Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - ฅนสองเล

#61
ต้นเลียบ 400 ปีจากที่ฝังรกหลวงปู่ทวดสู่ รุกข มรดกของแผ่นดินแห่งสทิงพระ 

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา ขับเคลื่อนโครงการวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุกข มรดกของแผ่นดิน "ต้นเลียบ" เพื่ออนุรักษ์ดูแลต้นไม้ที่มีประวัติศาสตร์คู่กับชุมชนและส่งเสริมให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่นักท่องเที่ยวและผู้สนใจ

(16 ส.ค. 61) ที่วัดต้นเลียบ ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นางสมศรี รักนุ้ย วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการวัฒนธรรมศูนย์การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุกข มรดกของแผ่นดิน จังหวัดสงขลาประจำปี 2561 โดยมีพระสมุห์วรัญญู ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดต้นเลียบ, พ.จ.ท อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอสทิงพระ, นายสุภัทร บัวผัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง, ส่วนราชการ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, คณะครู นักเรียนและประชาชนกว่า 300 คน เข้าร่วมในครั้งนี้

นางสมศรี รักนุ้ย วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ต้นเลียบได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 63 ต้น ของต้นไม้ที่ทรงคุณค่าเป็นรุกข มรดกของแผ่นดิน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา 2 เมษายน 2561 นำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้ท้องถิ่นและจังหวัดสงขลา รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความรักและหวงแหนในมรดกทางธรรมชาติ ถือได้ว่าเป็นมรดกของแผ่นดินประจำท้องถิ่นที่สะท้อนถึงวิถีความผูกพันของคนกับธรรมชาติ วัฒนธรรมไทย ความเชื่อและความศรัทธา

ต้นเลียบ ณ ที่แห่งนี้ มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี วัดขนาดเส้นรอบวงได้ 19.5 เมตรและมีความสูง 28.50 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาและความร่มรื่นอยู่ภายในวัดต้นเลียบ ควบคู่ไปกับเจดีย์ที่ฝังรกของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จึงถือกันว่าเป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านจึงเชื่อว่ามีเทวดาคุ้มครองดูแล นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านมาช้านาน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวตามรอยหลวงปู่ทวดอีกด้วย

ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมการสาธิตการดูแลต้นไม้ การสร้างความรู้ ความเข้าใจให้คนในท้องถิ่นมีความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ และร่วมปลูกเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางวัฒนธรรมพื้นบ้านและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว/ภาพ  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
#62
หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
เดินหน้าขับเคลื่อนกลไก แก้ปัญหาชายแดนใต้

หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล จัดประชุมติดตามคืบหน้าเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามกลไกประชารัฐ เน้นพิเศษความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน และการสาธารณสุขต้องเข้าถึงประชาชน มั่นใจปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้กำลังได้รับการแก้ไขในทางที่ดีขึ้น

15 ส.ค.61 ณ ห้องประชุมวิทยาลัยการอาชีพนาทวี จังหวัดสงขลา พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล/รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนตามกลไกประชารัฐตามนโยบายนายกรัฐมนตรี โดยเชิญ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ผู้นำศาสนา ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้แทนหน่วยงานการศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนภาคประชาชน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เข้าร่วมประชุมหารือในครั้งที่ 6/2561

เพื่อร่วมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้นำทุกภาคส่วน พร้อมรับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานจากการประชุมที่ผ่านมา และติดตามความก้าวหน้าของโครงการที่สำคัญ ในรอบ 6 เดือน (เมษายน-กันยายน 2561) ที่ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลต้องการขับเคลื่อนไปสู่ผลสัมฤทธิ์นำมาสู่ความพร้อมในการแก้ไขปัญหา การร่วมมือ เพื่อสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลการประชุมที่ผ่านมาตั้งแต่ครั้งที่ 1-5 ได้รับความร่วมมือ เป็นอย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนมีความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล

ทั้งนี้ ยังมีการมอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าของ "หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล" ที่มีความประสงค์ต้องการให้ผู้ที่เข้ามาร่วมประชุมนอกจากการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล/รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การไปประชุมในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำชับให้ รมต.ผู้แทนผู้เศษของรัฐบาลส่วนหน้า รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกกระทรวง ทบวง กรมฯในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาข้อข้องต่างๆ

ซึ่งพบในหลายเรื่องๆ ที่มีความคืบหน้าตามลำดับ และมี 2 เรื่องที่จะต้องเน้นเป็นกรณีพิเศษ คือ เรื่องการของกะทรวงสาธารณสุข ซึ่งการสาธารณสุขโรคภัยไข้เจ็บของประชาชน จึงได้กำชับให้ทุกฝ่ายต้องบูรณาการ่วมกัน ในการทำงานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการ ซึ่งผู้นำศาสนาพร้อมที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนวาระหนึ่ง. เพื่อการขับเคลื่อนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นตามลำดับ

พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ยังกล่าวย้ำว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่น มีเจตนารมณ์อันเต็มเปี่ยมของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะดำเนินการเพื่อความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการ มีความชัดเจนในนโยบายเสริมสร้างความสงบเรียบร้อย พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ยุทธศาสตร์การทำงาน นโยบายแก้ไขพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งมีหน่วยงานทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ทำงานเชื่อมโยงกัน โดยมีผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ร่วมบูรณาการให้เกิดการทำงานร่วมกัน

ทั้งนี้ ก็อยากฝากความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยความมุ่งมั่น อย่างเต็มเปี่ยม รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เป็นส่วนสำคัญ ที่จะช่วยสนับสนุนให้นโยบาย แผนงานรัฐบาล บรรลุวัตถุประสงค์ และนำสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างยั่งยืน

