Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ฅนสองเล

#91
หนุ่มใหญ่คลั่งมีปัญหาครอบครัว ปีนเสาส่งวิทยุชุมชนที่คลองแงะ ระดมช่วยกันวุ่นกว่าจะพาลงมาได้

3/07/61 เวลา 14:15 น.กู้ภัยสายชลคลองแงะ รับแจ้งจากพลเมืองดีมีผู้ปีนเสาสถานีวิทยุชุมชนหน้าสถานีรถไฟคลองแงะ ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา จึงได้ประสานหน่วยงานต่างๆ เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้นและพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลงมา และหน่วยป้องกันในเขตพื้นที่ประสาน ปภ.เขต 12 สงขลา เพื่อขอรถกระเช้า เบาะลม มายังจุดเกิดเหตุ

และทางศูนย์ ปภ.12 มอบหมายส่วนป้องกันฯ สนับสนุนรถบันได เบาะลมกู้ภัย ช่วยเหลือและป้องกันการกระโดดลงมา และทางเจ้าหน้าที่ได้นำแม่ของผู้ก่อเหตุพร้อมด้วยตำรวจ ขึ้นไปเจรจา และเจรจานำตัวลงมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกล่างความโล่งใจของผู้คนที่มามุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมากที่มารอลุ้นกันยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ส่วนผู้ก่อเหตุปีนเสาในครั้งนี้ชื่อนายศักดิ์ชาย  บัวเพชร อายุ 43 ปี สาเหตุความคลุ้มคลั่งในเบื้องต้นทราบว่ามีปัญหาครอบครัว ส่วนจะเมายาเสพติดด้วยหรือไม่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขอบคุณภาพ/ข้อมูล ศูนย์ปภ.เขต12 สงขลา
#92
ร้านขายเสื้อผ้าคึกคัก ปชช.ทยอยหาซื้อเสื้อเหลืองสวมใส่ในเดือนมหามงคล

บรรยากาศตามร้านจำหน่ายเสื้อผ้าใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มคึกคักประชาชนต่างไปเลือกซื้อเสื้อสีเหลืองกันอย่างต่อเนื่อง  เพื่อสวมใส่ในเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นเดือนมหามงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

เช่น ที่ร้านผักกาด ย่านถนนศรีภูวนารถ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้สั่งเสื้อสีเหลืองหลากหลายรูปแบบมาวางจำหน่ายให้กับประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเสื้อสีเหลืองสุภาพสำหรับใส่ทำงานทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ราคาตั้งแต่200 บาทถึง500 บาท ตามความต้องการของลูกค้า ทางเจ้าของร้านเผยว่าในช่วงนี้เสื้อสีเหลืองจะเป็นที่ต้องการของลูกค้าเพื่อนำไปใช้สวมใส่ตลอดเดือนกรกฎาคม ​ซึ่งเป็นเดือนมหามงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

#93
มอบตัวแล้ว หนุ่ม33 ทำประทัดยักษ์เล่นและนำมาวางซ่อนไว้ใกล้โรงจอดรถไฟหาดใหญ่

จากรณีข่าวเมื่อเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 61  ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดถูกนำไปวางไว้บนรางรถไฟใต้ตู้ขบวนรถบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงรถจักรหาดใหญ่ ริมรั้วเลียบถนนริมรางรถไฟ ฝั่งบ้านพักรถไฟ จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 เข้าไปตรวจสอบ และพบว่าเป็นเพียงประทัดยักษ์ที่ทำขึ้นมาเองและมีผู้นำมาวางไว้นั้น

ล่าสุดวันนี้ 2 ก.ค.61 เวลา 10.45 น.พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.รณน สุระวิทย์ รอง ผกก.ป.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.ธนวัต เส้งสุย รอง ผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ ร่วมรับมอบตัวนายนิติพงษ์ เอ็งสุย อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/26 ถนนหน้าสถานี (แฟลตการเคหะหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่) ตำบล/อำเภอหาดใหญ่  ผู้ต้องหา เหตุนำประทัดยักษ์มาวางไว้บริเวณริมรั้วใกล้โรงจอดหัวรถจักรรถไฟ สถานีรถไฟหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.61 เวลาประมาณ 22.00 น.

จากการซักถามเบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าตนเองชอบดูหนังเรื่องซุปเปอร์แมนมาก จึงแอบทดลองประกอบอุปกรณ์ตามแนวหนังดังกล่าวในบ้านพักเพียงลำพัง แต่กลัวมารดากลับมาพบเห็นแล้วจะตำหนิ จึงตัดสินใจเอาประทัดยักษ์ดังกล่าว มาซุกซ่อนไว้ที่บริเวณริมรั้วใกล้โรงรถจักรรถไฟดังกล่าว เพราะอยู่ไม่ห่างจากบริเวณบ้านที่พักอาศัยอยู่โดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใด หรือมีเจตนาเป็นอย่างอื่นแต่อย่างใด จึงได้จัดทำบันทึกรับมอบตัวแจ้งข้อหาและฐานความผิด เพื่อส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
#94
โรงเรียนศรีสว่างวงศ์ นำคณะครูปฏิบัติธรรมะ พัฒนาจิตใจ

ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2561 โรงเรียนศรีสว่างวงศ์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นำโดยอาจารย์พยอม สารานนท์ ผู้รับใบอนุญาต นำคณะครูของโรงเรียนร่วมปฏิบัติธรรม ณ วัดป่าแสงธรรม ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้คณะครูได้มีการพัฒนาจิตใจ รักษาศีล ภาวนา เดินจงกรม พร้อมรับฟังเทศนาธรรมจากพระอาจารย์อนันต์ อนุตตฺโร เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม

สำหรับกิจกรรมการนำคณะครูร่วมปฏิบัติธรรม เป็นกิจกรรมทที่ทางโรงเรียนศรีสว่างวงศ์ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำเพื่อให้ครุซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญ และมีความใกล้ชิดนักเรียนมากที่สุด ได้เรียนรู้หลักธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้นำหลักคุณธรรม จริยธรรม ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญคือได้นำไปใช้ในการดูแล อบรม สั่งสอนนักเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงเรียนศรีสว่างวงศ์ ให้ความสำคัญควบคู่กับการพัฒนาทางวิชาการของโรงเรียนมาโดยตลอด   
#95
ธนาคารยูโอบี ล่องใต้มาที่สงขลา เชิญชวนศิลปินร่วมส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 9 พร้อมส่งเสริมและผผลักดันผลงานโกอินเตอร์ทั้งในระดับอาเซียนและสากล และยังชวนจิตรกรชื่อดัง พรชัย ใจมา ร่วมบอกเล่าประสบการณ์และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย

23 มิ.ย.61 ณ Songkhla Art Mill หอศิลป์สงขลา อ.เมือง จ.สงขลา  ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเวทีให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 9 ประจำปี 2561 เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ภาคใต้ ทั้งประเภทมืออาชีพและศิลปินใหม่หรือสมัครเล่นได้ทำตามความฝันในเส้นทางศิลปะ และเชิญชวนศิลปินไม่จำกัดอายุ เพศ การศึกษา ร่วมสร้างสรรค์ผลงานและส่งเข้าประกวดในเวทีการประกวดงานจิตรกรรมเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้ศิลปินได้ต่อยอดสู่การประกวดระดับภูมิภาค

และมีโอกาสเข้าร่วมโครงการศิลปินพำนัก ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน โดยได้เชิญพรชัย ใจมา มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะในหลากหลายแง่มุม และคุณสุกิจ ชูศรี ศิลปินไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคจาก UOB Southeast Asian Painting of the Year ประจำปี 2560 ได้ร่วมพูดคุยและแบ่งปันประสบการณ์ และบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร รอดบุญ ภัณฑารักษ์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย ผู้คัดเลือกศิลปะในการสะสมของพิพิธภัณฑ์ในระดับประเทศและนานาชาติ มาร่วมให้ข้อมูล ควมรู้แก่ผู้ร่วมงาน 

คุณอารดา ทรัพย์อดิศัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า "เราเชื่อว่าศิลปะคือหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญต่อการพัฒนาจิตใจ สังคมและประเทศชาติ กลุ่มธนาคารยูโอบีจึงได้มุ่งสนับสนุนให้เหล่าศิลปินที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจได้ทำตามความฝันของตนเอง ผ่านการประกวดจิตรกรรมยูโอบีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเภทศิลปินใหม่และศิลปินอาชีพ

"จากความสำเร็จในปี 2560 ของ การประกวดจิตรกรรมยูโอบี (UOB Painting of the Year) ที่คุณสุกิจ ชูศรี ศิลปินจากประเทศไทยที่สามารถชนะเลิศการประกวดในระดับภูมิภาคอาเซียนเป็นครั้งแรก และสามารถต่อยอดผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและประเทศไทยในด้านศิลปะ ทำให้นานาชาติยอมรับผลงานของศิลปินไทยมากขึ้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางและความสำเร็จของศิลปินจากการประกวดจิตรกรรมยูโอบี จะเป็นแรงบันดาลใจที่กระตุ้นให้ศิลปินไทยทุกคนได้เดินตามความฝันและความมุ่งมั่นของตัวเองในการเป็นศิลปินอาชีพ ที่สร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้กับสังคมและประเทศไทยอย่างยั่งยืน"

ในการให้ข้อมูลการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 9 ยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับศิลปะในหลายแง่มุม นำโดย คุณสุกิจ ชูศรี ศิลปินรางวัลชนะเลิศการประกวดจิตรกรรมยูโอบี ครั้งที่ 8 (ประเทศไทย) และชนะรางวัล UOB Southeast Asian Painting of the Year ประจำปี 2560 ระดับภูมิภาคอาเซียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร รอดบุญ ภัณฑารักษ์ผู้คัดเลือกผลงานศิลปะในการสะสมของพิพิธภัณฑ์ในระดับประเทศและนานาชาติ รวมทั้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และ คุณพรชัย ใจมา ศิลปินผู้โดดเด่นในด้านจิตรกรรมแบบประเพณี ได้รับรางวัลหลายเวทีรวมทั้งได้แสดงงานทั้งในและต่างประเทศ

