Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - ฅนสองเล

#921
สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา ขอให้เจ้าของรถที่จดทะเบียนแล้วยังไม่ได้รับแผ่นป้าย ไปรับป้ายได้แล้วในวันเวลาราชการครับ หรือโทรสอบถามที่ 074-330250

เรียนเจ้าของรถที่จดทะเบียนในหมวดอักษร ขก หมายเลข 1 - 4000 และที่จดทะเบียนในหมวดอักษร ผฉ หมายเลข 1001 - 2000

แผ่นป้ายทะเบียนรถ รถจักรยานยนต์ หมวดอักษร งตก งตข งตค งตจ งตฉ งตต งตท งตธ งตน งตบ งตพ งตม งตย งตร งตล งตว งตษ และ งทก

สามารถติดต่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถ ได้ที่ ห้องจ่ายแผ่นป้ายทะเบียนรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา(เกาะยอ) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในวันและเวลาราชการ สอบถาม โทร 074-330250
#922
คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.อ. ร่วมกับโรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี จัดกิจกรรมเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย ในงานวันรณรงค์ทันตสาธารณสุขแห่งชาติ วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม นี้ โดยจะให้บริการทางทันตกรรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาลทันตกรรม และศูนย์บริการสุขภาพช่องปากโรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี และจัดกิจกรรมเปิดกระปุกออมเงินโครงการวันละเหรียญ..เพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ของกองทุนเฉลิมพระเกียรติ 100 ปี สมเด็จย่า

ในศุกร์ที่ 19 ตุลาคม นี้ คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.อ.ได้ร่วมกับโรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี ให้บริการทางทันตกรรมแก่ประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่า ณ โรงพยาบาลทันตกรรม และศูนย์บริการสุขภาพช่องปากโรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี โดยจะเปิดรับผู้ป่วยตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น.

นอกจากนี้ ทางกองทุนเฉลิมพระเกียรติ 100 ปี สมเด็จย่า คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้จัดกิจกรรมวันละเหรียญเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ยังได้จัดกิจกรรมส่งมอบกระปุกออมเงิน และพิธีเปิดกระปุกออมเงินในวันดังกล่าว

โดยจะเริ่มรับกระปุกออมเงินตั้งแต่ เวลา 08.00-15.00 น. ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเกียรติในพิธีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพิธีเปิดกระปุกออมเงิน ในเวลา 08.00-08.30 น. ณ ลานชั้น 1 อาคาร 3 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โทร.074-287620 หรือ 074-287511
#923
เทศบาลนครหาดใหญ่ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุกทกภัย โดยการเปิดศูนย์อำนวยการและป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครหาดใหญ่ ประจำปี 2555 เพื่อการแก้ไขปัญหาอุกภัยได้อย่างทันท่วงทีและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องชาวนครหาดใหญ่

เทศบาลนครหาดใหญ่ โดย ดร.ไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เตรียมพร้อมสรรพกำลัง และเจ้าหน้าที่ในการเตรียมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัย โดยการเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครหาดใหญ่ ประจำปี 2555ขึ้น ในวันพฤหัสที่ 4 ตุลาคม 2555 ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิด ร่วมด้วย นายเสรีย์ พาณิชย์กุล นายอำเภอหาดใหญ่ และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆที่ให้การสนับสนุน อาทิ  สำนักงานป้องกันและสาธารภัย จังหวัดสงขลา,ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12สงขลา ,สำนักงานชลประทานที่ 16สงขลา,ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ,สำนักทรัพยากรน้ำเขต 8,หน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาคใต้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โครงการชลประทานจังสงขลา ,มณฑลทหารบกที่ 42และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดย นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบแนวทางการปฏิบัติงานในการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยของเทศบาลนครหาดใหญ่ในครั้งนี้ว่าให้ดำเนินการด้วยหลัก 2P2R ซึ่งประกอบด้วย การเตรียมความพร้อม (Preparation)โดยมีการเตรียมการป้องกันล่วงหน้าทุกขั้นตอน การป้องกันที่ยั่งยืน (Prevention) คือการวางแผนระยะยาวเพื่อการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ การเผชิญเหตุที่ดี (Reponse)  เพื่อให้เกิดความแน่ใจในว่าสามารถมีการช่วยเหลือเยียวยาอย่างทันท่วงที การเยียวยาฟื้นฟู (Recovery)โดยการเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาดูแลประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
 
ซึ่งศูนย์อำนวยการและป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครหาดใหญ่ได้ตั้งอยู่ ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ สำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยการดำเนินการของศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยฯ จะมีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ด้านการป้องกันก่อนเกิดเหตุอุทกภัย ระหว่างเกิดเหตุ การติดตามสถานการณ์ภูมิอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำในคลองสายหลัก การบริหารการจัดการน้ำ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังประสบเหตุ การฟื้นฟูเยียวยา ซึ่งได้แบ่งออกเป็นฝ่ายต่างๆ ดังนี้

1.   ฝ่ายเตรียมการป้องกัน ประกอบด้วย หน่วยอำนวยการป้องกันประจำศูนย์ฯ หน่วยป้องกัน หน่วยสื่อสาร หน่วยประชาสัมพันธ์ หน่วยสวัสดิการ เพื่อทำหน้าที่ในการเตรียมการป้องกันและสื่อสารแจ้งภัยแก่ประชาชน และจัดเตรียมเสบียงอาหารแก่ผู้ประสบภัย

2.   ฝ่ายปฏิบัติการ ประกอบด้วย หน่วยกู้ภัย หน่วยปฐมพยาบาล หน่วยอพยพประชาชน หน่วยสนับสนุน หน่วยรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อทำหน้าที่ในการดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและทรัพย์สินของประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย

3.    ฝ่ายฟื้นฟูบูรณะ  ประกอบด้วย หน่วยรักษาความสะอาด หน่วยสงเคราะห์ผู้ประสบภัย หน่วยบูรณะซ่อมแซม หน่วยรับบริจาค เพื่อทำหน้าที่ในการวางแผนดำเนินการทำความสะอาดเมือง ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคสงเคราะห์ผู้ประสบภัย

ตลอดจน เทศบาลนครหาดใหญ่ ได้เตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลังในการเป็นหน่วยงานหลัก สำหรับการให้ความช่วยเหลือ โดยได้รับการสนับสนุนและร่วมมือที่ดีจากหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย มณฑลทหารบกที่ 42 ,สำนักงานป้องกันและสาธารภัย จังหวัดสงขลา,ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา, สำนักงานชลประทานที่16 สงขลา, ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก,สำนักทรัพยากรน้ำเขต 8,มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ,โรงพยาบาลต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอหาดใหญ่ รวมถึงการเตรียมกำลังพลและเครื่องมือ เครื่องใช้ ในการปฏิบัติงานสำหรับเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและระงับเหตุสาธารณภัย เพื่อสร้างความอุ่นใจและความมั่นใจให้กับพี่น้องชาวนครหาดใหญ่
#924
ที่มา สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย www.pastnews.org

วันนี้สถานการณ์การค้าน้ำมันเถื่อนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป เพราะ พื้นที่การจำหน่ายน้ำมันเถื่อนไม่ได้จำกัดอยู่ที่พื้นที่อำเภอแนวชายแดนเหมือนในอดีต แต่มีการขยายพื้นที่จำหน่ายน้ำมันเถื่อนใน 14 จังหวัดภาคใต้ และบางส่วนถูกนำเข้าไปจำหน่ายในจังหวัดภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร

จากการใช้วิธีการลักลอบโดยกองทัพมด และใช้รถดัดแปลงถังน้ามันที่มีความจุ 400-500 ลิตร มาเป็นรถแทงค์เกอร์จำนวน 3,000 ลิตร และจากจำนวนรถดัดแปลงไม่ถึง 100 คัน ต่อจังหวัด กลายเป็น 1,000 คัน ต่อจังหวัด และแต่ละคันสามารถผ่านเข้า-ออก ระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยผ่านช่องทางศุลกากร คันละ 4-5 เที่ยว ต่อวัน

ในส่วนการค้าทางทะเลนั้น วันนี้ทะเลอ่าวไทยมีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนกว่า 500 ลำ ครึ่งหนึ่งเป็นของนักการเมืองระดับชาติ และนักการเมืองท้องถิ่น ครึ่งหนึ่งเป็นของนายทุนที่อิงแอบอยู่กับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ มีท่าเรือขนถ่ายน้ำมันเถื่อน  ตั้งแต่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี สงขลา และ นครศรีธรรมราช กว่า 100 แห่ง มีรถบรรทุกน้ำมันตั้งแต่ 6 ล้อ ถึง 10 ล้อ และ 22 ล้อ ที่อยู่ในเครือข่ายกว่า 200 คัน

แต่ละวัน แต่ละคืน จะมีน้ำมันเถื่อนถูกนำข้ามาจากประเทศมาเลเซียทางบกผ่านช่องทางศุลกากรที่ ต.สำนักขาม และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา และ ต.ประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา ไม่ต่ำกว่าวันละ 500,000 ลิตร และที่นำเข้าทางเรือใน จ.สงขลา ไม่ต่ำกว่า 2,000,000 ลิตร ต่อวัน

เช่นเดียวกับน้ำมันเถื่อนที่ผ่านช่องทางศุลกากร ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล และนำมาเก็บไว้ในโกดังแนวชายแดนบ้านวังประจันไม่ต่ำกว่าวันละ 500,000 ลิตร และถูกนำเข้าทางเรือด้านทะเลอันดามัน อ.เมือง อ.ละงู และ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล อีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลิตร ต่อวัน

และที่ผ่านทาง อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.แว้ง ซึ่งที่ อ.สุไหงโก-ลก นั้น ผ่านทางช่องทางด่านศุลกากร และผ่านทางแม่น้ำสุไหงโก-ลก วันละไม่ต่ำกว่า 1,000,000 ลิตร น้ำมันเหล่านี้เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะมีตัวเลขการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนวันละไม่ต่ำกว่า 4,000,000 ลิตร ซึ่งเป็นน้ำมันเบนซินครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นน้ำมันดีเซล นั่นแสดงว่า มีการค้าน้ำมันเถื่อนวันละ 100 กว่าล้านบาท ถ้าคิดราคาน้ำมันเป็นเงินไทย และใน 100 กว่าล้านบาท นั้น รัฐต้องขาดรายได้ที่เป็นภาษีของประเทศไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ต่อวัน เลยทีเดียว

