พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ข้าพเจ้าจะเป็นป่า
ป่าที่มีความจงรักภักดีต่อน้ำ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงงานหนักตรากตรำมาช้านานและอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากพระราชกรณีย์กิจ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังทุกหนแห่งของประเทศ ไม่ว่าจะทุรกันดารเพียงใด เพื่อบำบัดทุกข์บำรุ่งสุขให้ป่วงพสกนิกรของพระองค์ ทั้ง 2 พระองทรงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ถึงรากแก้วแก่นแท้ของปัญหา
โครงการ ป่า รัก น้ำ ......" พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ข้าพเจ้าจะเป็นป่า ป่าที่มีความจงรักภักดีต่อน้ำ "พระราชกระแสใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีทรงเรียกว่า " ป่ารักน้ำ " เพราะต้นไม้ต้องรักน้ำเป็นของคู่กันและทั้งคู่นี้เป็นสิ่งที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงใยที่สุด ประเทศเราเป็นประเทศที่ยึดเกษตรกรรมเป็นหลัก ฉะนั้นน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเหล่าเกษตรกรแต่การที่จะมีน้ำอุดมสมบูรณ์ก็ต้องมีป่าที่สมบูรณ์ไปด้วย แม่น้ำเจ้าพระยานั้นเมื่อเด็ก ๆ ครูสอนว่าเกิดจากแควสี่สายคือ ปิง วัง ยม และน่าน อยู่ทางตอนเหนือของประเทศซึ่งอุดมไปด้วยป่าไม้ฉะนั้นลุ่มน้ำเจ้าพระยาของเราจะเทียบกับแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติ (International) แม่น้ำสาละวินในประเทศพม่า และแม่น้ำสินธุในปากีสถาน หรือแม่น้ำพรหมบุตรในประเทศอินเดียไม่ได้ เพราะแม่น้ำเหล่านั้นเกิดจากเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งยอดปกคลุมหิมะตลอดปีตลอดชาติ สามารถไหลมาเป็นน้ำไม่รู้หมด
ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นดุจดั่งเส้นชีวิตของเรา ถ้าป่าต้นน้ำหมดแล้วจะเอาน้ำมาจากไหน ต้นน้ำของเราก็พลอยเหือดแห้งไปด้วยทุกวันนี้กลุ่มคนตัดไม้ก็ตัดไป กลุ่มคนที่หาความสะดวกในการทิ้งน้ำเสียและของเสียในแม่น้ำลำคลองก็ทิ้งไป สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้อนุชนรุ่นหลังลำบาก ถ้าไม่มีน้ำจริง ๆ ก็อาจต้องซื้อน้ำมาใช้กัน ถ้าแล้งจริง ๆ จนนาทำไม่ได้ก็ต้องซื้อข้าวเขา ประเทศเรา คำที่เคยพูดกันติดปากว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว " ก็คงไม่ได้พูดอีกแล้ว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อทรงเห็นว่ายังมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอยู่เรื่อยๆ ก็ทรงหันมาปลูกป่าแทน ถ้าพวกเราไม่ร่วมแรงร่วมใจกันปลูกป่าเสียแต่บัดนี้ ปล่อยป่าเหลือ 0 % ทุกสิ่งก็คงสายเกินไปสำหรับการตั้งต้นทรงเห็นว่าเราควรช่วยกันเริ่มทำเสียแต่บัดนี้ เดี๋ยวนี้ อีก 20 ปีข้างหน้าคงจะชะลอความแห้งแล้งได้บ้าง
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงสนพระทัยเรื่องป่ามาก ทรงเฝ้าศึกษาหาทางปลูกป่า เพราะมีความสำคัญต่อความบริบูรณ์ของน้ำ และความชุ่มชื้นของแผ่นดิน และมีผลสืบทอดมาถึงชีวิตและการเกษตร ประเทศตะวันออกกลางบางประเทศที่เห็นการไกล ต่างก็ทุ่มเงินที่ได้จากการขายน้ำมัน มาบำรุงเกษตรอย่างสุดกำลัง เพราะเขารู้ซึ้งแล้วถึงความสำคัญของการขาดน้ำ พระเจ้าอยู่หัวทรงค้นคว้าทุกวิถีทางโดยศึกษาและปรึกษากับนักวิชาการ ในการที่จะหาทางปรับน้ำเสียให้เป็นน้ำดีแม้แต่เพียงเป็นการชะลอน้ำเสียอย่าให้เน่า ทุกวันนี้ยังคง ไม่ทรงท้อถอยหรือหยุดยั้งในความตั้งพระทัยโครงการป่ารักน้ำ
" โครงการป่ารักน้ำ " เพราะทรงเห็นว่าการปลูกป่าอย่างน้อย 3 ปี ที่ต้องการการเอาใจใส่ยิ่งกว่าเด็กอ่อน 10 ปี ไปแล้วยังหาอาหารเลี้ยงตัวเองได้ จากนั้นต้องดูแลให้รอดพ้นจากมืออสูรกายที่ชอบทำให้ไฟไหม้ป่า ครั้งใดที่เห็นไฟไหม้ป่าก็เหมือนหัวใจของคนปลูกป่าจะไหม้ไปด้วย " พระบรมราโชวาทของพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จึงก่อเกิดองค์การป่ารักน้ำแห่งประเทศไทย โดยรวบรวม พระสกนิกรทุกหมู่เหล่า นักวิชาการ ทหาร ตำรวจ ประชาชนและ เอกชน รวมดวงใจถวายเป็นพระราชกุศล ทำงานเสียสละเพื่อสังคม ประชาชน ทดแทนคุณแผ่นดินเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระที่พระองค์ทรงแบกรับนานมากว่า 60 ปี ขยายงานโครงการรณรงค์สร้างฝายต้นน้ำลำธาร(Check Dam) และแฝกโครงการปลูกป่า จากใจคน สนองแนวพระราชดำริ ฯองค์การป่ารักน้ำแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้น เมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549
ด้วยสำนักในพระมหากรุณาธิคุณ
ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