การประกวดจิตรกรรมยูโอบี ถือเป็นเวทีการประกวดงานศิลปะหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ศิลปินที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ จะได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ และยังมีโอกาสได้เสริมสร้างประสบการณ์ผ่านโครงการศิลปินในพำนัก ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ การเดินทางไปร่วมงานระดับภูมิภาค ยังเป็นโอกาสให้ศิลปินได้เสริมสร้างเครือข่าย พบปะตัวแทนหอศิลป์และแกลเลอรี่ชั้นนำ เพื่อต่อยอดสู่เส้นทางศิลปินอาชีพอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวด สามารถส่งมาได้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 ที่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา โดยจะมีงานประกาศผลรางวัลในวันที่ 2 ตุลาคม 2561 สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.uobpoy.com
#96
ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เจ้าภาพจัดใหญ่งานวิ่งญ.ว.ชิงถ้วยนายกรัฐมนตรี 29 ก.ค.นี้

พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นประธานจัดงานวิ่ง ญ.ว.ฟันรัน-มินิมาธอน 2018 เชิญชวนผู้สนใจ่วมแข่งขันรายการยิ่งใหญ่ชิงถ้วยเกียรติยศนายกรัฐมนตรี รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมร่วมบุญหารายได้สนับนุนการศึุกษาและสร้างพิพิธภัณฑ์โรงเรียนให้มีความสมบูรณ์ 29 ก.ค.61 เชิญชวนทุกท่านมาวิ่งด้วยกัน

(22 มิ.ย.61) ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะประธานกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ว่าที่ร.ต.ดร.ทรงเกียรติ พืชมงคล ผู้อำนวยการ พร้อมด้วยเบญจภาคีเครือข่าย โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ร่วมแถลงข่าวการจัดงานวิ่ง ญ.ว.ฟันรัน-มินิมาธอน 2018 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 ณ สนามโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการ่วมกันสนับสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียน ส่งเสริมการออกกำลังกาย การท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่

พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อหารายได้ในการส่งเสริมการศึกษาของโรงเรียน และที่สำคัญเพื่อจัดสร้างพิพิธภัณฑ์โรงเรียนให้มีควา่มสมบูรณ์สมกับความเป็นหาดใหญ่วิทยาลัย โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการประทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ในการมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ-รองชนะเลิศ ในการวิ่งมินิมาราธอน และฟันรัน ประเภททั่วไป ซึ่งเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับนักวิ่งทุกคน การจัดงานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนจึงมั่นใจว่างานจะออกมาสมบูรณ์แบบ มีความปลอดภัย สร้างความประทับใจแก่ทุกคนได้แน่นอน

เช่นเดียวกับผู้อำนวยการโรงเรียน ที่กล่าวเสริมว่ากิจกรรมในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือจากทุกเครือข่ายของโรงเรียนที่ทำให้กิดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น คณะครู บุคลากร และนักเรียนก้มีความพร้อมเต็มที่ในการสนับสนุนการจัดกิจกรรมให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยความเรียบร้อย รวมถึงขอขอบพระคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมกับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในครั้งนี้

สำหรับกิจกรรม ญ.ว.เดินวิ่งมินิมาธอน-ฟันรัน ในครั้งนี้แบ่งการแข่งขันเป็น 3 รายการ คือ รายการฟันรัน ประเภทั่วไป รายการมินิมาธอน ประเภททั่วไป และรายการฟันรัน ประเภทเยาวชน โดยผู้เข้าร่วมแข่งขันนอกจากได้รับถ้วยเกียรติยศในรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศตามลำดับที่กำหนดแล้ว ยังได้รับเหรียญที่ระลึก และเสื้อการแข่งขันที่สวยงาม สำหรับรายละเอียดต่างๆ และการสมัครรื่วมแข่งขันสามารถสมัครได้ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย และสมัครออนไลน์ได้ทาง  http://www.hatyaiwit.ac.th/funrun/frontpage
#97
โค้งสุดท้ายสนามการเมืองหาดใหญ่
จับตานายกไพร-พี่หลวงคร จะลงเอยแบบไหน

คอการเมืองหาดใหญ่เริ่มจับตาท่าทีนายกไพร จะเอาแบบไหนหลังเคยประกาศจะยุติบทบาทในสนามท้องถิ่นหลังจบสมัยที่ 3 พร้อมเสนอตัวพี่หลวง พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ลงรับสมัครเลือกตั้งแทน แต่กลับเจอใบสั่งจากครอบครัวต้องให้น้องชาย พฤกษ์ พัฒโน สานต่อเท่านั้นไม่เอาคนอื่น งานนี้จะสรุปเช่นไรหรือนายกไพร ต้องกลืนน้ำลายมาลงต่ออีกครั้ง น่าติดตามอย่างยิ่ง