ส่วนที่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการขาดรายได้ที่เป็นภาษีของประเทศ คือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีการระบุชัดเจนว่า ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นขบวนการเดียวกับขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญยิ่งกว่าอยู่ที่มีการพบหลักฐานที่ชัดเจนว่า เงินจากการค้าน้ำมันเถื่อนส่วนหนึ่งถูกส่งให้กับ ?อาร์เคเค? หรือ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ?บีอาร์เอ็นฯ? เพื่อใช้ในการการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

คำถามก็คือ เจ้าหน้าที่ ?ศุลกากร? เจ้าหน้าที่ ?สรรพสามิต? และ เจ้าหน้าที่ ?ตำรวจ? ในพื้นที่ต่างๆ ที่ขบวนการนำมันเถื่อนนำน้ำมันออกจากประเทศมาเลเซีย น้ำมันจากเรือขึ้นที่ท่าเทียบเรือเพื่อขึ้นฝั่ง และ ตามเส้นทางบนถนนหลวง ที่ขบวนการต้องขับรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนไปส่งให้กับลูกค้า หายไปไหนหมด จึงไม่สามารถจับกุมน้ำมันเถื่อนเหล่านี้ได้

จนต้องใช้กำลังทหารของ ?กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า? และใช้เจ้าหน้าที่ ?ดีเอสไอ? ทำการจับกุม ทั้งที่เส้นทางนำเข้าน้ำมันเถื่อนทางบกนั้น 80 เปอร์เซ็นต์ ผ่านทางช่องทางของศุลกากร และประตูเข้า-ออก ระหว่างประเทศ ไม่ว่าเป็นที่ด่านพรมแดน ต.สำนักขาม และ ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา หรือ ด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ ด่านพรมแดนบ้านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ล้วนแต่กว้างไม่ถึง 20 เมตร แต่ทำไมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนถึงผ่านเข้า-ออก ได้ และมีการเข้า-ออก วันละ 4-5 เที่ยว ต่อคัน ซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะบอกว่า ?ไม่รู้? ?ไม่เห็น? ไม่ได้

เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ ?สรรพสามิต? ซึ่งมีกำลัง มีสำนักงานอยู่ในทุกอำเภอ และยังมีสายตรวจสรรพสามิตประจำจังหวัด รวมทั้งสรรพสามิตจังหวัด และ สรรพสามิตเขต อยู่ด้วย เจ้าหน้าที่เหล่านี้ ทำอะไรกันอยู่ จึงไม่รู้ ไม่เห็น และ ไม่สนใจ ที่จะสืบสวนสอบสวน เพื่อ ?จับกุม? ขบวนการที่ทำผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ

และสุดท้ายเจ้าหน้าที่ ?ตำรวจ? ที่ในแต่ละ สภ. ต่างมีจุดตรวจ จุดสกัด อย่างน้อยในจังหวัดหนึ่งๆ ก็ต้องมีจุดตรวจ จุดสกัด ไม่น้อยกว่า 5 แห่ง และบางจังหวัดมีมากถึง 10 แห่ง โดยเฉพาะใน 3 จังหวัด เช่น ที่นราธิวาสมีจุดตรวจทหาร และ ตำรวจ ตั้งอย่างถี่ยิบ ทำไมจึงไม่เคยจับกุมรถยนต์ที่ดัดแปลง เพื่อใช้บรรทุกน้ำมันเถื่อนเหล่านี้ได้แม้แต่คันเดียว

วันนี้จึงมีเพียงชุดปฏิบัติการแก้ปัญหาภัยแทรกซ้อนของ ?กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า? และ เจ้าหน้าที่ ?ดีเอสไอ? เท่านั้น ที่ทำหน้าที่ตรวจค้น จับกุม ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งล่าสุดการบุกเข้าจับกุมที่ ต.สำนักขาม และที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งได้น้ำมันเถื่อนจำนวนมาก และได้รถยนต์ดัดแปลถึง 11 คัน รวมทั้งการยึดน้ำมันเถื่อนที่ ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล เป็นจำนวนมาก และเกิดปัญหาของกลาง ?ล่องหน? ในขณะที่อยู่ในความดูแลของตำรวจ จนเป็นข่าวฉ่าวโฉ่ในขณะนี้ เป็นการทำหน้าที่ของ ?ดีเอสไอ? และ กำลังทหารจาก ?กอ.รมน.? ทั้งสิ้น และพื้นที่ซึ่งถูกจับกุมอยู่ภายใต้ ?จมูก? ของ ?ศุลกากร? และเป็นน้ำมันที่ถูกขนผ่านช่องทาง ?ศุลกากร? ทั้งสิ้น

โดยหน้าที่ที่แท้จริง การปราบปรามน้ำมันเถื่อนเป็นหน้าที่โดยตรงของ ?ศุลกากร? และ ?สรรพสามิต? ส่วน ?ตำรวจ? นั้น เป็นผู้ถือกฎหมาย ?ป.วิอาญา? ที่มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว แต่เหตุใดหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้ง 3 หน่วยงาน จึงไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเอง ตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญที่ ?รัฐบาล? และหน่วยงานความมั่นคงจะต้องดำเนินการในการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ในพื้นที่ ว่า ที่ไม่จับกุม ที่ปล่อยปละละเลย เป็นเพราะ ทั้ง 3 หน่วยงาน มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่หรือไม่

การหยุดขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนที่ทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้ ?กองทัพ? ไม่จำเป็นต้องใช้ ?ดีเอสไอ? ให้สูญเสียงบประมาณ และกำลังพล เพียงแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ?ศุลกากร? ?สรรพสามิต? และ ?ตำรวจ? ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ได้ทำหน้าที่ของตนเองเท่านั้น ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนก็จะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินปลายด้ามขวาน ดังนั้นการแก้ปัญหาขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน วิธีการที่ถูกต้องที่สุด คือ จัดการแก้ปัญหาที่ ?ต้นเหตุ? นั่นคือ ?จัดการ? เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบก่อน ถ้ารัฐบาลกล้า ?เชือดไก่ให้ลิงดู? สักครอกสองครอก ปัญหาน้ำมันเถื่อนจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินอย่างแน่นอน

ไชยยงค์ มณีพิลึก
#925
ผู้ว่าฯ สงขลา ซักซ้อมแนวทางปฎิบัติแก่เจ้าหน้าที่ อ.สะบ้าย้อย  ตามมาตรการแก้ทางโจรที่ห้ามค้าขายวันศุกร์ พร้อมลงพื้นที่เรียกขวัญพี่น้องประชาชน ให้ทำมาหากินตามปกติในวันศุกร์อย่าได้หวาดกลัวต่อการข่มขู่ของผู้ไม่หวังดี

(4 ต.ค.) ที่ศาลาประชาคม อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา นายกฤษฎา  บุญราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พบปะฝ่ายปกครอง พลเรือน ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย เพื่อซักซ้อมมาตรการที่จะรักษาความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ให้สามารถทำมาหากินได้อย่างเป็นปกติ ไม่หวาดกลัวต่อคำขู่ที่ห้ามค้าขายในวันศุกร์ของผู้ก่อความไม่สงบ ด้วยการให้นายอำเภอ จัดกำลังตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ออกไปดูแลความปลอดภัยบริเวณตลาดนัดชุมชน อำเภอ หรือ เทศบาล พร้อมดำเนินมาตรการให้เกิดการค้าการขายและการทำมาหากินตามปกติในวันศุกร์และทุก ๆ วัน

เช่น ให้ส่วนราชการที่ต้องซื้อสินค้าไว้ใช้ในแต่ละหน่วย  อาทิ โรงเรียนต้องซื้อวัตถุดิบ ไว้ประกอบอาหารสำหรับนักเรียน หรือหน่วยทหารจะต้องซื้อเสบียง ให้สั่งซื้อในวันพฤหัสบดี และนัดรับสิ่งของหรืออาหารที่สั่งในวันศุกร์  ให้นายอำเภอประสานเทศบาล อบต. รวมทั้งภาคเอกชน  จัดตลาดนัด จำหน่ายสินค้าในวันศุกร์   โดยได้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 คน รวมทั้ง    ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่รับผิดชอบเป็นรายอำเภอ  เพื่อกำกับดูแลแต่ละอำเภอให้มีมาตรการเชิงรุก  โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับทหาร ตำรวจ ดูแลที่ตั้งของตลาดนัดหรือตลาดชุมชนอย่างเต็มที่  ทั้งนี้ให้นายอำเภอลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอย่างทั่วถึง

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายอำเภอสะบ้าย้อย ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตลาดเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย และ พื้นที่ชนบทห่างไกล เช่น ตำบลเปียน บ้านคลองหรัน บ้านโหนด  เพื่อพบปะพูดคุยทำความเข้าใจกับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน ให้เปิดทำการค้าขายกันอย่างเป็นปกติในวันศุกร์ และทุก ๆ วัน  โดยได้ชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบถึงสาส์นของจุฬาราชมนตรีที่ระบุถึงการทำงานในวันศุกร์ไม่ได้ขัดแย้งกับหลักการของศาสนาอิสลาม  และชี้แจงถึงความจำเป็นของการประกอบอาชีพ ที่ทุกคนจะต้องเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว 

พร้อมยืนยันสร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องประชาชนว่า  จังหวัดสงขลา โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ พร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่  โดยมีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด ลงมาดูแลในแต่ละอำเภอด้วยตนเอง  จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ อย่าได้หลงเชื่อการปล่อยข่าวของผู้ไม่หวังดีที่ไม่ให้ค้าขายในวันศุกร์ และออกมาใช้ชีวิต ทำมาหากินกันตามปกติ  ซึ่งตลอดเส้นทางของการออกพบปะประชาชนของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  ประชาชนผู้ที่ได้พบเห็นต่างรู้สึกดีใจ และปรบมือให้กำลังใจด้วยความยินดี ...
#926
โดย ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา www.prsongkhla.com