สำหรับ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รับหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล คนใหม่มาตั้งแต่ปลายปี 2560 และได้เน้นการทำงานเชิงรุกตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคง คือการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน ที่ให้ความสำคัญในระดับต้นๆ พร้อมให้ประชาชนป้องกันตัวเองได้ ขณะเดียวกันได้เดินหน้าสร้างความเข้าใจกับประชาชน ผู้นำศาสนา สถานศึกษา โรงเรียนปอเนอะ ให้เข้าใจแนวทาง เพื่อให้อยู่ร่วมกันภายใต้พหุสังคม คือจะไม่ให้ความแตกต่างทางศาสนาเข้ามาเป็นเงื่อนไขสร้างความแตกแยก รวมทั้งการขอความร่วมมือกับภาคประชาสังคม NGO ในพื้นที่ ควบคู่การให้ความเป็นธรรม การบังคับใช้กฎหมาย และแก้ไข พรบ.เพื่อเปิดโอกาสให้คนหลงผิดกลับตัวกลับใจ เพื่อให้สามารถทำลายโครงสร้างการใช้ความรุนแรง

งานด้านพัฒนา ได้มุ่งเน้นเน้นพื้นที่ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน" ที่ได้กำหนดไว้ คือ อ.เบตง จ.ยะลา อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และจะขยายพื้นที่ข้างเคียงต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการประชารัฐขับเคลื่อนลงไปพร้อมๆกัน เพื่อวางระบบให้ประชาชนมีเกิดความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ และดึงประชาชนมามีส่วนร่วมในเชิงรุก จะสามารถลดความรุนแรงโดดเดี่ยวผู้เห็นต่างได้ ซึ่งจะส่งผลต่อสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นตามลำดับ
#63
เรียงความเรื่องแม่

เดือนสิงหาคม เป็นเดือนมหามงคลของปวงชนชาวไทยเนื่องด้วยเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินาถในรัชกาลที่ 9 และยังถูกกำหนดให้เป็นวันแม่แห่งชาติ แม่ คำสั้นๆ ที่ขยายความได้ไม่สิ้นสุด

แม่แรกคือแม่ของแผ่นดิน แม่ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย พระราชินี ผู้ทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทย เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ผู้ปูรากฐานประเทศไทยสู่ความมั่นคงตราบจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าวันที่ 12 สิงหาคมจะเป็นแม่แห่งชาติสำหรับคนไทยทุกคนสืบไป

แม่ คำแรกที่ทุกคนพูดได้เป็นคำแรกหรือเรียกเป็นอย่างอื่นแตกต่างกันไปแต่ความหมายที่แทน แม่ ก็เหมือนกันหมดคือหมายถึงผู้ให้กำเนิด แม้สถานะความเป็นแม่และกหารดูแลแตกต่างกันออกไปบ้าง บางคนครอบครัวอุดมสมบูรณ์ บางคนครอบครัวระหองระแหงบ้าง บางคครอบครัวแตกแยก หรือบางคนไม่ได้พบเจอหรือสัมผัสความรักจากแม่เลย แต่ไม่อยากให้คิดน้อยใจเพราะแค่การเป็นผู้ให้กำเนิดเพียงอย่างเดียวเราก็ไม่อาจทดแทนบุญคุณท่านได้แล้ว

วันแม่กับค่านิยมนำแม่มาให้ลูกกราบ นำแม่มาโรงเรียนแต่งตัวสวยๆแข่งกันเพื่อบอกว่านี่คือวันแม่ นี่คือกิจกรรมสำคัญของโรงเรียนทั้งที่ความจริงแล้วการสอนให้ลูก สอนให้เด็กรู้จักความหมายของวันแม่ รู้จักความรักของแม่ไม่ใช่มีแค่การจับแม่มานั่งให้ลูกกราบแล้วครูอ่านกลอนซึ้งๆ ให้น้ำตาไหล ซึ่งในทุกครั้งที่มีงานวันแม่ เชื่อว่าไม่มีทางที่แม่ของเด็กจะมาได้ครบทุกคน บางคนต้องลางานมา บางคนอยู่คนละที่ และที่สำคัญบางคนไม่มีแม่เสียด้วยซ้ำ

การกระทำที่คิดว่าแสนดีของผู้ใหญ่บางครั้งคือบทบั่นทอนทำลายจิตใจของเด็ก ซึ่งเกิดขึ้นโดยรู้ตัวแน่นอนจะมาบอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์คงไม่ได้ หลายโรงเรียนเลิกกิจกรรมนี้ไปแล้วแต่หลายโรงเรียนยังคงทำต่อไป บางโรงเรียนเพิ่งทำปีแรก บางโรงเรียนทำต่อเนื่อง ทำตามๆกันไปโดยไม่ใส่ใจเสียงสะท้อนที่ตีกลับเลย การสอนให้เด็กรักแม่นั้นมีวิธีการมากมาย มากกว่ารักแม่คือการสอนให้รู้จักบุพการี กตัญญู คือรู้คุณ กตเวที คือแทนคุณ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ควรปลูกฝังให้เด็ก