ข่าวคราวการเมืองหาดใหญ่ เริ่มมีสีสันมาตั้งแต่เริ่มต้นศักราช 2561 เมื่อนายกไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ได้ประกาศว่าจะยุติบทบาททางการเมืองหลังหมดวาระในสมัยที่ 3 และจะหวนไปช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ในเวทีระดับชาติอีกครั้ง แพร้อมเปิดเผยด้วยว่าตนเองและทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทาบทาม พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้มาลงสนามนี้แทน ซึ่งภาพเหล่านี้เริ่มชัดเจนมากขึ้นและทาง พล.ต.ท.สาคร ก็ไม่ปฏิเสธบอกว่าในฐานะคนคูเต่า เรียนและรับราชการในหาดใหญ่มาเกือบทั้งชีวิต หากประชาชนสนับสนุนก็พร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้งในครั้งหน้าแน่นอน

เมื่อกระแสข่าวนี้ออกมาในช่วงแรกก็ถือว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า พล.ต.ท.สาคร มีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์พอสมควร และตลอดระยะเวลาที่รับราชการก็วนเวียนอยู่ในพื้นที่สงขลาและใกล้เคียงเป็นส่วนใหญ่ มีความสนิทสนาชมกับข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจในพื้นที่เป็นอย่างดี และที่สำคัญยังมีความใกล้ชิดกับนายชวน หลีกภัย หัวเรือใหญ่ทางใต้ของพรรคอีกด้วย ชื่อสาคร จึงเหมือจะลอยเข้าเส้นชัยตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม สวมเสื้อประชาธิปัตย์ นายกไพรหนุน มีหรือที่ฐานเสียงส่วนใหญ่จะไม่เอาด้วย นั่นคือเริ่มแรกของการเปิดหัว

แต่เส้นทางการเมืองของพี่หลวงสาคร ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิดไว้ตอนต้นเมื่ิอคนในตระกูลพัฒโน ไม่เห็นด้วยที่นายกไพร จะไปดันคนนอกแทนคนของตัวเองอย่างนายพฤกษ์ พัฒโน รองนายกฯ ที่ทำงานร่วมกับพี่ชายมาถึง 2สมัยเต็มๆ ซึ่งควรจะได้รับการผลักดันให้ก้าวสู่นายกเทศมนตรีมากกว่าที่จะเป็นคนนอก และกระแสข่าวเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพราะพฤกษ์ พัฒโน ให้สัมภษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่าเขาพร้อมจะลงสมัครนายกหาดใหญ่ เพราะมั่นใจในผลงานที่ผ่านมาว่าเข้าตาประชาชน เข้าถึงฐานเสียง และยังมีข่าวว่าแม้เสื้อพรรคประชาธิปัตย์อาจไปสวมให้พี่หลวงสาคร แต่พฤกษ์ พัฒโน ก็พร้อมชนในสีเสื้อทีมของตัวเอง

เช่นเดียวกับทางพี่หลวงสาคร ที่ยืนยันผ่านสื่อว่าพร้อมจะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ สมัยหน้าแน่นอนเมื่อ 2 คนพร้อมจะลงความหนักใจคงกลับที่พรรคประชาธิปัตย์ กลับไปที่นายกไพร เพราะตัวเองเป็นคนเสนอชื่อพล.ต.ท.สาครเองในตอนแรก และภาพที่นายชวน มหาดใหญ่เกือบทุกครั้งจะมีสาคร ร่วมต้อนรับอยู่ด้วยเสมอ เป็นภาพตอกย้ำความแนบแน่ของทั้งสองคนได้มากยิ่งขึ้น ความจริงการวางมือของนายกไพร ในสมัยที่3 ถือว่าค่อนข้างเหมาะสมเพราะเมื่อครั้งเขาย้ายจากเวทีระดับชาติมาลงเวทีท้องถิ่น ได้ประกาศว่านครหาดใหญ่ไม่ใช่ของตระกูลสุวรรณวงศ์ ซึ่งผุกขาดการเมืองที่นี่มากว่า 30 ปี

ชัยชนะของนายกไพร ในสมัยแรกเกิดขึ้นพร้อมกระแสเปลี่ยนและกระแสฟีเวอร์ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ 3 สมัยมากกว่า 12 ปีบนเส้นทางการเมืองท้องถิ่นของเขาจึงเป็นเวลาเหมาะสมที่ควรเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้าง เพื่อลดกระแสการผูกขาดแต่หากพี่ลงแล้วน้องสานต่อมันก็คงไม่ต่างอะไรกับการเป็นสมัยที่ 4 หากรองพฤกษ์ ยืนยันว่าจะลงแข่งขันแน่นอนไม่ว่ากับใคร และพี่หลวงสาคร ก็ยืนยันว่าจะลงเช่นกัน จึงมีคำถามว่าแล้วพรรคจะเลือกใครลงสนามนี้ เลือกสาคร ตามที่ทาบทามไว้แต่ต้น เลือกน้องชายไพร เพราะเขาคือสายเลือดพรรคประชาธิปัตย์ และที่สำคัญกว่านั้นคือนายกไพร จะเลือกใคร?