ผู้ว่าฯ สงขลา วางมาตรการแก้ทางโจร ห้ามค้าขายวันศุกร์ แบ่งงานรับผิดชอบร่วมกับรองผู้ว่าฯ ทั้ง 3 คน ลงพื้นทีคุมโซนทั้ง 4 อำเภอ

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การปล่อยข่าวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่ไม่ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ค้าขายในวันศุกร์ และจากเหตุการณ์ลอบทำร้ายผู้หญิง 3 คน ในพื้นที่อำเภอเทพา เมื่อห้วงเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น จังหวัดสงขลาได้วางมาตรการที่จะรักษาความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ให้สามารถทำมาหากินได้อย่างเป็นปกติ ด้วยการให้นายอำเภอจัดกำลังตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีหมู่บ้านละ 7 นาย ออกไปดูแลความปลอดภัยบริเวณตลาดนัดชุมชน อำเภอ หรือ เทศบาล เหมือนจัดเขตปลอดภัย (เซฟตี้โซน) รวมทั้งจัดระเบียบพร้อมตรวจตราการจัดการรถ

พร้อมทั้งให้นายอำเภอ เชิญชวนส่วนราชการที่ต้องซื้อสินค้าไว้ใช้ในแต่ละหน่วย เช่น โรงเรียนต้องซื้อวัตถุดิบ ไว้ประกอบอาหารสำหรับนักเรียน หรือหน่วยทหารจะต้องซื้อเสบียงนั้น ให้มาสั่งซื้อในวันพฤหัสบดี และนัดรับสิ่งของหรืออาหารที่สั่งในวันศุกร์ รวมทั้งให้นายอำเภอประสานเทศบาล อบต. รวมทั้งภาคเอกชนจัดตลาดนัด จำหน่ายสินค้าในวันศุกร์ เพื่อทดแทนร้านค้าที่ยังปิด นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 คน รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่รับผิดชอบเป็นรายอำเภอ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รับผิดชอบ อ.สะบ้าย้อย นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบอำเภอเทพา นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบอำเภอจะนะ และนายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบอำเภอนาทวี เพื่อกำกับดูแลแต่ละอำเภอให้มีมาตรการเชิงรุก

โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับทหาร ตำรวจ ดูแลที่ตั้งของตลาดนัดหรือตลาดชุมชนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ให้นายอำเภอลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอย่างทั่วถึง ในขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้รับผิดชอบพื้นที่อำเภอ ออกตรวจเยี่ยม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง

ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้มีจดหมายเปิดผนึกถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอ เพื่อสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ อย่าได้หลงเชื่อการปล่อยข่าวของผู้ไม่หวังดีที่ไม่ให้ค้าขายในวันศุกร์ เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ไม่มีศาสนาใดและกฎหมายใด ที่อนุญาตหรือส่งเสริมให้มีการฆ่าทำร้ายกัน รวมทั้งการห้ามทำมาหากินในวันศุกร์ด้วย

นอกจากนี้ ยังได้แจ้งไปถึงทุกครอบครัวในพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอ ว่าหากครอบครัวใดมีบุตรหลานที่กระทำความผิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ให้ติดต่อกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้โดยตรง หรือติดต่อนายอำเภอ ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานทั้ง ทหาร ตำรวจ ตามรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้แจ้งไว้ในจดหมายเปิดผนึกแล้ว ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับบัญชาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมในทุกกรณี

เช่น การจัดหาทนายความให้ หรือหาหนทางให้ได้รับการประกันตัว หรือปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดี หรือแม้แต่บุตรหลาน เยาวชนของครอบครัวใดที่ต้องการเรียนหนังสือ หรือฝึกอาชีพ ก็ให้มาติดต่อผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอแต่ละอำเภอ ซึ่งทุกคนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ มาตรการต่าง ๆ ที่จังหวัดสงขลากำลังดำเนินการอยู่นี้ หวังเพียงให้ทุกคนได้ช่วยเหลือดูแลกัน ให้พี่น้องในทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ในพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอ ได้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขที่สุด....
#927
โดย ช่อง 77 จังหวัดเนชั่นแชนแนล http://77.nationchannel.com

ข่าว สันติภาพ รามสุต สงขลา / พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้รับการร้องเรียนว่าที่บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ของห้างบิ๊กซี ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีรถจักรยานยนต์ถูกโจรกรรมบ่อยครั้ง จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ รอง ผกก.ส.สภ.หาดใหญ่ ,พ.ต.ท.ภูวดล อาบทิพย์ สว.สส.สภ.หาดใหญ่,ร.ต.อ.พณพล ภูริภากร รอง สว.สส.,หน.ชุด ปจร.หาดใหญ่ ให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาดใหญ่จำนวนหนึ่งแต่งกายชุดนอกเครื่องแบบเข้าทำการดักซุ่มเพื่อจับกุมคนร้ายในบริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์

ซึ่งต่อมาได้มีชายต้องสงสัยขึ้นนั่งคร่อมบนรถ จยย.และพยายามไขกุญแจรถจักรยานยนต์แต่ไขไม่สำเร็จจึงเปลี่ยนขึ้นนั่งคร่อมไขรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ครีม สีม่วง ดำ หมายเลขทะเบียน ขมธ 971 สงขลา และสามารถไขกุญแจรถฯได้สำเร็จ และได้เข็นรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าวออกมาจากที่จอดรถ จนท.จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมจับกุมตัวนายสมนึก ช่วยแก้ว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 7 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล จึงคุมผู้ต้องหาพร้อมรถจักรยานยนต์ มายัง สภ.หาดใหญ่

ก่อนแจ้งข้อหานายสมนึกฯข้อหาลักทรัพย์(รถ จยย.)ของผู้อื่น หรือ รับของโจร คุมผู้ต้องหาพร้อมรถ จยย.และดอกกุญแจรถจักรยานยนต์(แต่งเหลี่ยมตะไบดอกกุญแจ)จำนวน 2 ดอก ซี่ลวดก้านล้อรถจักรยานยนต์(ดัดแปลงเป็นดอกกุญแจสำหรับไขรถจักรยานยนต์)จำนวน 1 ดอก ตะไบหางหนู (ใช้สำหรับแต่งดอกกุญแจ) จำนวน 1 อัน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ในชั้นนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ สำหรับนายสมนึกฯเป็นอดีต ตำรวจสังกัดอยู่ จว.พัทลุง ถูกออกจากราชการ เนื่องจากต้องคดี พยายามฆ่าผู้อื่น ผู้เสียหายท่านใดสงสัยว่าจะเคยถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุลักขโมยรถจักรยานยนต์ ในลานจอดรถของห้างดังกล่าวสามารถขอดูตัวผู้ต้องหาได้ที่ สภ.หาดใหญ่ ในเวลาราชการ
#928
โดย ช่อง 77 จังหวัดเนชั่นแชนแนล http://77.nationchannel.com

ข่าว สันติภาพ รามสุต สงขลา / คืบหน้าเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 สงขลาหลบหนีออกจากศูนย์ฝึกฯเขต 9 จำนวน 12 คน ขณะนี้สามารถจับได้แล้ว4 คน คงเหลืออีก 8 คน เร่งติดตามตัวโดยประสานกับทางพ่อแม่ผู้ปกครอง หากเด็กกลับบ้านขอความร่วมมือให้ช่วยส่งกลับมาที่ศูนย์ฝึกฯเขต9 สงขลา

จากกรณีเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 สงขลา จำนวน 12 คน ได้หลบหนีออกมาจากศูนย์ฝึกฯ ทางเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังตำรวจ สภ.เมืองสงขลา ทั้งตำรวจสายตรวจ ตำรวจชุมชนตำบล.และเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฯ แยกย้ายกันออกค้นหาโดยมีเครือข่ายสมาชิกวิทยุเครื่องแดงคอยแจ้งเบาะแสอยู่ตลอดเวลา และสามารถจับกุมได้แล้ว จำนวน 4 คน แต่ประสบปัญหาเนื่องจากเป็นเวลากลางคืนเยาวชนอาศัยความมืดหลบหนีได้ง่าย ทางเจ้าหน้าที่ยังคงออกติดตามตัวเยาวชนที่หลบหนีอยู่ตลอดเวลา เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา

วันนี้ ที่ 4 ตุลาคม 2555 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฯเขต 9 สงขลา ยังคงเร่งติดตามตัวเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 9 สงขลา ที่หลบหนีออกจากศูนย์ฝึกฯ โดยจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าเด็กที่หนีไปมีทั้งหมด12 คน ติดตามกลับมาได้แล้ว4 คน ส่วนที่เหลืออีก8 คนยังอยู่ระหว่างการหลบหนีซึ่งทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฯได้ประสานไปยังผู้ปกครองของเด็กเพื่อช่วยหาเบาะแสและหากพบตัวก็ให้นำกลับมามอบตัว

ทางด้าน พ.ต.ท.ถาวร ผลกล้า รอง ผกก.สภ.เมืองสงขลา ซึ่งควบคุมดูแลการติดตามจับกุมเยาวชนที่หลบหนี เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการกำชับให้ชุดสายตรวจรถยนต์และชุดสายตรวจรถจักรยานยนต์ รวมตำรวจจราจร ให้เฝ้าสังเกตเยาวชนที่ต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นเยาวชนที่หลบหนีออกจากศูนย์ฝึกฯให้ทำการเรียกตรวจและควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกมาทำการดูตัวอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามทางศูนย์ฝึกฯได้ทำการตรวจเช็คยอดจำนวนเยาวชนทั้งหมด เพื่อตรวจสอบเยาวชนที่หายไปกี่คนและสามารถทราบชื่อที่อยู่ได้ทำการประสานไปทางพ่อแม่ผู้ปกครองให้ทราบแล้ว หากเยาวชนหลบหนีกลับไปบ้านก็ขอความร่วมมือให้ช่วยนำส่งกลับศูนย์ฝึกฯด้วย
#929
โปรแกรมการแข่งขัน4นัดของครึ่งเดือนแรกตุลาคม Writen by ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัวชนยูไนเต็ด


(อาทิตย์ที่7ตุลาคม ไทยลีก วัวชน-โอสถสภา)