วันแม่หรือวันไหนๆ ก็ไม่มีอะไรสามารถทดแทนพระคุณของแม่ได้หมด วันเวลาที่เหลืออยู่มันคือการนับถอยหลังของทุกชีวิต คนเกิดก่อนใช่ว่าจะตายก่อนเสมอไป เมื่อครั้งยังวัยรุ่นมีเหตุการณ์ที่จำได้แม่นคือ รุ่นพี่คนหนึ่งเกเรมาก สำมะเรเทเมาครบเครื่อง วันหนึ่งเขาเกิดประสบอุบัติเหตุจนกระทบกระเทือนถึงสมอง เขากลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องตลาดทุกคนไม่เว้นแม้แต่แม่ตัวเอง วันหนึ่งขณะไปที่บ้านแม่เขาเอ่ยมาประโยคหนึ่งว่า

"สิ่งที่คนเป็นพ่อแม่เสียใจมากที่สุดคือการต้องจัดงานศพให้ลูก" ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกตายก่อนตัวเอง อย่าประมาทกับการใช้ชีวิตน่ะลูก ประโยคนี้ยังอยู่ในใจเสมอ หลายครั้งที่เราประมาทกับการใช้ชีวิต ประมาทกับเส้นทางเดินที่คิดว่าเลือกเอง ลืมฟังเสียงเตือน เสียงแห่งความห่วงใยจากคนรอบข้าง บางคนอาจโชคดีคิดได้ทันเวลาแต่บางคนสายเกินไปแม้เพียงจะคิด

เพราะฉะนั้น อย่าลืมให้ึความสำคัญกับแม่ทุกวัน เพราะนาฬิกาวันของแม่และวันของเราต่างก็เดินถอยหลังเหมือนๆ ซึ่งไม่อาจบอกได้ว่านาฬิกาของใครจะหยุดก่อนกัน     
#64
เชฟรอน จับมือพันธมิตรจัดค่ายนิเวศวิทยาทางทะเล
เรียนรู้คู่ปฏิบัติ บ่มเพาะอนาคตนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล

​ก้าวสู่ปีที่ 26 แล้ว สำหรับโครงการ "ค่ายนิเวศวิทยาทางทะเลภาคฤดูร้อน" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ด้วยการสนับสนุนของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ที่ได้เพาะเมล็ดพันธุ์สร้างนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลรุ่นเยาว์ของประเทศไปแล้วกว่า 750 คน

โดยในปีนี้ มีนักศึกษาจากทั่วประเทศจำนวน 30 คน เข้าร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางทะเล ทั้งในเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมถึงกลไกและกระบวนการสำคัญที่เกิดขึ้นในทะเล ผ่านการทดลองและฝึกปฏิบัติในสถานที่จริง ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต เป็นเวลา 1 เดือน การจัดค่ายนี้มีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพในด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ซึ่งเป็นที่ต้องการของประเทศมากขึ้นทุกปี อีกทั้งยังเป็นการปลุกจิตสำนึกการอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติของเราให้แก่คนรุ่นใหม่ต่อไป

นางหทัยรัตน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยว่า "การจัดค่าย 26 ครั้งอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลของประเทศไทยทั้งในเชิงคุณภาพและประมาณ ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของเชฟรอนในการส่งเสริมการศึกษาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป้าหมายของโครงการ 'Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต' ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคมของบริษัทฯ ที่มุ่งยกระดับการเรียนการสอนด้านสะเต็ม หรือ สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ โดยเน้นการเรียนการสอนแบบสืบเสาะด้วยการตั้งคำถามและลงมือปฏิบัติเพื่อหาคำตอบ เพื่อสร้างความสนใจและแรงบันดาลใจให้เยาวชนเลือกเรียนตลอดจนประกอบอาชีพในสาขาสะเต็ม ซึ่งเป็นสาขาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งค่ายนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ช่วยสร้างการรับรู้และแรงบันดาลใจในด้านสะเต็ม ได้เป็นอย่างดี"

นางหทัยรัตน์ กล่าวต่อไปว่า "เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ทั้ง 30 คน ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ สัมผัสประสบการณ์จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนและลงมือปฏิบัติจริง ดิฉันเชื่อมั่นว่านอกจากมิตรภาพที่งอกงามจากการเรียนรู้ร่วมกันแล้วนั้น นิสิตนักศึกษาจะนำวิชาความรู้จากการศึกษาเล่าเรียนตลอดระยะเวลา 1 เดือน ทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และการออกภาคสนามไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สถาบันการศึกษา และประเทศชาติต่อไป"

ดร.อุกฤต สตภูมิมินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน เล่าว่า "ค่ายนิเวศวิทยาทางทะเลภาคฤดูร้อนจะทำให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์มากขึ้นในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ทางทะเล โดยค่ายนี้จะเป็นตัวกระตุ้นหรือสร้างแรงบันดาลใจสำหรับนักศึกษาให้ผลักดันตัวเองมาอยู่ในสายวิทยาศาสตร์ทางทะเล เป็นความคาดหวังเล็กๆ ของสถาบัน ว่าคนที่ผ่านค่ายนี้มาจะได้รับทราบสิ่งที่ถูกต้อง ได้รับทราบแง่มุมในการอนุรักษ์ การคุ้มครองสัตว์ทะเล และแผนการจัดการต่างๆ ในฐานะที่มีส่วนร่วมมาตั้งแต่แรก ผมชื่นชมพันธมิตรอย่างเชฟรอนที่สนับสนุนค่ายมายาวนาน โดยทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเอง พร้อมที่จะร่วมผลักดันหลักสูตรนี้ต่อไปให้มีต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลของประเทศ ที่จะช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคทะเลของประเทศ"