หลายมีข่าวนี้ออกมานายไพร แทบไม่พบสื่อมวลชนและไม่มีคำตอบทางการเมืองเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาจากสื่อไหนเลย ว่าตกลงยังไงกันแน่และมีข่าวว่าหากตกลงกันไม่ได้ นายกไพร อาจต้องกลับลำมาลงเองในสมัยที่ 4ก็ได้ เพื่อลดความขัดแย้งและลดความหนักใจของผู้ใหญ่ในพรรค ซึ่งหากนายกไพร ลงเองเชื่อว่าพี่หลวงก็คงยอมถอยเช่นกัน แต่ถ้าคนที่ลงในนามพรรคสีฟ้าไม่ใช่นายกไพร คนการเมืองเก่าอาจตบเท้าเข้าสนามแข่งอีกครั้งก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากพี่หลวงคร และน้องพฤกษ์ลงแข่งกันเอง โอกาสที่ตัวเลือกใหม่จะเข้าป้ายย่อมมีสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่มเก่าของลุ่งเคร่ง สุวรรณวงศ์

ต้องไม่ลืมว่าระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ลุงเคร่ง นั่งเก้าอี้นายกหาดใหญ่ เขามีผลงาน มีฐานเสียง มีคะแนนจัดตั้งอยู่ไม่น้อย ลุงเคร่ง เคยบอกว่าถ้าแข่งกับปชป.+ไพร นั้นชนะยากมาก แต่หากเป็นคนอื่นก็พร้อมจะสู้อีกครั้ง จึงเป็นไปได้ว่าหากสาครชนพฤกษ์ ปลัดอ๋อย ประสงค์ สุวรรณวงศ์ อาจเข้ามาเป็นตาอยู่ครองคะแนนข้างมากได้ง่ายขึ้นก็ได้ หรือแม้แต่หมอเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา ก็มีโอกาสมากขึ้นทันทีเพราะตอนนี้กระแสเปลี่ยนในหาดใหญ่เริ่มแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเมื่อรัฐบาลบอกว่าเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดหลังเลือกตั้งใหญ่ นั่นหมายถึงอาจอยู่ในครึ่งหลังของปี62

ช่วงนี้จึงยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้ว "สนามนครหาดใหญ่จะลงเอยเช่นไร         


#98
เยาวชนคนเก่งเอ็งเสียงสามัคคี พบเงิน 5,000 นำส่งมอบคืนเจ้าของ

ขอแสดงความชื่นชมในความซื่อสัตย์สุจริตของ ด.ญ.ณัฎณิชา พุมภูฆัง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เจอเงินจำนวน 5,000 บาท ณ โรงพยาบาลศิครินทร์ และได้ส่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และสามารถติดตามคืนเจ้าของเป็นที่เรียบร้อย
#99
รวมพลัง 3 การไฟฟ้า เปิดตัวมาตรการอนุรักษ์พลังงาน
ตั้งเป้าประหยัดไฟฟ้าให้ถึง 206 ล้านหน่วยในระยะเวลา 5 ปี

การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดตัวการดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน พร้อมจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นโครงการนำร่องต่อผู้ใช้ไฟฟ้า ตั้งเป้าการประหยัดไฟฟ้าในช่วงนำร่อง 5 ปี ได้ถึง 206 ล้านหน่วย 

(15 มิถุนายน 2561) นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดตัวการดำเนินมาตรการบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน (Energy Efficiency Resources Standards หรือ มาตรการ EERS) ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 3 การไฟฟ้า โดยมีนายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)  นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)  และนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมงาน ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม B โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว 

นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ยกระดับและพัฒนาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่ามากขึ้น โดยผสมผสานการใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาตรการ EERS นับเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยให้แผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิผล โดยนำองค์ความรู้การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้าของแต่ละหน่วยงานมาพัฒนาและต่อยอดให้กับผู้ใช้บริการไฟฟ้าในทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม   

ด้านนายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการ กฟน. กล่าวว่า นอกจากดำเนินภารกิจหลักในการจำหน่ายไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการด้วยความมั่นคงและเชื่อถือได้แล้ว กฟน. ยังสนับสนุนการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่านโครงการต่าง ๆ มาโดยตลอด เช่น โครงการ กฟน. ล้างแอร์ลดโลกร้อน  โครงการ Energy Mind Award  โครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร (MEA Energy Saving Building) รวมไปถึงโครงการให้บริการด้านธุรกิจพลังงานแก่ภาครัฐและเอกชน ซึ่งนับเป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง  สำหรับการดำเนินมาตรการ EERS ในช่วงโครงการนำร่องปี 2561 – 2565 กฟน. กำหนดแนวทางเพื่อรองรับมาตรการ EERS ได้แก่ การให้คำปรึกษา ตรวจวัดการใช้พลังงาน นำเสนอแนวทางการประหยัดพลังงาน และให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตลอดจนดำเนินโครงการ Energy Alert โดยพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนให้สามารถแจ้งเตือนข้อมูลการใช้ไฟฟ้าได้แบบตามเวลาจริง (Real Time) ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าตรวจสอบสถิติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลังและตระหนักถึงการใช้ไฟฟ้าของตนเองได้ 

สำหรับนายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการ กฟภ. กล่าวต่อไปว่า กฟภ. ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนได้ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีแนวทางส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ในการใช้พลังงาน การปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการจัดการพลังงานในรูปแบบการอนุรักษ์พลังงาน (ESCO) โดยมีการสำรวจ ตรวจสอบ วิเคราะห์และประเมินศักยภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งดำเนินการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม   
                                                               
ด้านนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ดำเนินงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management : DSM) ตั้งแต่ปี 2536 เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองนโยบายของภาครัฐ ที่ผ่านมาสามารถลดพลังงานไฟฟ้าได้ 27,120 ล้านหน่วย และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศลงกว่า 15.4 ล้านตัน  สำหรับมาตรการ EERS กฟผ. ได้นำงาน DSM มาพัฒนาต่อยอดเป็นโครงการนำร่อง ประกอบด้วย งานที่ปรึกษาในรูปแบบ ESCO และตรวจวัดการใช้พลังงานให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม  โครงการสนับสนุนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงเรียนและภาคครัวเรือนด้วยการเปลี่ยนหลอด LED และเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ และโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานที่สูงกว่าเดิม และแบ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ให้สะท้อนผลการประหยัดพลังงานที่ละเอียดมากขึ้น โดยกำหนดใช้งานฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2562 นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการโรงเรียนคาร์บอนต่ำลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอุปกรณ์ไฟฟ้า นำไปสู่การลดใช้พลังงานในภาพรวมอีกด้วย 

สำหรับมาตรการ EERS เป็นกลยุทธ์ในแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558 – 2579 (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) เพื่อเป็นมาตรการบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายพลังงาน (Energy Efficiency Resources Standards : EERS) โดยกำหนดให้ 3 การไฟฟ้า ดำเนินโครงการนำร่องเพื่อศึกษาถึงผลการลดการใช้ไฟฟ้า ก่อนนำมากำหนดเป็นแนวทางการดำเนินงานมาตรการภาคบังคับในปี 2566 – 2579 อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ทั้งนี้ แบ่งมาตรการดำเนินงานเป็น 3 ประเภท ได้แก่ มาตรการให้คำปรึกษา โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีศักยภาพทุกภาคส่วน  มาตรการใช้แรงจูงใจทางการเงิน สนับสนุนการเงินแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และมาตรการลักษณะภาพรวม (Mass) เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในภาพรวม เช่น การจัดการพลังงานในรูปแบบ ESCO Matching  การจัดทำมาตรฐานประหยัดพลังงานที่สูงกว่ามาตรฐานฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งนี้ คาดว่าช่วงโครงการนำร่องจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 206 ล้านหน่วย
#100
ทำไมไม่เป็นสงขลา พัทลุง สตูล แบ่งกลุ่มจังหวัดใหม่ สงขลาไม่ได้เป็นศูนย์กลางแต่โยกรวมกับภาคใต้อ่าวไทย

ความจริงเป็นข่าวมานานแล้วสำหรับการแบ่งกลุ่มจังหวัดใหม่ที่จะบังคับใช้ในปีงบประมาณ 2562  ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มจังหวัดล่าสุดของประเทศไทยมี 18กลุ่ม และการแบ่งใหม่ก็มีเท่าเดิมเพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของพื้นที่ภาคใต้บ้านเรา จากเดิมมี 3กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย

- ภาคใต้อ่าวไทย ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง มีสุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์กลาง

- ภาคใต้อันดามัน ระนอง ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง มีภูเก็ตเป็นศูนย์กลาง

- ภาคใต้ชายแดน สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธวิาส มีสงขลาเป็นศูนย์กลาง

ส่วนการแบ่งกลุ่มจังหวัดใหม่มี 3 กลุ่มเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเป็น

- ภาคใต้อ่าวไทย ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา มีสุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์กลาง

- ภาคใต้อันดามัน ระนอง ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง สตูล มีภูเก็ตเป็นศูนย์กลาง

- ภาคใต้ชายแดน ยะลา ปัตตานี นราธวิาส มียะลาเป็นศูนย์กลาง

ถามว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้เคยได้ยินคำตอบว่าเนื่องจากพื้นที่ภาคใต้ชายแดน เป็นพื้นที่ความมั่นคงจึงอยากให้รวมกลุ่มกันเป็นเอกเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงการผลักดันให้สงขลาเป็นกลุ่มอ่าวไทย สตูลเป็นกลุ่มอันดามัน ซึ่่งสอดคล้องกับที่ตั้งของจังหวัด แต่ถ้ามองในแง่ความเหมาะสมนั้นถามว่าเหมาะสมหรือไม่ รัฐบาลตัดสินใจไปแล้วดำเนินการไปแล้วก็คงไปว่าอะไรไม่ได้

