วันนี้ในอดีตเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตรงกับวันที่ 25 กรกฎาคม 2550 พระสงฆ์จำนวน 227 รูป จากทั้งหมด 347 รูป ในโครงการ"พระสงฆ์นำชัย คุ้มภัยใต้" อันเนื่องมาจากพระราชเสาวณีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เดินทางจากสนามบินกองบิน 6 ดอนเมือง –สนามบินบ้านทอน จ.นราธิวาส โดยเครื่องบิน ซี 130 2 ลำ เพื่อไปจำพรรษาที่วัดในจังหวัดปัตตานี 118 รูป นราธิวาส 129 รูป ยะลา 95 รูป สงขลา 5 รูป พระสงฆ์แต่ละรูปได้รับการถวายย่ามสีแดง ปักอักษรว่า"สู้โว้ย" จำพรรษา 3 เดือน
โครงการ"พระสงฆ์นำชัยคุ้มภัยใต้" ตามพระราชเสาวณีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่จะทำให้ชาวพุทธและมุสลิมอยู่กันได้อย่างสันติสุข ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีพระสงฆ์อาสาไปจำพรรษาที่วัดใน 3 จังหวัดน้อยลง แต่โครงการนี้ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้วัดร้าง และเป็นขวัญกำลังใจชาวบ้านในพื้นที่
พระสงฆ์ที่จะไปจำพรรษาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะแบ่งเป็นพระอาสาและพระจากในท้องถิ่น โดยพระอาสาทุกปีที่ผ่านมา จะมาจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ที่อุปสมบท 5 พรรษาขึ้นไป ซึ่งอาจจะบวชไม่นานและพระธรรมวินัยยังน้อย ก็มักจะอาสาไปจำพรรษาที่ภาคใต้ แต่ก็ผ่านการปฐมนิเทศน์จากเจ้าคณะใหญ่หนใต้ เพื่อจะได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยมีเบี้ยภัตตาหารให้รูปละ 300 บาท ซึ่งปีแรกๆ มีพระสงฆ์เข้าร่วมโครงการกว่า 100 รูป และลดลงมาเรื่อยๆ เพราะวัดบางแห่งไม่มีชาวพุทธอาศัยอยู่รอบวัดเลย
พระราชพุฒิมุนี (พระสุนทรธรรมธาดา) วัดศีรษะเกษ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย อดีตประธานคณะสงฆ์โครงการ"พระสงฆ์นำชัยสู้ภัยใต้" กล่าวไว้ว่า ก่อนมาจำพรรษาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องย้อนความไปตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วางระเบิด และฆ่าฟันผู้ทรงศีล เมื่อ พ.ศ. 2548 และได้มีโครงการโดยพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ โครงการพระสงฆ์นำชัยคุ้มภัยใต้ อาตมาทราบข่าว จึงอาสามาทำงานสนองพระราชดำริ โดยตั้งใจและคิดเสมอว่า พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ จะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้สงบได้ จึงอาสามา
"ในปีแรกก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานโครงการฝ่ายพระสงฆ์ ออกเยี่ยมให้กำลังใจพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนทหารตำรวจ และผู้ประสบภัยจากเหตุไม่สงบ ส่วนจะจำพรรษาที่นี่ไปอีกนานแค่ไหนนั้น ไม่กำหนดระยะเวลา แต่ได้ตั้งปณิธานไว้แน่วแน่ว่า จะมาทำงานจนเหตุการณ์สงบ ตราบใดที่เหตุการณ์ยังไม่สงบก็จะไม่เลิก ไม่ทิ้งพระสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา จะลงมาอยู่มาเป็นขวัญ และกำลังใจตลอดไป และจะทำจนกว่าชีวิตจะหาไม่"
"อาตมาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของพระภิกษุ และสามเณรใน 3 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว ก็ให้อดเป็นห่วงและสงสารไม่ได้ อย่าว่าแต่พระภิกษุสามเณรเลย อุบาสก อุบาสิกา ก็ลำบาก แม้ศาสนิกของศาสนาอื่น ก็อยู่กันอย่างลำบาก เวลาจะกระทำพิธีกรรมทางศาสนา ก็ต้องคอยระวังภัยตลอดเวลา ไม่รู้ว่าวันนี้เมื่อมากระทำกิจทางศาสนาแล้ว จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่า" พระราชพุฒิมุนี กล่าว
Kasemnews@hotmail.com
https://www.facebook.com/kasemnews