จากที่เคยปรากฏข่าวทางทีวีเนื้อข่าวแจ้งว่า ตำรวจโคราชจับกุมคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์สาวฉันทนา โดยคนร้ายอ้างว่า พบกระเป๋าเงินพร้อมบัตร ATM ของสาวฉันทนา แล้วนำไปกดเบิกเงิน โดยสุ่มกดรหัสบัตรจากวันเดือนปีเกิดในบัตรประชาชนของผู้เสียหาย ได้เงินสดไปแสนกว่าบาท
วันเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถผ่านไปบริเวณที่สาวฉันทนาเกิดอุบัติเหตุ พบรถจักรยานยนต์ถูกจอดทิ้งไว้ข้างทาง สังเกตเห็นเบาะรถจักรยานยนต์แง้มอยู่ จึงลองเปิดดู พบกระเป๋าเงินอยู่ใต้เบาะ และในกระเป๋าเงินมีบัตรประจำตัวประชาชน บัตร ATM 3 ใบ จึงเกิดความโลภนำบัตร ATM ทั้ง 3 ใบ ไปกดเบิกเงิน โดยสุ่มกดรหัสบัตรจากวันเดือนปีเกิด ได้เงินสดจากบัตร ATM ทั้ง 3 ใบรวมเป็นเงินแสนกว่าบาท นำเงินที่ได้ไปเที่ยวเตร่จนหมด
เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตของสาวฉันทนา ต้องสูญเสียเงินเก็บ ไปแสนกว่าบาทจากหยาดเหงื่อแรงงานที่หามาได้เกือบตลอดชีวิตการทำงาน
เราควรป้องกันและดำเนินการอย่างไรดีล่ะคะ?
• ไม่ตั้งรหัสบัตรจากวันเดือนปีเกิด เพราะมิจฉาชีพสามารถคาดเดาได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บัตร ATM ทั้ง 3 ใบ ไม่ควรตั้งรหัสเดียวกันทั้งหมด
• ไม่ควรทำบัตร ATM หลายใบ เพราะต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้บัตรมากกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับ
• ควรพก บัตร ATM เฉพาะใบที่เราจำเป็นต้องการใช้เงินเท่านั้น ไม่ควรพกคราวละหลาย ๆ ใบ
• การเก็บเงินสะสมจำนวนมาก ๆ ควรแยกฝากไว้ในบัญชีเงินฝากประจำ ซึ่งนอกจากจะได้ดอกเบี้ย
มากกว่าแล้ว หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ เราจะไม่หมดตัวนะคะ !
ข้อมูลและที่มาจาก
น.ส.ศันสนีย์ อัศวเดชกำจร ผู้วิเคราะห์อาวุโส ส่วนคุ้มครองและให้ความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
ทำอะไรก็ต้องระวัง