แต่ที่อยากนำเสนอคือทำไมเราไม่ผลักดันให้ภาคใต้มี 4กลุ่มจังหวัด สงขลา พัทลุง สตูล ควรแยกเป็นกลุ่มจังหวัดใหม่ กลุ่มภาคใต้สองทะเล อะไรก็ว่ากันไป กลุ่มภาคใต้อ่าวไทย ยาวตั้งแต่ชุมพรถึงสงขลา ถามว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันอย่างไร สงขลา จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเมืองหลวงของภาคใต้ กลับไม่ใช่จังหวัดที่เป็นเซ็นเตอร์ของกลุ่มดูขัดแย้งกันพอสมควร จากสงขลาไปสุราษฎร์ เดินทางไม่น้อยกว่า 4ชั่วโมง ถามว่าถูกต้องหรือไม่ที่แบ่งกลุ่มจังหวัดออกมาแบบนี้ สตูลไปภูเก็ตก็เช่นเดียวกันไปไกลเข้าไปอีก

ผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ความองตามหลักความเป็นจริงว่าภาคใต้บ้านเราไม่เหมือนภาคอื่นๆ เราเป็นเป็นพื้นที่แคบแต่ยาวไม่ใช่กว้างๆ รวมกันเหมือนภาคอื่นๆ การนำสงขลาไปรวมกับชุมพร ถือว่าเป็นสิ่งที่ห่างไกลกันมาก จะพัฒนาด้านต่างๆ ให้เชื่อมโยงกันได้อย่างไร โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต้องไม่ลืมว่าสงขลาคือศูนย์กลางในการต้อนรับแล้วเขาจะเดินทางต่อไปยังพัลุงหรือสตูลเป็นหลัก แต่ก่อน ททท.หาดใหญ่ เคยดูแลสงขลา-สตูล แล้วเปลี่ยนมาเป็นสงขลา-พัทลุง และเปลี่ยนเป็นสงขลา-สตูล ในรอบล่าสุดโดยให้เหตุผลว่าได้สอดคล้องกับกลุ่มจังหวัด ต่อไปก็คงย้ายเป็นสงขลา-พัทลุง อีกรอบ

คนตัดสินใจเรื่องนี้น่าจะดูแผนที่ภาคใต้ให้ถ่องแท้ก่อนนะครับ แบ่งกลุ่มใหม่แบบนี้สูงอยู่แบบเดิมยังดีเสียกว่าว่าไหมครับ     



#101
ทำเนียบนายอำเภอเทพา

อำเภอเทพา เป็นอีกหนึ่งอำเภอเก่าแก่ของจังหวัดสงขลา วันก่อนมีโอกาสไปธุระที่อำเภอเป็นทำเนียบที่ทางเดินเลยถ่ายภาพมาเก็บไว้แต่ถ่ายกับมือถือภาพอาจไม่คมชัดเท่าไหร่แต่พออ่านได้ว่ามีชื่อใครบ้าง เลยนำมาฝากกันครับ

#102
มรภ.สงขลา ผนึก 5 สถาบันการศึกษา
ลงนาม NBT สร้างเครือข่ายงานสื่อเปิดโอกาสนศ. 

ผศ.นิตยา จิตรักษ์ธรรม คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทางคณะฯ พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริหารอีก 5 มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์และสื่อสารมวลชน ลงนามความร่วมมือกับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา (NBT) ในการสร้างเครือข่าย On Air, On Line และ ON Ground และร่วมสนทนาในรายการพิราบคาบข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์การปฏิรูปประเทศ

โดย มรภ.สงขลา จะเป็นเครือข่ายส่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในรูปแบบรายการ สกู๊ปข่าว สารคดีสั้น สปอต ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษาโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ นำมาเผยแพร่ในช่วงเวลาต่างๆ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา ถือเป็นการสร้างโอกาสให้นักศึกษาพัฒนาฝีมือจากการปฏิบัติงานจริง ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในศาสตร์แขนงนี้ นอกจากนั้น ยังเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามแนวทางของประชารัฐที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า

ด้าน นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ทางสถานีฯ จะเสริมสร้างความรู้ ทักษะและประสบการณ์ในวิชาชีพนักสื่อสารมวลชนด้านวิทยุโทรทัศน์ให้กับนักศึกษาฝึกงานจากคณะวิทยาการจัดการ มรภ.สงขลา ที่มาฝึกงานด้านข่าวและรายการโทรทัศน์อย่างเข้มข้น เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ทั้งนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีติดต่อสื่อสาร ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคข่าวสารของประชาชน ด้วยมีทางเลือกเข้าถึงเนื้อหาอย่างสะดวกและหลากหลายมากขึ้น องค์กรผู้ผลิตและเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อหลักจึงปรับตัวหันไปให้ความสำคัญกับสื่อสมัยใหม่หรือสื่อทางเลือก เป็นเครื่องมือในการส่งข่าวสารให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม

#103
เปิดมหกรรมวิทย์ฯ แห่งชาติภาคใต้
ความรู้แน่น ของเล่นเยอะ เด็กสนใจล้นหลาม

เปิดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระดับภูมิภาคภาคใต้ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขนความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้ผู้ร่วมงานได้เรียนรู้กันเป็นจำนวนมาก โดยมีเด็กนักเรียนจากสถานศึกษาต่างๆ รวมถึงผุ้สนใจร่วมงานอย่างเนืองแน่น

โดยในพิธีเปิดงานช่วงเช้าวันนี้ มีนางสุวรรณี คำมั่น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธาน ภายในงานจัดเต็มไปด้วยกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทยและพระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย" รวมทั้งนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงนิทรรศการให้ความรู้มากมาย