สโมสรฟุตบอลวัวชน ยูไนเต็ด ขอเชิญชาวสงขลาและชาวใต้ ร่วมชมการแข่งขันฟุตบอล

สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ระหว่างทีมตัวแทนชาวใต้ในไทยพรีเมียร์ลีก

วัวชน ยูไนเต็ด ที่นำทีมโดย ไชยรัตน์ หมัดศิริ มานพ สอนแก้ว กีรติ เขียวสมบัติ อารอน ดา ซิลวา

พบกับทีมโอสถสภา เอ็ม 150 ที่มีนักเตะชื่อดังอาทิ อภิภู สุนทรพนาเวศ ไพฑูรย์ เทียบมา ฉัตรชัย บุตรพรหม

บัตรเข้าชมสี่ราคา 120 100 80 และเด็ก30บาท

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


(พุธที่10ตุลาคม ลีกวัน สงขลา-บางกอกเอฟซี)

สโมสรฟุตบอลสงขลา ขอเชิญชาวสงขลา ร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลยาฮามาฮ่าลีกวัน

ระหว่างทีม วัวชนแดนใต้ สงขลาเอฟซี ที่นำทีมโดย อิทธิพล หนุดหละ วิทวัส เอี่ยมรัมย์ มีเดช สรายุทธพิสัย

พบกับทีมกระทิงเหล็ก บางกอกเอฟซี ที่นำทีมมาโดย ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

พร้อมนักเตะชื่อดังมากมาย อาทิศรายุทธ ชัยคำดี มิก้า ชูนวลศรี กิตติพล ปาภูงา

บัตรเข้าชมสี่ราคา 80 60 40 และเด็ก20บาท

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

(เสาร์ที่13ตุลา ลีกวัน สงขลา-ปตท.ระยอง) สโมสรฟุตบอลสงขลา ขอเชิญชาวสงขลา

ร่วมชมการแข่งขัน ฟุตบอลยาฮามาฮ่าลีกวันระหว่างทีม วัวชนแดนใต้ สงขลาเอฟซี

ที่นำทีมโดย อิทธิพล หนุดหละ วิทวัส เอี่ยมรัมย์ มีเดช สรายุทธพิสัย

พบกับทีมพลังเพลิง ปตท.ระยอง ที่นำทีมมาโดย ดุสิต เฉลิมแสน พร้อมนักเตะชื่อดังมากมาย

ยุทธนา ไชยแก้ว นะเรศ กาพย์ไกรแก้ว อดิศักดิ์ ศรีกำปัง

บัตรเข้าชม80 60 40 และเด็ก20บาท

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

(อาทิตย์ที่14ตุลาคม ไทยลีกวัวชน-อิสาน)

สโมสรฟุตบอลวัวชน ยูไนเต็ด ขอเชิญชาวสงขลาและชาวใต้ ร่วมชมการแข่งขันฟุตบอล

สปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ระหว่างทีม ตัวแทนชาวใต้ในไทยพรีเมียร์ลีก วัวชน ยูไนเต็ด

ที่นำทีมโดย ไชยรัตน์ หมัดศิริมานพ สอนแก้ว กีรติ เขียวสมบัติ อารอน ดา ซิลวา

พบกับทีมอิสานยูไนเต็ด ที่มีนักเตะชื่อดังมากมายอาทิ

เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ วิชา นันทะศรี ซาเยเน่ ซานโต๊ส

บัตรเข้าชมสี่ราคา 120 100 80 และเด็ก30บาท
#930
โดย มติชน www.matichon.co.th

ในอนาคต ชาวสิงคโปร์อาจต้องอาศัยและทำงานในพื้นที่ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ เนื่องจากพื้นที่บนดินปัจจุบันเริ่มลดน้อยลงทุกที
 
ดร.จอห์นเคี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเพื่อการก่อสร้างและอาคาร (บีซีเอ) ภายใต้สังกัดกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติสิงคโปร์ เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ สเตรทไทมส์ว่า สาเหตุที่โครงการก่อสร้างพื้นที่ใต้ดินมีขึ้น ก็เพื่อหาวิธีเพื่อขยายพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดของประเทศด้วยวิธีที่ยังไม่มีการสำรวจมาก่อน

เขากล่าวว่าจริงอยู่ที่สิงคโปร์ยังสามารถมีสิ่งก่อสร้างได้อีกมาก แต่ก็มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เนื่องจากประเทศอาจต้องใช้พื้นที่เพื่อการอื่นเช่น ท่าเรือหรือสนามบินเพิ่ม หนทางเดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือใต้ดิน

ก่อนหน้านี้สิงคโปร์เคยทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่โดยการขุดลงไปใต้ดินเมื่อปี 2010 โดยบีซีเอได้จัดตั้งสำนักงานธรณีวิทยาขึ้นเพื่อทำการศึกษาองค์ประกอบของดิน ในพื้นที่ต่างๆทั่วเกาะ นายเคี้ยงมองว่า นี่เป็นแผนระยะยาวที่อาจมองไปไกลถึงปี 2050 หรือ 2100 ซึ่งรวมถึงแผนและระบบป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาล เพื่อรับมือกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาโลกร้อน

โดยนับตั้งแต่ที่บีซีเอจัดตั้งสำนักการจัดการโครงการและชายฝั่งขึ้นเมื่อปี2008 โดยส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาดูงานเรื่องการจัดการระบบการป้องกันน้ำท่วม ในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ อาทิ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และอังกฤษ
ส่วนผลการศึกษาด้านผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งสิงคโปร์ และความเป็นไปได้ต่อผลทางเศรษฐกิจ ที่ใช้เวลานาน 3 ปี ที่ริเริ่มโดยบีซีเอเมื่อปี 2010 นั้น กำลังจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้

และแม้ว่าบีซีเอได้ขยายบทบาทหน้าที่ในระยะยาวแล้ว แต่นายเคี้ยงเผยว่า หนึ่งในเป้าหมายที่คณะกรรมการชุดปัจจุบันต้อใทำอย่างเร่งด่วนคือ การเปลี่ยนแปลงการรับรู้ที่ว่าการก่อสร้างได้ก่อให้เกิดความสกปรก เสียงดัง และให้ภาพที่ไม่เจริญหูเจริญตา และการดึงดูดชาวสิงคโปร์ให้เข้าสู่ภาคส่วนดังกล่าวมากขึ้น

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า โครงการการก่อสร้างใต้ดินของสิงคโปร์ส่วนใหญ่ จะใช้เพื่อจุดประสงค์ในการเป็นคลังสินค้าและเพื่อการขนส่ง และรัฐบาลยังสำรวจถึงความเป็นไปได้ในการใช้สำหรับเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและทำงานสำหรับคนทั่วไปด้วย

ขณะที่ในเนเธอร์แลนด์รัฐบาลมีแผนสร้างเมืองใต้ดินบริเวณเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีมูลค่าราว 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสร้างเป็นอาคารเอนกประสงค์เบื้องล่างคลองและถนนของเมือง

มีคำถามให้คิดต่อเพื่อนร่วมชาติอาเซียนไปถึงเมืองใต้ดินแล้ว ประเทศไทยของเราก็ไม่น้อยหน้าเพราะกำลังเป็นเมืองใต้น้ำกันอีกแล้ว
#931
โดย มติชน www.matichon.co.th

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา19.00 น.วันที่ 2  ตุลาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์เด็กในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต9 สงขลา นับร้อยคนก่อเหตุทะเลาะวิวาทและยกพวกตีกัน เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกฯไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากเด็กในศูนย์ฝึกใช้ไม้และอาวุธปลายแหลม และยังมีทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ต้องประสานขอกำลังจากทางตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และ อส.อำเภอเมือง และหน่วยกู้ภัย เข้าไปช่วยควบคุมสถานการณ์

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้าไประงับเหตุและ แยกทั้งสองฝ่ายออกจากกันใช้เวลากว่า1 ชั่วโมง จึงสามารรถควบคุมเหตุการณ์ได้ และมีเด็กได้รับบาดเจ็บประมาณ 63 คน ทั้งศีรษะแตกและร่างกายฟกช้ำ ซึ่งมีสาหัส  2 ราย  ต้องลำเลียงส่งโรงพยาบาลสงขลาและจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลที่โรงพยาบาบาลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการหลบหนีและกระทบกระทั่งการอีกครั้ง

จากการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่าเด็กที่ยกพวกตีกัน เป็นเด็กจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มี ปัตตานี ยะลาและ นราธิวาส กับเด็ก จ.สงขลา ที่มีเรื่องเขม่นกันมาตลอดและ เคยก่อเหตุยกพวกตีกันมาแล้ว ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน และเจ้าหน้าที่กำลังเคลียร์พื้นที่ภายในศูนย์ฝึกเพื่อสำรวจความเสียหาย และจับหัวโจกที่ก่อเหตุแยกออกจากกลุ่มเด็ก
#932
โดย มติชน www.matichon.co.th

การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย
 
ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากเกษียณอายุราชการและการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง จำนวน 24 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ ดังนี้
 
1. นายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
 
2. นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสกลนคร ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
 
3. นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รองอธิบดี (นักบริหารต้น) กรมการปกครอง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสกลนคร
 
4. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดขอนแก่น
 
5. นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดระยอง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดอุดรธานี
 
6. นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดจันทบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดระยอง
 
7. นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดลำพูน ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดจันทบุรี
 
8. นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดบึงกาฬ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดชัยภูมิ
 
9. นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดระนอง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดชุมพร
 
10. นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเชียงราย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเชียงใหม่
 
11. นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดน่าน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเชียงราย
 
12. นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดร้อยเอ็ด ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครปฐม
 
13. นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ตรวจราชกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดร้อยเอ็ด
 
14. นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดเพชรบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครราชสีมา
 
15. นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครสวรรค์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพิษณุโลก
 
16. นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพิษณุโลก ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดนครสวรรค์
 
17. นายศิริพงศ์ ห่านตระกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดปทุมธานี
 
18. นายประมุข ลมุล ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดปัตตานี
 
19. นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสุโขทัย ให้ดำรงตำแหน่ง  ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพิจิตร
 
20. นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดพะเยา ให้ดำรงตำแหน่ง       ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดภูเก็ต
 
21. นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสิงห์บุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดลพบุรี
 
22. นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดสมุทรปราการ
 
23. นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดอุบลราชธานี
 
24. นายกำธร ถาวรสถิต์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองสูง) จังหวัดอำนาจเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า แต่งตั้ง เป็นต้นไป
#933
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา"พายุ ?เกมี? (GAEMI)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 02 ตุลาคม 2555

เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ พายุโซนร้อน ?เกมี? (GAEMI) ที่ทวีกำลังแรงขึ้นจากพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 700 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 17.0 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 114.8 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กม./ชม. พายุนี้เกือบจะไม่เคลื่อนที่ และในช่วงวันที่ 2-3 ต.ค. 2555 ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย

ในช่วงวันที่ 4-5 ต.ค. คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนาม และในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. จะเคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ของประเทศไทย ตามลำดับ ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 2-3 ต.ค. นี้ ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประทศไทยมีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย//

กรมอุตุนิยมวิทยา//ข้อมุล
#934
สงขลา เอฟซี 2 - ราชประชา เอฟซี 1

ที่สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา "วัวชนแดนใต้" สงขลา เอฟซี ทีมอันดับ 15 ของตาราง แข่ง 28 นัดมี 29 คะแนน เปิดรังรับ "ตราชฎา" ราชประชา เอฟซี ทีมอันดับที่ 16 ของตารางแข่ง 28 นัดมี 22 คะแนน

เกมนี้ทางด้านสงขลา เอฟซี ส่ง เอลวิส จ็อบ, โยชิ เนฮิดะ และ วิทวัส เอี่ยมรัมย์ ลงเป็นสามประสานแดนหน้า ส่วนราชประชาใช้ สันติธร สิทธิรมย์, จนาวัฒน์ อารีวรรณสุข, ประวิทย์ ภมรพล, ฉัตรชัย บุญมา เป็นกำลังหลักของทีม

เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาแรกสงขลาสามารถทำเกมรุกได้ดีกว่าทีมเยือนราชประชาโดยใช้เกมริมเส้นสลับซ้ายขวาเป็นหลัก แต่ยังไม่สามารถเข้าไปยิงประตูได้ น.9 วิทวัส เอี่ยมรัมย์ ของสงขลา ได้โอกาสยิงหน้ากรอบแต่โดนผิดเหลี่ยมบอลหลุดเสาแรกออกหลังไป

ราชประชาเกมบุกโต้กลับโดยรอความผิดพลาดของผู้เล่นสงขลาทำเกมรุกเพื่อควานหาประตูแต่จังหวะสุดท้ายโดยแนวรับสงขลาเคลียร์บอลทิ้งได้ทุกจังหวะ น.23 ราชประชาได้โต้กลับเร็ว วิคตอร์ เมนซาร์ กระชากบอลเข้ากรอบเขตโทษล็อกหนึ่งจังหวะก่อนซัด แต่ไปโดน โยชิ เนฮิดะ ของสงขลา ออกมาบล็อกลูกยิงของกองหน้าราชประชาพ้นเขตอันตรายไปได้

น.28 ราชประชาได้ฟรีคิกระยะ 35 หลาริมเส้นฝั่งขวา สันติธร สิทธิรมย์ เปิดไปให้ ฉัตรชัย บุญมา ได้โขก แต่บอลหลุดข้ามคานไปไกล น.37 สงขลาเปลี่ยน สามารถ เพชรหนู ลงไปแทน สมชาย หมาดเอียด น.38 ราชประชาได้ลุ้น สันติธร สัทธิรมย์ เปิดลูกเตะมุมมาหน้ากรอบบอลเลยไม่ถึงเท้า จนาวัฒน์ อารีวรรณสุข ได้ซัดบอลพุ่งแรงแต่หลุดเสาแรกอย่างน่าเสียดาย

เกมเข้าสู่ช่วงทดเจ็บ น.1 สงขลาได้เฮเมื่อได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ วิทวัส เอี่ยมรัมย์ ทางสุดเส้นหลังฝั่งขวายกบอลไปหน้ากรอบ ชัยวัฒน์ ฤทธิศักดิ์ วิ่งเข้ามาซัดเผาขนเป็นประตูขึ้นนำให้สงขลา เอฟซี นำราชประชา เอฟซี ในครึ่งแรก 1-0

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง สงขลายังคงครองเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง น.52 ชัยวัฒน์ ฤทธิศักดิ์ จ่ายบอลให้ เอลวิส จ็อบ ลากบอลเข้ากรอบได้ยิงบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ไม่ผ่านมือ กฤษณพงษ์ บุรีภักดี นายด่าน ราชประชา จัดการคว้าบอลติดมือ

น.54 ฉัตรชัย บุญมา ของราชประชา รับใบเหลืองจากการสกัดบอลพลาดใส่ สิโรตน์ มีบุญ น.56 ราชประชา ถอด เปโดร โอริเวร่า ส่ง เบนจามิน ลงไปแทน น.62 ราชประชามาได้ประตูตีเสมอสำเร็จ จาก ยอง วู ยุน หลุดเข้าไปโขกเสียบตาข่าย ส่ง ราชประชา ตีเสมอ สงขลา 1-1 น.63 ราชประชา เปลี่ยนตัว ส่ง ศราวุธ สินธุพัน ลงไปแทน นริศ พูนทรัพย์

น.65 สงขลา แก้เกม ถอด สิโรตจ์ มีบุญ กองกลาง ออกส่ง วิทยา หมัดอาหิน เติมในแดนหน้า ราชประชาบุกหนัก น.66 ยอง วู ยุน กระชากบอลเข้าหน้ากรอบแตะบอลให้ ศราวุธ สินธุวิน ได้สับไกเต็มเท้า บอลกำลังพุ่งเข้ากรอบ แต่ทางนายด่านสงขลา บินปัดบอลออกหลังได้หวุดหวิด

น.71 สงขลา ส่ง กิตติชัย รักบุตร ลงไปแทน ชัยวัฒน์ ฤทธิศักดิ์ และได้ฟีคิก ระยะ30 หลา เป็น กิตติชัย รักบุตร รับหน้าที่ซัดบอลพุ่งแรงตุงตาข่ายสุดสวย สงผลให้ สงขลา ขึ้นนำ ราชประชา 2-1

น.75 ถอด สันติธร สิทธิรมย์ ออกส่ง ธนโชติ ทรัพย์พูน ลงไปแทน น.78 ราชประชา เหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ ฉัตรชัย บุญมา ไม่พอใจคำตัดสิน โดนกรรมการควักใบแดงไล่ออกจากสนาม น.80 อิทธิพล หนุดหละ รับใบเหลืองจากการเข้าบอลแรงใส่ ศราวุฒิ สินธุพัน

น.84 วิทยา หมัดอาหิน สปีดบอลจากทางขวาหลุดเข้ากรอบเขตโทษจัดการซัดแต่เข้าหน้าต่างไม่เป็นประตู น.87 เซดู ของสงขลารับใบเหลือง จากสกัดผิดจังหวะใส่ กฤษณ วงษ์บุตรดี เข้าสู่ช่วงท้ายเกมการครองบอลส่วนใหญ่ตกเป็นของ สงขลา เอฟซี พยายามบุกเพื่อหาประตูเพิ่มแต่ทำไม่ได้ จนหมดเวลาการแข่งขัน สงขลา เอฟซี เปิดบ้านเอาชนะ ราชประชา เอฟซี 2-1

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/
#935
เด็กสมัยนี้อาจไม่ตื่นเต้นกับเทศกาลชิงเปรต แตกต่างจากชีวิตในวัยเยาว์ของคนที่มีอายุย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 กว่าปีก่อน เมื่อใกล้ถึงเทศกาลเดือนสิบเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นมากมาย ทำไมต้องตื่นเต้นเพราะเวลาวันสารทเดือนสิบเราก็จะมีขนมมกินหลายอย่างเลย

ก่อนถึงวันเดือนสิบ พี่ชายผมมีหน้าที่ไปหายอดพ้อ หรือกระพ้อ หากล้วยน้ำว้าหรือถ้าได้กล้วยนางยาจะดีมากเลยเอามาตระเตรียมไว้กะว่าบ่มไว้ให้สุกในวันเดือนสิบพอดีเพื่อที่จะได้ใช้ทำต้ม ทำข้าวต้มมัด ในวันเดือนสิบ ในแต่ละปีวันชิงเปรต จะมี 2 ครั้งคือ ครั้งแรก วันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ เรียกว่าวันรับเปรต ครั้งที่ 2 วันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ เรียกว่าวันส่งเปรต นอกจากการทำต้ม ทำข้าวต้มแล้ว ขนมประจำเดือนสิบก็ต้องมีแน่นอนคือ ขนมเจาะหู บางปีแม่ก็ทำขนมค่อม ขนมเทียนเสริมมาด้วย ส่วนขนมาา ขนมพอง และผลหมากรากไม้อื่นๆ ก็จะจัดเตรียมหาซื้อมาจากตลาด

การทำขนมเดือนสิบของที่บ้านผมและทุกๆ บ้าน ไม่ได้ทำเพียงแค่พอรับประทานในบ้านเท่านั้น ต้องทำเผื่อไปทำบุญที่วัด ถวายพระ ตั้งร้านเปรต และแจกเพื่อนบ้านโดยเฉพาะบ้านที่เป็นญาติผู้ใหญ่ เอาไปให้เขา เขาให้กลับมา ขนมเจาะหูในหม้อเขียวที่บ้านจึงไม่ได้มีแค่ฝีมือแม่เท่านั้นแต่ยังมีของป้าเลื่อน ของน้าลิ่ม ของพี่สาว อีกสารพัดคนเเกินกว่าจะบรรยายได้หมด เช่นเดียวกับขนมต้ม ข้าวต้มมัดทั้งหลายมีทั้งแบบเหนียวขาว เหนียวดำ ใส่ถั่ว เรียกว่าเดือนสิบแต่ละปีได้กินขนมของคนทั้งควนเลยทีเดียว