"น้องนนท์" นายสิทธินนท์ เสนาะ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "ค่ายนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้มากกว่าที่คิดไว้ 1 เดือนดูเป็นระยะเวลาที่นานมาก แต่เมื่อได้เข้ามาร่วมแล้ว กลับกลายเป็นว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก สิ่งที่ได้ไปคือความรู้จากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยเทคนิคการสอนที่เข้าใจง่าย ถือเป็นการเปิดโอกาสที่ได้เรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น ผมชอบการได้ออกไปปฏิบัติในพื้นที่จริงในทะเล มันเป็นครั้งแรกที่เห็นและได้ทดลองใช้เครื่องมือจริง"

ส่วน "น้องแอ๊ป" นางสาวโรจนพรรณ เทพอ่อน นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาเทคโนโลยีการประมง (เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง) คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวถึงสิ่งที่ตนเองได้รับว่า "ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นพื้นที่ติดป่าชายเลน ส่วนที่ศึกษาจะเน้นไปป่าชายเลน แต่มาค่ายนี้ทำให้เราได้สัมผัสหาดทราย หาดหิน ถือเป็นการเปิดความรู้ใหม่เพราะมีความต่างกับสิ่งที่เรียนมา มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเพื่อนต่างคณะ ต่างมหาวิทยาลัย สามารถนำเอาไปใช้ในการตัดสินใจเรื่องทำโปรเจคที่มหาวิทยาลัยตอน ปี 3 อยากกลับไปบอกรุ่นน้องหรือใครที่สนใจในด้านทะเล ว่าถ้ามีโอกาส ให้มาค่ายนี้ เพราะหลักสูตรค่ายนี้มีเนื้อหาและการจัดกิจกรรมเหมาะสม เป็นประโยชน์มากๆ"

1 เดือนของค่ายนิเวศวิทยาทางทะเลภาคฤดูร้อนกับเชฟรอน ที่จัดต่อเนื่องมายาวนานถึงปีที่ 26 ได้บ่มเพาะนักวิทย์แห่งท้องทะเลไทยแล้วกว่า 750 คน ซึ่งต่างเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการดูแลปกป้องและอนุรักษ์ท้องทะเลไทยให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
#65
กัลฟ์ จะนะ กรีน ร่วมกับทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด
เปิดคลินิคสอนและจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน

กัลฟ์ จะนะ กรีน ร่วมกับสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดคลินิกฟุตบอลเยาวชน และจัดแข่งขันรายการพิเศษชิงถ้วยรางวัล ณ สปอร์ตอารีน่า ต.ท่าข้าม  อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 61 ที่ศูนย์กีฬาสปอร์ตอารีน่า ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นางสาววิไลลักษณ์ เรืองผล ปลัด อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นประธานเปิดงาน โครงการ กัลฟ์ฟุตบอล คลินิกร่วมกับสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยมี นายจิระศักดิ์ มีสัตย์  ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์โครงการโรงไฟฟ้า บริษัทกัลฟ์ จะนะ กรีน จำกัด กล่าวให้การต้อนรับ และพี่น้องประชาชนและเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 150คน ทุกตำบลของอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

หลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้วยังมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน " กัลฟ์ จะนะ กรีน คัพ ครั้งที่ 1 " ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 12 ปี โดยมีเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนมาก จากในพื้นที่ อ.จะนะ ได้แก่ อบต.จะโหนง อบต.ขุนตัดหวาย อบต.คู เทศบาลตำบลบ้านนา. อบต.ท่าแค อบต.นาหว้า อบต.ท่าหมอไทร และ  อบต.สะพานไม้แกน โดยมีนายสามารถ สะเงะยุนุ่ย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคู อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน

นายจิระศักดิ์ มีสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ฯ บริษัท กัลฟ์ จะนะ กรีน จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯให้ความสำคัญต่อการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นวัยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเรียนรู้ และการห่างไกลสิ่งเสพติด จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเป็นคนดีของชุมชน จึงได้จัดกิจกรรมกีฬาฟุตบอลสำหรับเยาวชน โดยมีการเปิดคลิกนิกฟุตบอลสอนการเล่นแบบมืออาชีพ ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีโคชและนักแตะระดับแนวหน้าของประเทศ มาร่วมฝึกสอน และมีการจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คนชิงถ้วยรางวัลในครั้งนี้ ทั้งนี้เพื่อพัฒนาเยาวชนและทักษะการเล่นกีฬาแบบมืออาชีพปลูกฝัง ความเข้าใจ กฎกติกา มีระเบียบวินัย มีน้ำใจรู้แพ้ชนะและรู้อภัย รวมทั้งสร้างความรักสามัคคีในชุมชนท้องถิ่น 

ด้านนายสามารถ สะเงะยุนุ่ย นายก อบต.คู กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ จะนะกรีน และ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ได้มาเปิด "คลินิกฟุตบอล" สอนการเล่นฟุตบอลแบบมืออาชีพ โดยโคชและนักแตะระดับแนวหน้าของเมืองไทย เป็นโอกาสที่ดีของเยาวชนใน อ.จะนะ ฯ นับเป็นแรงจูงใจที่ดีมากต่อเยาวชนให้สนใจด้านสุขภาพและการกีฬา ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ และจะมีแนวทางในการพัฒนาการเล่นฟุตบอลแบบมืออาชีพต่อไปได้ในอนาคต รวมทั้งที่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน เพื่อให้เยาวชนได้สัมผัสกับการเล่นจริงในสนาม เป็นการสร้างความรักสามัคคี มีน้ำใจนักกีฬา เคารพ ระเบียบวินัย รู้จักกติกาการแข่งขันและจะทำให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติดและเป็นคนดีในสังคมต่อไป
#66
วีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาคนใหม่ มีผล 1 ต.ค.นี้

