเขียวขจี ลมเย็นๆจะทำให้ฝนไม่ทิ้งเราไป พังหมดแล้วแต่ไม่ใช่ส่วนสำคัญสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการท่องเที่ยว และในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการท่องเที่ยวปลายฤดูฝนสู่ต้นฤดูหนาวมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกมากมายตามความต้องการและสิ่งที่อาจเกิดขึ้น คุณคงเคยไปที่นั่นมาก่อน แต่ลองเปลี่ยนเวลาเดินทางดู บางที...คุณจะพบความสวยงามที่แตกต่างในขุนสถาน จังหวัดน่าน อย่าพลาดชมทะเลหมอกในฤดูฝน คุณจะเห็นทะเลหมอกมากกว่าฤดูอื่นๆ แถมสภาพอากาศยังเป็นเอกลักษณ์และเมื่อมองออกไป คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามที่สุด ในเวลากลางคืนมีดาวกระพริบบนท้องฟ้า สำรวจเขตปกครองและอาณาเขตทั่วไปของเทือกเขา...แล้วหมอกก็ค่อย ๆ หายไป ทิ้งความประทับใจที่คุณจะไม่มีวันลืม ดอยสวนย่าหลวง จ.น่าน ดอยสวนย่าหลวง ตำบลผาทอง อำเภอท่าวัง เป็นประเพณีใหม่ในการสังเกตสิ่งต่าง ๆ ด้วยการเป็นยอดเขา มีลักษณะเปิดกว้าง ปกติที่ระดับความสูง 1,500-1,600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จะมองเห็นทะเลหมอกได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในประเทศโดยเฉพาะฟาร์มสามารถมาพักผ่อนและนอนโฮมสเตย์ได้ แวะดื่มกาแฟที่บ้านแสนเจริญและชื่นชมความงามและรสชาติกาแฟสดที่เข้มข้น ณ ดอยตี๋ดู่ จังหวัดน่าน ดอยตีดูเป็นยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตร บนทางหลวงหมายเลข 1091 (น่าน-พะเยา) ตำบลสระ เนียน อำเภอเมือง เป็นจุดชมทะเลหมอกในรูปแบบที่มองไม่เห็นที่สุด มาดูทะเลหมอกหนาทึบที่ดอยตี๋...ชมพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนี้ยังมีตลาดชุมชนที่คุณสามารถเดินเล่นและซื้อผลิตผลทางการเกษตรได้ สินค้าพื้นเมือง อาหารท้องถิ่น มีร้านอาหารไม่กี่ร้านที่มีกิจกรรมสนุกๆ เช่น ชิงช้าม้ง และเครื่องแต่งกายม้งแบบดั้งเดิม เยี่ยมชมฟาร์มสตรอเบอร์รี่ (ตรวจสอบระยะเวลาการออกผล) ฯลฯ