งานวันนี้ในทุกโซนได้รับความสนใจจากนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ ต่างให้ความสนใจศึกษาหาความรู้ ทดลองวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ โดยทุกโซนจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้และแนะนำข้อมูลต่างๆ อย่างเป็นกัน สำหรับนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการ Eggibiton: มหัศจรรย์แห่งไข่ นำเสนอนิทรรศการขุมทรัพย์ความรู้แห่งไข่ ความรู้ชีววิทยา และความรู้แห่งปัญญา นิทรรศการเกษตรยุคใหม่ (SMART FARMER 4.0) ที่แสดงถึงวิวัฒนาการทางการเกษตรของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันและก้าวไปสู่อนาคตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตรที่จะช่วยให้เกษตรกรไทยขึ้นสู่การเป็น SMART FARMER นิทรรศการพลิกขยะสู่ขุมทรัพย์ (FROM WASTE TO VALUE) นำเสนอนิทรรศการเรื่องของการบริหารจัดการขยะและชี้ให้เห็นประโยชน์ของสิ่งของเหลือใช้ต่างๆ ในกองขยะที่สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพได้

นิทรรศการอัตลักษณ์ในท้องถิ่นไทย (Geographical Indications Products) ที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาเฉพาะถิ่น นิทรรศการ "1001 สิ่งประดิษฐ์ยุคทอง : แรงบันดาลใจจากอดีตเพื่ออนาคต" ที่นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ จัดแสดงให้เห็นถึงอารยธรรมและนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นโดยชาวตะวันออกกลางในสมัยยุคทองระหว่างศตวรรษที่ 7–17 ที่ซึ่งบุรุษและสตรีต่างศาสนา ความศรัทธา และวัฒนธรรมได้ร่วมกันสร้างอารยธรรม ความรู้ และความก้าวหน้าซึ่งเป็นรากฐานของสิ่งประดิษฐ์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งผู้เข้าชมจะได้เดินทางกลับสู่อดีตที่จุดประกายสู่ความเจริญก้าวหน้าในยุคปัจจุบัน

งานนี้นักเรียนและเยาวชนต่างได้มาเรียนรู้ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ กับงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระดับภูมิภาค ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 13 – 19 มิถุนายน 2561 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี ICC มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
#105
ที่เชสท์นัท ฮิลล์ อีโค่ รีสอร์ท สัมผัสธรรมชาติริมเมืองหาดใหญ่

ตำบลพะตง หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันว่าทุ่งลุง ตำบลชายแดนของหาดใหญ่ ที่นี่มีหลายทุ่งหลายวันก่อนมีโอกาสไปร่วมกิจกรรมที่บ้านทุ่งจัง ซึ่งมีสถานที่พักผ่อนที่หลายคนรู้จักอย่างดีสำหรับเชสท์นัท ฮิลล์ อีโค่ รีสอร์ท 20 กว่ากม.จากเมืองหาดใหญ่ ใช้ถนนกาญจนวณิชย์ ไปเลี้ยวซ้ายที่ทางเข้าสภ.ทุ่งลุง ขับไปตามป้ายเกือบ 10 กม.ผ่านสวนยาง ท้องทุ่งจนเราอาจลืมไปเลยว่าที่นี่คือ หาดใหญ่ ปล.ก่อนถึงจุดหมาเส้นทางอาจมีความตื่นเต้นบ้างอาจไม่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ

เสน่ห์ของเชสท์นัท ฮิลล์ อีโค่ รีสอร์ท คือธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก ต้นไม้แทบไม่ถูกตัดออกเลย มีลานต้อนรับ มีลากาแฟชื่อลานแลผา มีพิซซ่าเตาถ่าน ถ้าอยากทำเองเขาก็ยินดีด้วยน่ะ ในแต่ละวันมีคนมานั่งที่นี่เพื่อกินข้าว พิซซ่า กาแฟ เดินชื่นชมธรรมชาติ และมีผู้คนมาพักไม่ขาดสายด้วย เขามีทั้งห้องพักสำหรับมาคนเดียว ครอบครัว และจัดกิจกรรมเป็นหมู่คณะ ส่วนอาหารการกินจะสั่งที่นี่ จัดหามาทำเองก็ได้เช่นกัน บ้านพักแต่ละหลังเน้นเป็นบ้านพักกลางธรรมชาติที่อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตช้าลง หยุดเรื่องราววุ่นวายไว้ข้างนอก

จุดพักผ่อนเดินเล่นก็มีมากมาย ปีนผาหาลานไทร ชมภูเขาและทะเลหมอกยามเช้า หรือจะเดินลงไปลำคลองเพื่อเล่นน้ำก็ทำได้เช่นกัน สนใจใคร่เที่ยวก็ลองดูรายละเอียดกันได้ที่  www.facebook.com/chestnuthilleco หรือโทร 081-8222110, 081-3287132 (Add ID Line เบอร์มือถือ) แวะไปเที่ยวกันได้ครับ ทุ่งจัง พะตง หาดใหญ่ไม่ไกลเลย