การประชุมครม.วันนี้ 14 ส.ค.61 ก.มหาดไทย มีวาระการแต่งตั้งโยกย้ายผุ้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง หนึ่งในนั้นคือตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่นายดลเดช พัฒนรัฐ จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ก็คือนายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นข้าราชการอีกหนึ่งรายที่เติบโตสายราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มายาวนาน เลื่อนจากรองผู้ว่าฯ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เมื่อ 2ปีที่แล้วและกำลังจะได้ย้ายมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 นี้

สำหรับข้อมูลและประวัติการทำงานของว่าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทีงานจะนำเสนอให้ได้ติดตามกันต่อไป



#67
ที่มา เพจไทยคู่ฟ้า

เริ่มแล้ว คุมสัญญาซื้อรถยนต์–จักรยานยนต์ ลดต้นลดดอกเพื่อผู้บริโภค

ที่ผ่านมา สัญญาเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เราทำกับบริษัทไฟแนนซ์ จะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ นั่นคือ เมื่อเราผ่อนค่างวดไปแต่ละงวด ดอกเบี้ยก็ยังคิดจากเงินต้นที่กู้มาแต่แรก ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องแบกภาระดอกเบี้ยที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง และอาจต้องเสียเงินเพิ่มหากต้องการโปะเงินทั้งหมดเพื่อปิดบัญชี

รัฐบาลชุดปัจจุบันเล็งเห็นถึงปัญหาของผู้บริโภค โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ประกาศใช้กฎหมายใหม่ เรื่อง ให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 61 ที่ผ่านมา หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากถูกเอาเปรียบจากสัญญาเช่าซื้อ

มารู้จัก "ธุรกิจควบคุมสัญญา" ว่าคืออะไร?

ธุรกิจควบคุมสัญญา คือ ธุรกิจที่ถูกกำกับเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ และได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาต่าง ๆ โดยรายละเอียดสัญญาต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายของ สคบ.

กฎหมายฉบับใหม่ดีต่อผู้บริโภคอย่างไร?

1. การคิดดอกเบี้ยจะคิดแบบลดต้นลดดอก (อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง) เช่นเดียวกับการคํานวณดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด

2. กรณีผู้ซื้อผิดนัดชำระ จะถูกคิดดอกเบี้ยลดลงอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 15 (จากเดิมสูงสุดถึงร้อยละ 17)

3. บริษัทให้เช่าซื้อจะต้องทำตารางแสดงค่างวด แยกเงินต้น และวิธีการคิดอัตราดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อทราบอย่างชัดเจน

4. หากผู้ซื้อต้องการชำระเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดในคราวเดียว (โปะ) บริษัทให้เช่าซื้อจะต้องให้ส่วนลดดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50

5. เมื่อผู้ซื้อผิดนัดชําระ 3 งวดติดต่อกัน บริษัทให้เช่าซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ แต่จะต้องแจ้งลูกค้าล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน

6. ให้สิทธิผู้เช่าซื้อ สามารถซื้อรถคืนได้ภายใน 7 วัน หลังถูกยึดรถ และหากสละสิทธิจะต้องมีหนังสือแจ้งผู้ค้ำประกันไม่น้อยกว่า 15 วัน

7. กรณีจะนำรถขายทอดตลาดหรือประมูล บริษัทให้เช่าซื้อจะต้องแจ้งผู้ซื้อและผู้ค้ำประกันล่วงหน้าทราบล่วงหน้า 7 วัน

8. บริษัทให้เช่าซื้อสามารถเก็บค่าธรรมเนียมทวงถามได้ตามจริง แต่ห้ามเก็บค่าดำเนินยึดรถ

อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับใหม่นี้มีผลเฉพาะการเช่าซื้อรถเพื่อใช้งานส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่รวมถึงกรณีนิติบุคคล และการซื้อเพื่อการขนส่ง การค้า ธุรกิจ หรือเพื่อสินจ้าง รวมทั้งจะไม่มีผลย้อนหลังกับสัญญาเช่า – ซื้อรถที่ดำเนินการก่อนวันที่ 1 ก.ค. 61 โดยยังคิดอัตราดอกเบี้ยแบบเดิม

ทั้งหมดนี้ คือ สาระสำคัญของกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะช่วยคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ให้ต้องเสียเงินเกินจริง และยังคุ้มครองไปถึงผู้ค้ำประกันอีกด้วย

ดังนั้น ก่อนเช่าซื้อรถยนต์ - รถจักรยานยนต์ โปรดศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายให้ดี เพื่อป้องกันการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือถูกเอารัดเอาเปรียบในทุกกรณี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/035/6.PDF
#68
เปิดเครือข่ายเชิญชวนพ่อเลิกสูบุหรี่ในบ้าน
ต้อนรับวันแม่แห่งชาติ "พ่อจ๋า บุหรี่ทำร้ายครอบครัวเรา"

ภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพและผู้ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ เปิดแถลงข่าวรณรงค์เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม "พ่อจ๋า บุหรี่ทำร้ายครอบครัวเรา" เชิญชวนคุณพ่อเลิกสูบบุหรี่ในบ้าน และรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ถาวรเพื่อป้องกันผลกระทบจากควันบุหรี่มือสอง มือสาม ที่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง

(10 ส.ค.61) ณ โรงแรมบุรีศรีภูบูติก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มูลนิธิเพื่อนหญิง เครือข่ายผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่ 4ภาค มูลนิธิรณงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว สมาคมเภสัชเพื่อการเลิกบุหรี่ และเครือข่ายเด็ก เยาวชน เครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่ ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีการจัดเวทีเสวนาและแถลงข่าวในหัวข้อ "พ่อจ๋า บุหรี่ทำร้ายครอบครัวเรา" โดยมีนักเรียนโรงเรียนบ้านคลองหวะ เครือข่ายชุมชนเทศบาลเมืองคอหงส์ และหลายภาคส่วนร่วมงานในครั้งนี้

ผศ.ดร.พญ.รัศมี สังข์ทอง หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ม.อ.หาดใหญ่ กล่าวว่าภาคใต้เป็นภาคที่มีปริมาณการสูบบุหรี่สูงสุดของประเทศ และเป็นภาคที่มีผู้ได้รับผลกระทบจากบุหรี่มือสอง มือสามมากที่สุดด้วย โดยเฉพาะคนในครอบครัว วันนี้เราจึงอยากให้คุณพ่อทุกคนตระหนักว่าการสูบบุหรี่ในบ้านคือภัยอัตรายที่ไม่ได้เกิดกับตัวคุณพ่อหรือผู้สูบเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคนในครอบครัวของคุณด้วย

รศ.พญ.วนพร อนันตเสรี ภาควิชากุมารเวช คณะแพทยศาสตร์ ม.อ.หาดใหญ่ กล่าวเสริมว่าจากการวิจัยพบว่าควันบุหรี่มือสอง มีอันตรามากกว่าควันบุหรี่ที่มีการสูบเข้าไปของคนสูบเสียนั่นหมายความว่าคนรอบข้างจะได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มากกว่าคนสูบเสียอีก ผู้ที่สูบบุหรี่จึงควรตระหนักให้มากว่าไม่ได้กระทบแค่ตัวเราคนเดียวแต่หมายถึงชีวิตและสุขภาพของลูกและคนรอบข้างที่คุณรักด้วย

เช่นเดียวกับ ดร.นพ.ธรรมสินธ์ อิงวิยะ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ ม.อ.หาดใหญ่ กล่าวย้ำว่าบุหรี่ทุกชนิดมีอันตรายหมด ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ก้นกรอง บุหรี่พื้นบ้านใบจาก-ยาเส้น หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน บอกได้เลยว่าบุหรี่ทุกชนิดอันรายและเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายเหมือนกันทั้งหมด

ส่วนของตัวแทนชุมชน นายสมพงศ์ แซ่เฮง พ่อผู้เลิกบุหรี่สำเร็จบอกว่า สูบบุหรี่มาตั้งแต่ 18ปี ลูกเมียบอกให้เลิกก็ยังดื้อและฝืนมาตลอดจนมาพบจุดเปลี่ยนว่าเสียงเริ่มหายและเจ็บคอหนักมาก จึงปฏิญาณตนว่าจะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้และทำสำเร็จ สร้างความสุขให้ครอบครัวเป็นอย่างมาก

ทางด้านแม่บ้านผู้ได้รับผลกระทบกล่าวว่า ทั้งพ่อและสามีเป็นคนสูบบุหรี่จัดมากและอยู่ในบ้านเดียวกันจนส่งผลต่อสุขภาพของลูกที่เกิดมาลิ้นหัวใจรั่ว แม้จะรักษาจนหายแต่ก็เป็นแผลในใจและในชีวิตลูกมายาวนาน วันนี้สามีเลิกบุหรี่ได้แล้วแม้จะมาเลิกได้ตอนป่วยหนักแต่ก็ดีใจที่เขาเลิกได้

ทางด้านตัวแทนเยาวชนจากโรงเรียนบ้านคลองหวะ บอกว่าดีใจมากที่พ่อเลิกบุหรี่ได้หลังจากเธอและแม่ช่วยกันอ้อนวอน และแม่เป็นผู้เน้นย้ำว่าให้พ่อทำเพื่อลูกจนพ่อยอมเลิกบุหรี่ในที่สุด แ

ปิดท้ายด้วยนายแพทย์บุญชัย พิริยกิจกำจร รองนายแพทย์สธารณสุขจังหวัดสงขลา และกรรมการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่วว่าทางเครือข่ายได้ตระหปนักในพิษภัยบุหรี่และร่วมกันรณรงค์สร้างสังคมปลอดบุหรี่อย่างต่อเนื่อง เราไม่อยากเห็นนักสูบมาเลิกตอนป่วย มาเลิกตอนที่หมอบังคับ อยากให้ทุกคนเลิกบุหรี่ตอนที่ยังแข็งแรงมากกว่า

ละในวันนี้ทางเทศบาลเมืองคอหงส์ ได้ประกาศเจตนารมย์ร่วมเป็นเครือข่ายบ้านปลอดบุหรี่ ซึ่งจะเป็นท้องถิ่นที่มีการรณงค์นำร่องของจังหวัดสงขลาด้วยพร้อมกันนี้ยังมีการแถลงข่าวพร้อมต่อกิมมิกของขวัญวันแม่ ขอพ่อไม่สูบบุหรี่ในบ้าน เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมย์และรณรงค์บ้านปลอดบุหรี่ ชวน ช่วย เสริมพลัง ให้พ่อเลิกบุหรี่ อีกด้วย

วันแม่ปีนี้ มาร่วมกันทำความดีด้วยการลด ละ เลิก บุหรี่ หากยังเลิกสูบไม่ได้ก็ขอให้เลิกสูบในบ้าน เลิกสูบให้ลูกหรือเด็กๆ เห็น เพราะจะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้     