ผมเป็นคนไม่เจนจัดเรื่องทำของกิน เรียกว่าช่วยได้อย่างดีก็แค่สับหางต้ม เขี่ยหนมเจาะหู หาไม้ฟืน อยู่เป็นลูกมือแม่บ้างหรือบางทีก็หนีเที่ยวกลับทีเดียวตอนได้กินเลย แต่ยังดีที่มีพี่หลวง พี่บ่าวอีกคนคอยเป็นผู้ช่วยหลักและทำเป็นทุกอย่างไม่ว่าจะแทงต้ม หลบเหนียว ลายแป้ง ปั้นหนมเจาะหู แหลงเรื่องหนมเจาะหู เชื่อว่าอาจไม่ใช่เมนูโปรดของใครๆ แต่ถ้าจำกันได้เชื่อว่าหลายคนจะคิดเหมือนผม หนมเจาะหูยิ่งใกล้หมดยิ่งกินหรอย แม่ทำไว้หม้อเขียวใบเติบกินกันเกือบเดือน แรกๆ ไม่ค่อยมีใครกินแต่พอใกล้หมดชิงกันพักเดียว

เมื่อถึงวันไปวัดทุกคนจะที่บ้านจะตื่นกันแต่หัวรุ่ง ทำกับข้าวเมนูเด็ดๆ อาทิ แกงคั่วกุ้งกับหน่อไม้ แกงจืด ขนมหวานพวกวุ้น บัวลอย ผลไม้ดีๆ องุ่น ลองกอง แอปเปิ้ลเตรียมไว้เพื่อพาไปวัดโดยเฉพาะ วัดก็อยู่ไม่ไกลบ้านมาก วัดคงคาเลี้ยวหรือสำนักสงฆ์คงคาเลี้ยว ที่นี่เดินไปก็ถึงแต่ถ้ามาวัดถ้ำเขาพระ ต้องมากับรถเครื่องหรือพลอยรถยนต์ญาติๆ มา ที่วัดจะมีพิธีสงฆ์ตามประเพณี ถวายข้าว ไหว้พระขอพร แต่เด็กๆ แบบเราใจจดจ่ออยู่ที่ร้านเปรต จ้องแลของหรอยๆ ขนม ผลไม้ที่ไม่ค่อยได้กิน ส่วนพวกเมนูพื้นๆ หนมต้ม หนมรา ข้าวพองจะถูกลืมไปเลย

แต่พอเอาเข้าจริงของบนร้านเปรตที่เป็นของดีๆ จะได้คนใหญ่ที่มาแย่งเด็กหรือได้เด็กประเภทถ้าแหลงบ้านๆ คืออยู่เสือกๆ หาญๆ บางคนชิงไปตั้งแต่พระยังไม่ทันตัดสายสิญน์ด้วยซ้ำไป หลังจากวันเดือนสิบไปแล้ว หนมต้มที่เหลือจะโดนแปรสภาพเป็นต้มปิ้ง ย่าง ทอด เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอร่อยที่เคี้ยวกันให้แข็ดกรามไปเลย บทสรุปของงานเดือนสิบในมุมมองส่วนตัวคิดว่านือคือวันกตัญญู เป็นวันที่เราได้ระลึกนึกถึงบรรพบุรุษ ไดทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ท่าน เหนือสิ่งอื่นใดยังได้พบปะญาติพี่น้องที่กลับมารวมกันนานทีปีหน พอเจอหน้ากันแบบนี้ก็แถมงานบุญนิดๆ เทศกาลไหนๆ พี่ไทยก็ตั้งวง

ว่าไปแล้วงานเดือนสิบน่าจะเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของคนใต้บ้านเราขนานแท้นะครับ แต่นอกเหนือจากที่นครแล้วก็ไม่เห็นมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคท้องถิ่น ภาคการท่องเที่ยวไหนในสงขลาส่งเสริมประเพณีบรรพบุรุษตัวเองอย่างจริงจังเลย ผิดกับงานฝรั่ง งานจีน หรืองานผีเข้าฝัน ไม่ว่าจะเป็น ปีใหม่ กินเจ ตรุษจีน แฟชั่น ใส่หมวก ใส่วิก ลองเปลี่ยนมาเป็นประเพณีสารทเดือนสิบให้ยิ่งใหญ่บ้างได้ไหมครับเจ้านาย เพราะงานนี้ไม่ต้องมีใครเข้าฝันหากท่านทำจริงจังผลบุญถึงบรรพบุรุษแน่นอน เรียนชี้แนะด้วยความเคารพ

อ่านเรื่องเล่าแบบลูกทุ่งๆ บ้านกันแล้ว มาดูที่เป็นเนือหาสาระของประเพณวันสารทเดือนสิบจาก www.school.net.th กันบ้างครับ

เดือนสิบในอดีตมีการทำเสาเปรตข้างบนจะมีของกินหรอย รวมทั้งเงินรางวัลสำหรับคนที่ปีนขึ้นไปเก็บได้ด้วย

ประเพณีวันสารทเดือนสิบ การทำบุญวันสารทเดือนสิบ หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า วันชิงเปรตนั้นในเดือนสิบ(กันยายน) มีการทำบุญที่วัด 2 ครั้ง

ครั้งแรก วันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบเรียกว่า วันรับเปรต (ปีนี้ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม 255 ) ครั้งที่สองวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ เรียกว่าวันส่งเปรต (ปีนี้ตรงกับวันที่ 15 ตุลาคม 255)

การทำบุญทั้งสองครั้งเป็นการทำบุญที่แสดงถึงความกตัญญูต่อบุพการีผู้ล่วงลับไปแล้วโดยอุทิศส่วนกุศลไปให้วิญญาณของบรรพบุรุษที่ตกอยู่ในเปรตภูมิเป็นคติของศาสนาพราหมณ์ที่ผสมใน

ประเพณีของพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนนิยมไปทำบุญ ณ วัดที่เป็นภูมิลำเนาของตนเพื่อร่วมพิธีตั้งเปรตและชิงเปรตอาจสับเปลี่ยนกันไปทำบุญ ณ ภูมิลำเนาของฝ่ายบิดาครั้งหนึ่งฝ่ายมารดาครั้ง

หนึ่งจึงทำให้ผู้ที่ไปประกอบ อาชีพจากถิ่นห่างไกลจากบ้านเกิดได้มีโอกาสได้กลับมาพบปะสังสรรค์และรู้จักวงศาคณาญาติเพิ่มขึ้น

ขนมเดือนสิบ จัดขึ้นโดยเฉพาะใช้ในโอกาสทำบุญเดือนสิบ ที่จำเป็นมี 5 อย่าง คือ
1.ขนมลา เป็นสัญลักษณ์แทนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม
2.ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทนแพ สำหรับญาติผู้ล่วงลับใช้เดินทาง
3.ขนมกง ( ขนมไข่ปลา ) เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องประดับ
4.ขนมเจาะรูหรือขนมเจาะหูหรือขนมเบซำ เป็นสัญลักษณ์แทนเงินสำหรับใช้จ่าย
5. ขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทนสะบ้า สำหรับใช้เล่นสะบ้าในวันสงกรานต์

ในวันแรม 1 ค่ำเดือนสิบ ชาวบ้านจัดภัตตาหารไปทำบุญที่วัดชาวบ้านเรียกวันนี้ว่าวันชิเปรตเป็นวันที่ยมบาลเปิดนรกปล่อยเปรตชนมาเยี่ยมลูกหลาน ลูกหลานก็ทำบุญต้อนรับครั้งหนึ่งใน วันแรม

15 ค่ำเดือนสิบเรียกว่าวันส่งเปรตเป็นวันที่เปรตชนต้องกลับยมโลกลูกหลานก็จะทำบุญเลี้ยงส่งอีกครั้งหนึ่ง

เดือนสิบปีนี้อย่างลืมหลบเรินหลบรังกลับบ้านเกิดไปไหว้บรรพบุรุษและพบปะญาติพี่น้องกันนะครับ
#936
ผู้ว่าฯสงขลา มอบโล่รางวัลให้กับ อบจ.สงขลา ในประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่น ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระดับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ประจำปี 2554

(27 ก.ย. 55) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายกฤษฎา  บุญราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  มอบโล่รางวัลให้แก่ นายอุทิศ  ชูช่วย  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา  ประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทีมีผลงานดีเด่น ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระดับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ประจำปี 2554 เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติและเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
           
นายโส  เหมกุล  หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา  กล่าวว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดให้มีการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่น ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระดับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ประจำปี 2554 
           
สำหรับระดับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 ประกอบด้วย จังหวัดในเขตศูนย์   5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลงานดีเด่น ได้รับรางวัล ประเภทองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
#937
ที่ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา  อ.เมือง จ.สงขลา  เมื่อวานนี้  (26 ก.ย.55) นายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัย และสร้างสรรค์จังหวัดสงขลา

เพื่อสรุปผลการดำเนินงานการเฝ้าระวัง และขับเคลื่อนทางวัฒนธรรม รวมทั้งการเผยแพร่ทางวัฒนธรรมในรอบปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินกิจกรรมในทุกกลุ่ม ทั้งในกลุ่มนักเรียน เยาวชน และประชาชนทุกสาขาอาชีพ ซึ่งผลการดำเนินงานประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ  โอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้มอบเงินรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดสื่อปลอดภัย และสร้างสรรค์ จังหวัดสงขลา ดังนี้

ประเภทสื่อหนังตะลุง  ได้แก่ นายพงศ์พันธ์  ทินนิมิต 
ประเภทสื่อรายการวิทยุ  ได้แก่  นายรอฝีอ๊ะ  หรือ  อริสา หมานละ  สถานีวิทยุชุมชนนกเขา เรดิโอ อำเภอจะนะ
ประเภทสื่อชาวบ้าน   ได้แก่  ?นักแต่งกลอน?   นายสวัสดิ์   ยางทอง   อำเภอควนเนียง
ประเภทศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมดีเด่น ได้แก่ ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม  อำเภอบางกล่ำ
ประเภทศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ได้แก่ ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมวิทยาลัยเทคโนโลยีสงขลา   อำเภอเมืองสงขลา

ในโอกาสนี้  นายสุรพล  พนัสอำพล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของจังหวัดสงขลา และภาคใต้  เช่นหนังตะลุง มโนรา และอื่นๆอีกหลายอย่างที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติสืบทอดกันมากำลังจะสูญหายไป เพราะมีวัฒนธรรมยุคใหม่คืบคลานเข้ามาทดแทน จึงขอฝากให้ผู้เกี่ยวข้อง และคนไทยได้ให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมไทยทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติเพราะเป็นเอกลักษณ์จองชาติไทย....


