รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลา และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โพสเฟสบุ๊คส่วนตัวชื่นชมการแสดงพลังต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนักศึกาา มอ.ที่แสดงถึงความรักชาติ รักแผ่นดิน โดยมีเนื้อหาสาระ ดังนี้
ผมพ้นหน้าที่การเป็นอธิการบดี ม.อ.มา 6 ปีกว่าๆ จำได้ว่าเมื่อผมใกล้จะหมดสมัยในต้นปี 2549 เกิดกรณีทักษิณนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ขายหุ้นด่วเทียมชินวัตรไปให้เทมาเสคแห่งสิงคโปร์ เป้นก่ารขายหุ้นที่เข้าข่ายแถมชาติไปด้วย สร้างความไม่พอใจขึ้นในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง จนทักษิณออกอาการเซ และมองหาที่พิงหลัง มองไปมองมาก็นึกถึงมหาวิทยาลัย ซั่งเป็นองค์กรที่สังคมไว้ใจและเชื่อถือ จึงได้เรียกประชุมอธิการบดี ทำทีว่าจะขอปรึกษาเรื่องการพัฒนาประเทศ
ผมปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุม เพราะไม่อยากร่วมเข้าเป็นที่พิงหลังให้กับกังฉินแห่งสังคมไทย การปฏิเสธพร้อมเหตุผลของผมเป็นที่รับรู้ของสื่อทั้งทีวี นสพ. และวิทยุ ที่เผยแพร่ข่าวในตอนเข้าของวันประชุม โดยเฉพาะทีวีช่อง 3 ได้สัมภาษณ์สดผมออกอากาศในเช้าวันนั้น เพราะในปี 2548 ผมทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ได้รู้จักมักคุ้นกับสื่อหลายสายและสำนัก การปฏิเสธของผมจึงกลายเป็นข่าวใหญ่
อธิการบดีหลายคนลังเลใจที่จะเข้าร่วมประชุม สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับทักษิณ พร้อมๆกับที่สร้างความชื่นชมยินดีให้กับคนไทยเป็นจำนวนมาก ผมได้รับโทรศัพท์ให้กำลังใจมากมาย ได้รับโพสต์การ์ดแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจเป็นจำนวนมากเช่นกัน รวมทั้งได้รับดอกไม้จากนักศึกษาและกระเช้าจากบุคคลากรของ ม.อ.อีกมากพอสมควร
ท่ามกลางความชื่นชมยินดีที่ผมได้รับในตอนนั้น ก็ได้มีความไม่พอใจจากใครบางส่วน เช่นนักศึกษาที่คาดว่าสำเร็จการศึกษาแล้วจะไปหางานทำกับธุรกิจของชินวัตร ศิษย์เก่าบางคนที่ทำงานหริอทำธุรกิจกับชินวัตรอยู่แล้ว หรือพ่อแม่ผู้ปกครองของนักศึกษาและศิษย์เก่าเหล่านี้ รวมทั้งคณาจารย์และบุคคลากรบางคนที่วิจารณ์ว่าการเผชิญหน้าของผมซึ่งเป็นอธิการบดีกับทักษิณ จะกระทบการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะมีต่อ ม.อ. รวมทึ้งจะกระทบกับศิษย์เก่าของ ม.อ.ที่ทำงานหรือจะทำงานกับธุรกิจชินวัตร
ผมเองก็ตระหนักในผลกระทบเหล่านี้ แต่ไตร่ตรองแล้วเห็นว่า ความเสียหายของชาติที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นแถมชาติของทักษิณจะมีความสำคัญกว่า นักศึกษาและบุคคลากรจำนวนหนึ่งเมื่อได้ทราบว่าผมถูกวิจารณ์จากผู้เห็นต่างเช่นนี้ ก็ได้รวมตัวกันเข้าพบเพื่อให้กำลังใจ และเพื่อยืนยันว่าการที่ผมออกมาท้าทายอำนาจของทักษิณนั้น ผมไม่ได้ยืนอยู่โดดเดี่ยวแต่อย่างใด
6 ปีกว่าๆผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมนึกไม่ถึงว่าสังคมไทยจะต้องมาย่ำอยู่กับน้ำครำแห่งกังฉินทักษิณเช่นนี้อีก จากทักษิณขายหุ้นแถมชาติเป็นทักษิณโกงชาติแล้วลอยนวล
วันนี้นักศึกษา ม.อ. รอยต่อระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ตามภาพที่ได้ปรากฏให้เห็นนี้ ได้ออกมาแสดงตนและพลังให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หัวใจและสามัญสำนึกของคนหนุ่มสาว ก็ยังสามารถบอกกล่าวแยกแยะชั่วดีให้เป็นที่ประจักษ์ได้ และก็คงจะหมายรวมถึงหนุ่มสาวจากทุกสถาบันการศึกษา ที่จะได้ช่วยกันออกมาสร้างความหวังให้กับสังคมไทย ให้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคงสถาพร
ครับ !!! เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน รุ่นพี่ของหนุ่มสาวเหล่านี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของกำลังใจที่ผมได้รับ ในยามที่ต้องขับเคี่่ยวกับทักษิณ วันนีจึงเป็นโอกาสที่ผมต้องขอให้กำลังใจกับคนรุ่นใหม่ ในอันที่จะสืบทอดเจตนาของคนรุ่นเก่าที่เริ่มเหึ่ยวเฉาโรยรา
ร่วมเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปกับกังฉินที่โกงกินโกงชาติ และผมจะรับลูกไปสู้ต่อในวุฒิสภา เท่าที่สามารถจะทำได้ครับ