ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก วอนผ่อนปรนการจับกุม
ชี้เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจและช่วยขยายพันธุ์นก
กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกหรือนกปรอทหัวโขนใน6 จังหวัดภาคใต้รวมตัวยื่นหนังสือผ่านสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่6สงขลา เพื่อขอให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมาย และถอนนกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง หลังถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและมีโทษสูงที่จำเเละปรับ
ตัวแทนชมรมผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกหรือนกปรอดหัวโขนใน 6 จังหวัดภาคใต้ ทั้งสงขลา พัทลุง, สตูล, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส ประมาณ 200 คน นำโดย นายประจักษ์ ชูแก้ว ประธานชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก จ.สงขลา ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือผ่าน นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่6 ท่ำห้องประชุมสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่6 (สงขลา) เพื่อขอให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมาย และถอนนกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง
เนื่องจากผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกได้รับความเดือดร้อน หลังจากถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก2 ราย จำนวน13 ตัวในพื้นที่อ.หาดใหญ่ และดำเนินคดีฐานความผิด พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา19 ฐานมีไว้ในครอบครอง ซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกินสี่ปีปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นายประจักษ์ ชูแก้ว ประธานชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกจ.สงขลา แม้นกกรงหัวจุกจะเป็นสัตว์ป่าสงวนแต่เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของประชาชนในภาคใต้ที่มีการเพาะเลี้ยงมานานโดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งมีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย และส่วนใหญ่จะเลี้ยงเพื่อการแข่งขันเป็นหลักรวมทั้งยังมีข้อดีในเรื่องของเศรษฐกิจอีกด้วย
ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกใน6จังหวัดภาคใต้และทั่วประเทศไม่ได้ต่อต้านหรือขัดขวางเจ้าหน้าที่และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่ขอให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อน และถอนนกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมกันทั้งแนวทางอนุรักษ์และทางกฏหมาย
ด้าน นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 ได้รับหนังสือข้อเรียกร้อง และจะส่งเรื่องไปยังกรมอุทยานแห่งชาติเพื่อนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยยวข้องพิจารณาต่อไป