ดำรง  เศวตพรหม//ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
#938
โดย เดลินิวส์ www.dailynews.co.th

กรมการขนส่งทางบกเตรียมนำแผ่นป้ายทะเบียนรถรูปแบบใหม่ออกให้บริการปชช. หลังหมวดสุดท้าย ?ฆฮ? หมดกลางต.ค.นี้

เมื่อวันนี้  25 ก.ย. ที่กรมการขนส่งทางบก นายสมชัย  ศิริวัฒนโชค อธิบดีฯ  แถลงข่าวการกำหนดเลขทะเบียนรถยนต์และจักรยานยนต์แบบใหม่ โดยจะเริ่มหมวดอักษรจาก 1 กก 1 เรียงตามลำดับ จนถึง 1 กก 9999  และเริ่ม 1 กข 1 จนถึง 1 กข 9999 ต่อด้วย 1 กค 1 ถึง 1 กค 9999  เรื่อยไปจนถึง 1 กฮ 9999 หลังจากนั้น จึงใช้ตัวเลข 2 ถึง 9 นำหน้าหมวดตัวอักษรตามประกาศกำหนดให้กับเจ้าของรถที่ยื่นจดทะเบียน  คาดว่าหมายเลขทะเบียนรถยนต์รูปแบบใหม่นี้จะใช้ได้ 157 ปี เนื่องจากขณะนี้หมวดอักษร ฆฮ  ซึ่งเป็นหมวดสุดท้ายจะหมดลงภายในกลางเดือน ต.ค.นี้    ส่วนจักรยานยนต์คาดว่าจะใช้ได้ 289 ปี ดังนั้นกรมการขนส่งทางบกจึงจะเริ่มใช้หมวดอักษร แบบใหม่   โดยได้มีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องการกำหนดใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถแบบใหม่ดังกล่าวแล้ว

นายสมชัย  กล่าวว่า แผ่นป้ายทะเบียนรถรูปแบบใหม่นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะ และรูปแบบของแผ่นป้ายทะเบียนรถ จากรูปแบบเดิมเล็กน้อย  โดยแผ่นป้ายทะเบียนสำหรับรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน รถยนต์รับจ้างสามล้อ  รถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร  รถยนต์บริการให้เช่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7คน (รถเก๋ง) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถใช้งานเกษตรกรรม มีขนาดของแผ่นป้ายเท่าเดิม คือ กว้าง 15 ซ.ม. ยาว 34 ซ.ม. และมีตัวอักษร ขส อยู่ภายในวงกลม มุมล่างขวา โดยแบ่งเป็นสองบรรทัด

สำหรับตัวเลขและตัวอักษรจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย  สำหรับป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลและจักรยานยนต์สาธารณะตามกฎหมายใหม่นี้จะแบ่งออกเป็นสามบรรทัด บรรทัดแรกเป็นตัวเลขด้านหน้าตัวอักษรประจำหมวดตัวที่หนึ่งและตัวอักษรประจำหมวดตัวที่สอง บรรทัดที่สองเป็นตัวอักษรแสดงจังหวัด บรรทัดที่สามเป็นหมายเลขทะเบียนไม่เกินสี่หลัก เป็นต้น  สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์  www.dlt.go.th หรือ สอบถามได้ที่สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบกหมายเลขโทรศัพท์ 0 2271 8708 หรือ 0 2271 8888 ต่อ 2408  อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งทาย.
#939
โดย ศูนย์ข่าวบ้านเรา www.Gimyong.com

วันที่ 24 ก.ย. 55 ที่บริเวณหน้าเทศบาลนครสงขลา นายจรัญ บิลพัฒน์  รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา พร้อมด้วย นายสมเกียรติ กิมาคม รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา นายทศ ฤทธิรงค์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครสงขลา  นางจวงจันทร์ หิรัญสาลี ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครสงขลา และ นายสุธน เทียบทอง เลขานุการนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้เดินทางมายื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อ นายพีระ ตัณติเสรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา โดยให้มีผลทันทีตั้งแต่วันนี้ ที่ 24 กันยายน 2555 ท่ามกลางประชาชนและข้าราชการในเทศบาลนครสงขลามาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ประมาณ 70 คน

นายจรัญ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องลาออก เนื่องจากทนอยู่กับระบบการบริหารงานที่ล้มเหลวของ นายกฯ ไม่ได้ เพราะ นายกฯ ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาจุ้นจ้านในการบริหารงาน ส่งผลให้ขวัญและกำลังใจของข้าราชการ พนักงานเทศบาล และ ลูกจ้าง แทบไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว ทำให้ท้องถิ่นพลอยเสียโอกาสไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีรอง นายกฯ ได้ลาออกไปก่อนแล้วจำนวน 2 คน คือ นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ และ นายวิศาล เกียรติไพบูลย์

ขณะที่ นายสมเกียรติ ระบุว่า ความเป็นเพื่อนของตนกับ นายกฯ ยังคงมีอยู่ แต่จำใจต้องลาออก เพราะ ทนกับการบริงานที่ล้มเหลวของ นายกฯ ไม่ได้ ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันหลายครั้งถึงข้อบกพร่อง แต่ นายกฯ ไม่เคยยอมรับ และไม่คิดที่จะปรับปรุง หากมีโอกาสตนจะขึ้นเวทีบอกความจริงในเทศบาลให้หมด ตนต้องขอโทษประชาชนชาวสงขลาที่ต้องผิดคำสัญญา และมีเรื่องไม่เหมาะสมปรากฏขึ้น

รายงานข่าวจากทีมนครสงขลาพัฒนา ซึ่งเป็นทีมคู่แข่งทางการเมืองของทีมสงขลาใหม่ ที่ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมื่อต้นปี 2555 เปิดเผยว่า พวกตนที่สมัคร สท. ทีมนครสงขลาพัฒนา ทั้ง 24 คน จะเดินทางไปร้องเรียน กกต.สงขลา และแจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีกับ นายพีระ ตัณติเศรณี นายก ทน.สงขลา ในวันที่ 26 ก.ย. 55 นี้ กรณีที่มีเอกสารจากที่ประชุมหัวหน้าส่วนเพื่อมอบนโยบายเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 55 ที่ห้องประชุมสภาฯ พร้อมบอกว่า ในการเลือกตั้ง สท. ที่ผ่านมา มีการใช้เงินซื้อเสียงวันเดียวนับล้านบาท จึงทำให้ สท. ได้รับการเลือกตั้ง 24 คน  ขอให้ กกต. สืบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.มงคล บุญชุม อดีต ประธาน กกต.จ.สงขลา เปิดเผยว่า เมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งได้ตีพิมพ์ว่า นายก ทน.สงขลา ได้พูดในที่ประชุมมอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการในตอนหนึ่งว่า มีการใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้ง สท. จนผู้สมัครชนะทั้ง 24 คน ผู้ว่าฯ นายอำเภอ และ กกต. ต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่า นายกฯ พูดเท็จหรือจริง หากไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ว่าฯ นายอำเภอ และ กกต. มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
#940
ที่มา:มติชนรายวัน 24 ก.ย.2555
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348465486&grpid=01&catid=&subcatid=

ข่าวคราวเกี่ยวกับวงการความสวยความงามนั้นมีออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ ส่วนมากจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของอันตรายที่เกิดจากความ (อยาก) สวยแทบ ทั้งสิ้น!

อย่างในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีพริตตี้สาว น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือกระแต อายุ 33 ปี ถูกหามเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากเกิดอาการช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจน หลังจากไปฉีดคอลลาเจนที่สะโพกกับคนที่อ้างว่าชื่อ "หมอป๊อป" ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว

ล่าสุด นายธนัช หรือหมอป๊อป ณัชวีระกุล อายุ 24 ปี เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ทางตำรวจแจ้งข้อหา ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาต และประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส

ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้นต้องรอเอกสารผลวินิจฉัยจากแพทย์ว่า ผู้เสียหายช็อกหมดสติเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ จึงจะเรียกนายธนัชมาแจ้งข้อหาเพิ่ม

เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่อยากเสริมสวยเป็นอย่างดีว่า ก่อนจะทำอะไรกับร่างกายของตัวเอง ควรจะตรวจสอบและเช็กให้ดีก่อนว่าสถานพยาบาลนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ และต้องถามตัวเองก่อนว่าแน่ใจแล้วหรือที่ต้องยอมเจ็บตัว แถมเสียตังค์แพง เพื่อความสวยงาม

ลองมาสอบถามความเห็นจากเหล่าพริตตี้ ดูบ้างว่า พวกเธอคิดอย่างไรบ้าง

ศุภดา สายทุ้ม หรือ ส้มโอ พริตตี้ของค่ายรถยนต์มาสด้า บอกว่า เรื่องความสวยความงามรูปร่างหน้าตา เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นพริตตี้ แต่เธอเองไม่ได้ซีเรียสเรื่องความสวยความงาม และไม่ได้ศัลยกรรม เพราะคิดว่า รูปร่างหน้าตาของตัวเองก็ดีพอสมควรอยู่แล้ว เรื่องศัลยกรรมนั้นเธอไม่ได้ต่อต้าน เพราะเพื่อนๆ หลายคนก็ทำ แต่หากจะไปทำ ศัลยกรรมจริงๆ ก็ขอให้เลือกโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัย

"การที่จะมาเป็นพริตตี้นั้นต้องมีหลายอย่างประกอบกัน ทั้งความสามารถ ความรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่ามีแต่ความสวยอย่างเดียว" ส้มโอย้ำ และว่า เราต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จะต้องสามารถตอบคำถามของลูกค้าให้ได้ในทุกเรื่อง แต่ยอมรับว่าหากเป็นการคัดเลือกพริตตี้เพื่อไปยืนในงานมอเตอร์โชว์นั้น จะมีการแข่งขันกันสูงมาก

