เที่ยวสตูล เอนกายชายเลอันดามันที่ปากน้ำรีสอร์ท ชมโบราณสถานบ่อเจ็ดลูก
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาหลายคนคงมีโปรแกรมเที่ยวกันสนุก สำหรับครอบครัวเล็กๆ รายได้ไม่เยอะอย่างบ้านสองน้ำก็มีโปรแกรมท่องเที่ยวเหมือนกัน แต่เลือกเที่ยวช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ และไปใกล้ๆ แบบ 1 คืน 2 วัน ไปสัมผัสเลอันดามันที่ปากน้ำ รีสอร์ท และชมโบราณสถาบ่อเจ็ดลูก ที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล
ระยาทาง 100 กิโลกว่าๆ จากหาดใหญ่ ไปถึงปากน้ำรีสอร์ท ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล ที่นี่อยู่ก่อนถึงปากบากราต้องเข้าทางซอยเทศบาล1 เขตตำบลกำแพง ระยะทางค่อนข้างไกลจากถนนสายหลักแต่การเดินทางก็สะดวกสบาย มีธรรมชาติร่มรื่นให้ชมกันตลอดทาง และแผนที่จีพีเอสก็ไม่พาให้หลงด้วย
ที่นี่เงียบสงบและเป็นชายทะเลส่วนตัว ห้องพักมีไม่มากแต่มีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่คืนละ 1,200 ไปจนถึง 4,000-5,000 บาท เราเลือกห้องถูกสุดราคา 1,200 สำหรับวันธรรมดาแต่ถ้าวันหยุดจะเป็น 1,500 บาท ห้องพักทุกห้องมองเห็นทะเล ต้นไม้ร่มรื่น ชายทะเลมีที่นั่ง โต๊ะ เปล ไว้สำหรับนั่งๆ นอนๆ เล่นๆ กันได้ด้วย
สาเหตุที่ชื่อปากน้ำ เพราะที่นี่งตั้งอยู่ชายทะเลจุดที่น้ำคลองละงูไหลลงสู่ทะเลนั่นเอง มีลูกควนขนาดเล็กปิดกั้นพื้นที่ 2 ฝั่งจนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ชายหาดส่วนตัว บนยอดควนยังสามารถเดินขึ้นไปชมวิวคลองละงูและวิถีชาวบ้านได้อีกด้วย ยามเย็นแดดร่มลมพัดสบายๆ สั่งอาหารมานั่งกิน นั่งชมทะเล หรือจะลงไปเล่นน้ำก็ต้องเดินไปไกลสักนิด
ยามค่ำคืนถ้าไม่รีบนอนเขาก็มีเครื่องดื่ม มีอาหารไว้บริการ รวมถึงมีดนตรีขับกล่อมด้วย และถ้าหากชอบดำน้ำ ล่องเรือชมทะเลแหวก ปราสาทหินพันยอด เกาะแก่งต่างๆ ก็ติดต่อทางรีสอร์ทได้นะครับ เขามีบริการครบวงจร ส่วนเราไม่ได้ล่องเรือเพราะเด็กๆ ยังเล็กเกินกว่าที่จะพาไปลงทะเลอันแสนกว้างได้
ตื่นเช้ามากินข้าวเช้าที่รีสอร์ท ยังมีเวลาให้รีแลคได้ถึงเที่ยงแต่เราเลือกที่จะออกมาก่อนเพื่อไปตามหาบ่อเจ็ดลูก ความจริงจากรีสอร์ทเดินเลียบชายคลองมาก็ไม่ไกลเขาบอกว่าไม่ถึง 1 กม.แต่เราขอขับรถมาดีกว่าจะได้กลับบ้านเลย
ที่นี่คือโบราณสถานบ่อเจ็ดลูก ตามป้ายบอกว่าชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ที่นี่ใหม่ต้องการขุดน้ำกินแต่ขุดกันถึง 7 บ่อกว่าจะเจอน้ำ นั่นเลยเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ บ้านบ่อเจ็ดลูก ตอนนี้บ่อทั้ง 7 ยังมีสภาพสมบูรณ์และมีการอนุรักษ์เป็นโบราณสถานไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย
ออกจากบ่อเจ็ดลูก เราก็เดินทางกลับบ้านชมธรรมชาติสองข้างทาง กลับหาดใหญ่รวมระยะการเดินทางร่วม 300 กม. ค่าใช่จ่ายทริปนี้ไม่ถึง 3,000 ทั้งค่าที่พัก ค่ากิน ค่าน้ำมัน ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการชาร์ตพลังงานเพื่อมาเริ่มต้นต่อสู่กันต่อในวันทำงานของศักราชใหม่เพื่อสะสมสะเบียงจัดทริปต่อไปกันอีก
ปล.ทริปนี้เดินทางโดยมิตูซูบิชิ มิราจ อีโคคาร์ยอดประหยัดจากค่าย จ.วินิต มิตซูหาดใหญ่ www.facebook.com/JawVinit เคล็ดลับความประหยัดก่อนเข้าที่พักควรทานมื้อเที่ยงให้เรียบร้อยแล้วค่อยจัดหนักที่รีสอร์ทมื้อเย็นทีเดียว ถ้าลงเรือค่าใช่จ่ายอยู่ที่หัวละ 800 บาทรวมอาหารเที่ยง ทิ้งท้ายอีกนิดถ้ามีเวลาเที่ยววันธรรมดาคุ้มค่ากว่าเยอะ อย่าลืมหาเวลาไปเที่ยวกันบ้างนะครับ
:) :)