[สงขลามีเดีย]

ที่มา อาสาสมัครพิทักษ์เมือง อำเภอ หาดใหญ่

16 เม.ย. 58 เวลา 16.00 น. ร.ต.อ.เอกรัฐ พิทักษ์ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งมีหญิงสาวถูกกักขัง และร้องขอความช่วยเหลืออยู่ภายในบ้านเลขที่ 182/44 ซ.20 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ หลังเข้าตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม และ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ๊งหาดใหญ่

พบว่า เป็นบ้านตึกแถว 2 ชั้น โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้คีมตัดเหล็ก เพื่อตัดกุญแจที่ล๊อครั้วบ้านถึง 2 อัน ทั้งชั้นนอกและชั้นใน ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวออกมาได้ ซึ่งยืนร้องไห้รอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อยู่ริมรั้ว

จากนั้นจึงได้เข้าไปในบ้าน เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุ โดยต้องปีนเข้าทางหน้าต่าง เพราะ ประตูหน้าบ้านถูกล๊อคเอาไว้ แต่เมื่อขึ้นไปยังชั้น 2 พบว่า ประตูห้องนอนล๊อค เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย จึงตัดสินใจกระโดดถีบประตูพร้อมกันจนพัง และพบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายวัฒนา ชัยชนะ อายุ 40 ปี ชาว ต.คอหงส์ ซึ่งได้ปีนระเบียงหลังบ้านไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านอีกหลัง และต้องเกลี้ยกล่อมนานกว่า 5 นาที จึงยอมเดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่

แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวลงมานั้น ได้ถูกญาติของฝ่ายหญิงที่อยู่ในอาการโกรธแค้นเข้ารุมทำร้ายชุดใหญ่ รวมทั้งด่าทอ จนเกิดชุลมุนกันขึ้น ก่อนที่จะสามารถนำตัวขึ้นรถของตำรวจออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อไปสอบสวนที่ 191 หาดใหญ่

น.ส.สุไหวนา เบ็ญสะอิ อายุ 34 ปี พี่สาวของหญิงสาวเคราะห์ร้ายรายนี้ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า น้องสาวได้ถูก นายวัฒนา หลอกคบหามานานถึง 4 ปี โดยอ้างว่าเป็นตำรวจปราบปราม และยังโสด และตลอด 4 ปี ที่คบหา ได้หลอกเอาเงินไปเกือบ 1 ล้านบาท และเข้ามาอยู่ที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของน้องสาว แต่ภายหลังทราบว่าไม่ได้เป็นตำรวจ และมีเมียอยู่แล้ว จึงได้ตีตัวออกห่าง และถูกหลอกจนหมดตัว แต่ นายวัฒนา ก็ยังไม่ยอมเลิกรา อีกทั้งล่าสุดยังได้นำรถเก๋งฟอร์ดของน้องสาวไปขาย แถมยังไม่ยอมออกจากบ้าน และระยะหลังยังมีภรรยาเก่าตามมาหาที่บ้าน รวมทั้งรุมทำร้ายน้องสาวของตนอีกด้วย

และในวันนี้น้องสาวได้เดินทางไปหา เพื่อขอรถคืน แต่กลับถูก นายวัฒนา ทำร้าย และกักขังไว้ในบ้าน โดยล๊อคกุญแจไม่ให้ออกมา น้องสาวจึงได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ ตนจึงได้รีบแจ้งตำรวจ เพราะ กลัวว่าน้องสาวจะเป็นอันตราย

เบื้องต้น น.ส.สุไหวนา พร้อมน้องสาว ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ นายวัฒนา ใน 3 ข้อหา คือ ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และ กักขังหน่วงเหนี่ยว รวมทั้งให้นำทรัพย์สินทั้งเงินสดและรถยนต์มาคืนทั้งหมด อีกทั้งยังแจ้งความดำเนินคดีกับภรรยาเก่าของ นายวัฒนา ด้วย

น.ส.สุไหวนา บอกว่า จากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของ นายวัฒนา หลังจากที่มาหลอกน้องสาวตน พบว่า ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง มีเมียมาแล้วหลายคน และส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวที่มีเงิน เพื่อหวังหลอกเอาเงิน และเกาะผู้หญิงกิน โดยเชื่อว่าภรรยาเก่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมนี้ด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่ นายวัฒนา เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่อย่างหน้าตาเฉยว่า ไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยว หรือทำร้ายร่างกาย แต่ขณะเกิดเหตุแฟนสาวได้มาหาที่บ้าน และตนได้หุงหาอาหาร เพื่อกินกัน จึงได้ล๊อคกุญแจหน้าบ้านตามปกติ และยังบอกอีกว่า ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะ ทำให้บ้านของตัวเองพังเสียหายหมด