สมมุติว่าในงานมอเตอร์โชว์ ค่ายรถแต่ละค่ายใช้พริตตี้ค่ายละ 6 คน ก็ต้องคัดเลือกจากพริตตี้ประมาณ 300 คน เหมือนกับการคัดเลือกประกวดนางงาม เธอเองเวลาจะเข้าไปสมัครก็ต้องดูตามสเปกของค่ายรถ หากเป็นค่ายรถของประเทศญี่ปุ่นก็จะคัดเลือกสาวรูปร่างเล็กๆ อย่างเธอเองก็อยู่ในสเปกของค่ายรถญี่ปุ่น เพราะสูงแค่ 160 เซนติเมตร สัดส่วน 32-20-35 ก็จะเหมาะกับรถคันเล็กๆ และที่เธอได้งานส่วนใหญ่นั้นก็เป็นเพราะมีความจำดี ทำให้สามารถจำสคริปต์ได้ดี

ศุภดาบอกว่า เธอรับงานเองไม่ได้สังกัดโมเดลลิ่งที่ไหน ค่าตัวจะอยู่ตั้งแต่หลักพันถึงบางที 6 หลักก็มี โดยในบางวันก็จะวิ่งรอกงานต่างๆ อย่างเคยวิ่งรอกงานสูงสุด 4 งาน มีตั้งแต่งานแถลงข่าวของหน่วยงานต่างๆ ผลิตภัณฑ์ โครงการ เวลารับงานต้องคำนวณเรื่องระยะเวลาและระยะทางที่จะเดินทางไปทำงานด้วย งานบางส่วนก็จะมาจากเพื่อนๆ ในกลุ่ม หรือบางทีก็มาจากลูกค้าโดยตรง

ทางด้าน น.ส.ณัชชา แหมพิวัตน์ หรือ มาร์ อายุ 25 ปี จบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย การันตีตำแหน่ง อันดับ 3 สุดยอดพริตตี้เมืองไทย จากการจัดอันดับในรายการ 5 มหานิยม เล่าให้ฟังว่า งานพริตตี้รับได้หลายอย่างแบ่งออกเป็น 1.งานอีเวนต์ เช่น โชว์เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไอที เครื่องอุปโภคและบริโภค 2.งานฟุตบอล และ 3.งานแสดงรถ อาทิ มอเตอร์โชว์และมอเตอร์เอ็กซ์โป งานที่ได้รายได้ค่อนข้างสูงคือ การเป็นพริตตี้งานแสดงรถ หรือที่เรียกว่า ยืนรถ โดยตนได้รับรายได้รวม 36,000 บาทต่อ 12 วัน แต่พริตตี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ได้รายได้ 42,000 บาท หากได้เป็นพริตตี้ในงานแสดงรถก็ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะจะมีออร์แกไนเซอร์และลูกค้ามาดูตัวพริตตี้ในงานนี้กันเยอะ เป็นการต่อยอดให้ได้รับงานอื่นๆ ต่อไป

"ปกติงานแสดงรถจะคัดเลือกพริตตี้จาก 50-60 คน ให้เหลือเพียง 5-6 คน โดยคัดเลือก 2 วัน วันแรกออร์แกไนเซอร์จะนัดมาพูดคุย อีกวันลูกค้าหรือค่ายรถจะเข้ามาคัดเลือกอีกที แต่ละค่ายก็ต้องการพริตตี้ต่างกันไปให้ตรงตามคอนเซ็ปต์ของค่ายรถ เช่น รถซุปเปอร์คาร์ก็ชอบพริตตี้ดูเปรี้ยวและเซ็กซี่ แต่ถ้าเป็นรถดูน่ารักก็จะอยากได้พริตตี้หน้าตาจิ้มลิ้ม โดยทั่วไปแล้วความสูงของพริตตี้ต้องเกิน 168 เซนติเมตร สัดส่วนประมาณ 34-25-36 เพราะต้องดึงดูดสายตา รูปร่างใส่แล้วเหมาะกับเสื้อผ้า ยืนดูสง่าโดดเด่นดึงลูกค้าเข้ามาในบูธ" น.ส.ณัชชากล่าว

ด้วยการแข่งขันที่ค่อนหน้าสูง พริตตี้แต่ละคนจึงต้องดูแลตัวเองและทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงาม น.ส.ณัชชาเล่าว่า ทำงานเป็นพริตตี้มาได้เกือบ 3 ปีแล้ว รับงานมาหลายอย่างทั้งงานเดินแบบ ถ่ายแบบ อาทิ งานแสดงรถ งานด้านไอที และงานเปิดตัวน้ำหอม จากที่เห็นพริตตี้ส่วนใหญ่มักจะทำศัลยกรรม โดยเฉพาะหน้าอกและจมูก นอกจากนั้น ก็จะมีการฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกให้ได้รูป ทำตาโตหรือตา 2 ชั้น โบท็อกซ์ลดกรามให้หน้าเรียวเล็ก เย็บปากเรียวให้บางเป็นรูปกระจับ และเสริมคางให้หน้าดูยาว จากนั้นจึงเสริมภายนอกด้วยการทาผิวหรือพอกผิวให้ดูขาวกระจ่าง รวมทั้งใช้เทคนิคการแต่งหน้า ใส่คอนแท็กต์เลนส์และติดขนตาปลอมช่วยให้หน้าดูคม มีมิติ

"ลองนึกภาพว่าช่างภาพ 30 คนที่ยืนรอถ่ายภาพอยู่หน้าเวที แล้วมีพริตตี้ 5-6 คนบนนั้น ก็ต้องคิดแล้วว่า ทำไมช่างภาพถ่ายคนนี้เยอะจัง เช่น คนนี้หน้าอกใหญ่ ก็อยากจะไปทำบ้าง หลังจากทำศัลยกรรมแล้ว งานก็เยอะขึ้นจริงๆ เมื่อรับงานเยอะขึ้นแล้ว บางงานก็ไม่ต้องแคสติ้งแล้ว เพราะลูกค้าจำได้ก็จะบอกออร์แกไนเซอร์มาเลยว่า อยากได้พริตตี้คนนี้มาทำงาน" น.ส.ณัชชาเสริม และว่า อายุงานของพริตตี้ มีไม่นาน มากที่สุดก็ 30-35 ปี ทำให้แต่ละคน ยิ่งต้องทำงานให้มากที่สุดเพื่อเก็บเงินไปทำอาชีพอื่น

"เด็กใหม่ๆ เข้ามาในวงการเยอะขึ้น ทุกวันนี้อายุ 17-18 ปี ก็มาเป็นพริตตี้กันแล้ว เมื่อเด็กใหม่มา รุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ตกรุ่นกันไป" น.ส.ณัชชาทิ้งท้าย

สำหรับ น.ส.เปรมวดี หิรัญสูตร์ หรือต๊อกแต๊ก อายุ 27 ปี สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เล่าว่า เริ่มทำอาชีพพริตตี้ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี โดยรับงานพรีเซ็นต์รถยนต์เป็นหลัก แต่ผลงานที่มีคนรู้จักมากขึ้นคือ การเป็นโตโยต้าพริตตี้ ปี 2009

"ปีที่แล้วเป็นช่วงที่รับงานเยอะมาก วันเสาร์และวันอาทิตย์ไม่เคยว่าง มีรายได้เฉลี่ย ต่อวัน 3,500-4,000 บาท ทั้งปีถ้ารับงานพริตตี้ อย่างเดียวรายได้จะเป็นหลักแสน แต่ถ้ารับงาน โฆษณาหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ารายได้ก็สูง ถึงหลักล้าน"

เห็นได้ว่าพริตตี้เป็นอาชีพที่รายได้งาม ทำให้เด็กจบใหม่ที่ยังหางานไม่ได้เลือกจะเดินเข้าสู่วงการนี้มากขึ้น น.ส.เปรมวดี ยอมรับว่าทุกวันนี้วงการพริตตี้แข่งขันกันสูง

"เด็กใหม่ๆ เข้ามา ทั้งสวยกว่าและเด็กกว่า และยังไม่ต่อรองราคา ทำให้ลูกค้าบางคนเลือกเด็กใหม่มากกว่า ส่วนคนที่ทำงานมานานจะไม่รับงานที่รายได้ต่ำกว่าที่เคยได้ เพราะกลัวจะเสียเรต ถ้าเทียบว่าเมื่อหลายปีก่อน 1 งาน จะมีคนเข้ามาแคสติ้งประมาณ 10 คน ทุกคนรู้จักกันหมด แต่ตอนนี้มีคนเข้ามาให้คัดเลือกเยอะมากๆ ด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์กและอินเตอร์เน็ตใช้ในการกระจายข่าวสาร"

เมื่อมีเด็กหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ก็ไม่แปลกที่หลายคนต้องพึ่งพามีดหมอ การศัลยกรรมจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดา เธอยอมรับว่า อาชีพนี้ต้องใช้ความสวยดึงดูดคนให้สนใจในสินค้า ยิ่งเห็นเพื่อนอาชีพเดียวกันทำแล้วสวยและไม่เป็นอันตรายก็ต้องอยากไปทำบ้าง

"ผู้หญิงทุกคนอยากสวย และพริตตี้ก็เป็นอาชีพที่ต้องสวย ดารา คนทั่วไปก็ทำศัลยกรรมเหมือนกัน"

ส่วนคุณสมบัติหลักๆ ที่พริตตี้จำเป็นต้องมี อันดับแรกต้อง "ขาว" สัดส่วนและความสูง สำคัญเป็นลำดับรองลงมา จากนั้นก็เป็นเรื่องของความสามารถในการพรีเซ็นต์สินค้า

พริตตี้รุ่นพี่ฝากไว้ว่า เมื่อทำงานต้องคิดว่าลูกค้าต้องการให้งานออกมาอย่างไร ต้องมีความขยันและมีความสามารถในการนำเสนอสินค้าได้ ถ้าสวยมากแล้วทำงานออกมาไม่ดี ต่อให้สวยแค่ไหนลูกค้าก็ไม่เอา

เป็นเสียงสะท้อนจากเหล่าพริตตี้ถึงสาเหตุที่ยอมเจ็บตัว เสียตังค์ เพื่อเข้ามาสู่อาชีพที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องเสี่ยงถึงชีวิตก็ตาม


(จากซ้าย) ณัชชา แหมพิวัฒน์, เปรมวดี หิรัญสูตร์, ศุภดา สายทุ้ม