ต้อม รัตภูมิ รายงาน

#69
หาดใหญ่เอฟซี ขอแรงเชียร์แฟนบอล 3นัดสุดท้ายเล่นในบ้านรวด

พลพรรคสำเภาทอง หาดใหญ่เอฟซี ทีมดังในไทยลีก4 ขอแรงเชียร์แฟนบอลชาวหาดใหญ่ให้มาร่วมชมกันเยอะๆ กับการเล่นในบ้าน 3นัดสุดท้ายก่อนจบฤดูกาล 11 ส.ค.พบชุมพรเอฟซี 19 ส.ค.สตูลยูไนเต็ด และ 25 ส.ค.พบสุราษฎร์ซิตี้ ที่สนามพรุงค้างคาว โดยขณะนี้หาดใหญ่ มี 26 แต้มตามหลังทีมนำสตูล มี 41แต้ม ปัตตานี 34แต้ม ซึ่งหาดใหญ่เอฟซี ยังมีลุ้นลึกๆ ในการเป็นรองแชมป์กลุ่มเพื่อได้สิทธิ์ลุ้นเพลย์ออฟไปไทยลีก3 ต่อไป โดยทีมหาดใหญ่เอฟซี ยังคงยึดแนวทางการทำทีมแบบใช้แข้งท้องถิ่น แข้งไทยล้วนๆ เรียกได้ว่าเป็นทีมเดียวที่ไม่มีตัวต่างชาติร่วมทัพเลย อย่าลืมร่วมให้กำลังใจลูกหลานบ้านเรากันด้วยนะครับ

#70
เปิดทุกมุมมอง นฤมล อมรรัตน์วิทยา กับก้าวต่อไปโอเดียนแฟชั่นมอลล์หาดใหญ่

โอเดียนแฟชั่นมอลล์ ถือเป็นห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นรายแรกๆ ของเมืองหาดใหญ่ ที่เปิดและเติบโตยืนหยัดคู่เมืองหาดใหญ่มากว่า 31ปี ห้างที่เป็นธุรกิจของคนท้องถิ่นตัวจริง ธุรกิจที่เกิดจากการวมตัว รวมหุ้นของชาวหาดใหญ่ วันนี้กับการก้าวสู่ทศวรรษที่4 ในวันที่ใครๆ บอกว่าเศรษฐกิจหาดใหญ่กำลังซบเซา ธุรกิจจำนวนไม่น้อยกำลังจะไปไม่รอด แล้วโอเดียนแฟชั่นมอลล์ ในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง พี่เล็ก นฤมล อมรัตน์วิทยา รองกรรมการผู้จัดการ ห้างสรรพสินค้าโอเดียนแฟชั่นมอลล์หาดใหญ่ พร้อมตอบทุกคำถาม

ทีมงานเว็บไซต์กิมหยง มีโอกาสพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับคุณนฤมล อมรัตน์วิทยา หรือพี่เล็ก ผู้บริหารหญิงเก่งแห่งห้างโอเดียนแฟชั่นมอลล์หาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหาดใหญ่ พี่เล็กเล่านำถึงที่มาของห้างโอเดียน ว่าเป็นห้างที่เกิดจากคนท้องถิ่นล้วนๆ เริ่มรวมตัวกันมาตั้งแต่ปี 24 เปิดเป็นศูนย์การค้าให้เช่าก่อนที่จะมาเปิดเป็นห้างสรรพสินค้าโอเดียนในปี 30 ถึงวันนี้รวมระยะเวลากว่า 31 ปีที่ยืนหยัดคู่หาดใหญ่ และสามารถบอกได้ว่านี่คือเอสเอ็มอีตัวจริง เรามีการบริหารงานในรูปแบบคณะกรรมการ และความซื่อสัตย์ โปร่งใส และยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุกิจมาโดยตลอด

"จุดเด่นของโอเดียน คือเราเน้นทำห้างสรรพสินค้าอย่างเดียว ทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหาดใหญ่ มีสินค้าหลากหลายให้เลือก และมีโปรโมชั่นพิเศษอย่างต่อเนื่อง เราเน้นการขายสินค้าคุณภาพ ราคาถูกกว่า บวกกำไรน้อยกว่า ลูกค้าประหยัดและได้สินค้ามากกว่า ที่นี่มีทั้งห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาเก็ต ที่สำคัญเรายังมีกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มาพักในเมืองแล้วมาช้อปปิ้งมาเลือกซื้อสินค้าที่ห้างเป็นจำนวนมาก และลูกค้าบอกต่อปากต่อปากก็มีเยอะมากเพราะสินค้าแบรนด์เดียวกันแต่ที่เราขายถูกกว่า ถึงแม้เราจะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่น้อยกว่าแต่ฐานลูกค้าเราเหนียวแน่น"

โอเดียนวันนี้มีพนักงานรวมกว่า 300คน แบ่งเป็นพนักงานห้างประมาณ 100คนและพนักงานของแบรนด์คู่ค้าอีก 200คน เราเน้นการดูแลกันแบบครอบครัวและคิดค่าเช่าอย่างเป็นธรรมทำให้พนักงานและคู่ค้าอยู่กับห้างได้ยาวนาน และที่โอเดียนยังเป็นห้างที่มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกิจกรรมเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งมีเกือบทุกเดือนและเน้นการจัดกิจกรรมแบบกลุ่มเพื่อให้เด็กได้ความสามัคคี ผู้ปกครอง โรงเรียน ต่างได้สนับสนุนเด็กร่วมกันด้วย เพราะเราตระหนักว่าเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ที่เติบโตเป็นอนาคตของชาติในวันหน้า การพัฒนาเด็กจึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ

"วันนี้แม้จะมีการรุกตลาดเข้ามาอย่างต่อเนื่องของกลุ่มทุนส่วนกลางและทุนข้ามชาติ แต่ผู้บริหารโอเดียนแฟชั่นมอลล์ กลับมองว่านี่คือโอกาส โอกาสของคู่ค้า โอกาสของผู้บริโภคที่มีตัวเลือกมากขึ้น ในส่วนของโเดียนก็ต้องปรับตัวเพื่อรับการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อเราไปดูหัวเมืองอื่นๆ เขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันแต่เขาก็ยังอยู่ได้ โอเดียนเองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ สินค้าบางแบรนด์หายไป บางแบรนด์ลดขนาดพื้นที่ลง เราก็หาสินค้าใหม่มาทดแทน รวมถึงยังคงเอกลักษณ์ความเป็นโอเดียนที่ขายถูก มีสินค้าครบ บริการดี มีการจับรางวัลช้อปปิ้งฟรีประจำปี สิ่งเหล่านี้ทำให้เราสามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงมาได้"

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจหาดใหญ่ซบเซาที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆนั้น พี่เล็ก มองว่าตอนนี้เรื่องเศรษฐกิจซบเซาก็เกิดขึ้นทั่วประเทศหรือทั่วโลกกว่าได้ ทุกที่ต่างได้รับผลกระทบเหมือนกันเพียงแต่ที่ไหนจะมากจะน้อย ส่วนหาดใหญ่ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียว วันนี้ตลาดออนไลน์เข้ามามีบทบาทสูงมาก โอเดียนเองก็ยังต้องมีแผนกออนไลน์ไว้บริการลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง และจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อว่าตลาดออนไลน์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเมืองร้านค้าที่ปิดตัวไป ขึ้นป้ายให้เซ้งให้เช่า ถ้าลงไปดูลึกๆ พบว่าส่วนหนึ่งเพราะไม่มีคนรับช่วงต่อ รุ่นลูกไปหันไปทำอย่างอื่นแทนธุรกิจของพ่อแม่ และอีกอย่างคือค่าเช่าที่ในหาดใหญ่แพงมาก

สำหรับก้าวต่อไปในทศวรรษที่4 ของโอเดียนแฟชั่นมอลล์นั้น ทางผู้บริหารได้ให้คำคมไว้ว่า "หากจะเอาแค่ประสบการณ์ในอดีตมาปรับใช้ในธุรกิจปัจจุบันอาจใช้ไม่ได้เท่าไหร่" สิ่งหนึ่งที่เราพยายามยามทำคือการรักษาความเป็นโอเดียนให้อยู่คู่เมืองหาดใหญ่ไปตลอด และมีการขยายธุรกิจไปทำหอพักบ้างแต่ไม่มากส่วนธุรกิจใหม่ๆ ยังไม่ได้มองธุรกิจไหนไว้เป็นพิเศษ ด้านมุมมองต่อเมืองหาดใหญ่ มองว่าหาดใหญ่เป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองธุรกิจ เมืองอาหารอร่อยแต่ยังขาดจุดขายใหม่ๆ รวมถึงเรื่องความสะอาด ไฟส่องสว่าง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวของเข้ามาปรับปรุงพัฒนาตรงนี้ด้วย

และที่สำคัญอยากให้ทุกคนรวมทั้งสื่อต่างๆ ช่วยกันนำเสนอมุมมองดีๆ ของเมืิองหาดใหญ่ออกไปสู่สาธารณชนให้กว้างยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองอีกช่องทางด้วย (ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านคลิปวีดีโอประกอบข่าว)   
#71
36715 รำลึกนัดสนามติณฯ แตกและจุดเริ่มต้นขาลงวัวชนแดนใต้

36,715 คน คือสถิติสูงสุดที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยจนถึงปัจจุบัน เป็นสถิติผู้ชมดิวิชั่น1 เมือวันที่ 7 สิงหาคม 2554 ณ สนามติณสูลานนท์ วัวชนแดนใต้ สงขลาเอฟซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของนักรบลาวาเพลิง บุรีรัมเอฟซี

ผลการแข่งขันวันนั้นจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 และเช้าวันรุ่งขึ้นเป็นข่าวแทบทุกสื่อเพราะนี่คือสถิติผู้ชมสูงสุดของฟุตบอลลีกเมืองไทยที่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีทีมไหนทำลายได้ แต่เมือจบปีนี้บุรีรัมย์ ที่ได้แชมป์ได้มอบสิทธิ์การขึ้นไทยลีกให้สงขลา แต่มีปัญหาไม่สามารถรวมทีมได้จึงทำให้เกิดทีม วัวชนยูไนเต็ด มาซ้อนกับทีมสงขลาเอฟซี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อวัวชนมาเป็นสงขลายูไนเต็ด และทีมสงขลาเอฟซีก็หายไปในที่สุด

วัวชน+สงขลายูไนเต็ด โลดแล่นในลีกสูงสุดได้เพียง 3ปีก็ร่วงมา ณ จุดเริ่มต้นคือลีกพระรอง และทำทีมต่อมาอีก 2ปี จบฤดูกาลด้วยการตกรอบมาเล่นในไทยลีก3 แต่สงขลายูไนเต็ด ไม่ได้ส่งแผนการทำทีมและไม่มีรายชื่อเข้าแข่งขันในฟุตบอลลีกเมืองไทยในปี 2561 โดยสถานะปัจจุนของวัวชนแดนใต้ คือโดนพักทีม 2ปี 61-62 หากมีคนทำทีมต่อในนามวัวชนแดนใต้ สงขลายูไนเต็ด ในปี2563 ทีมก็จะกลับมาเล่นในไทยลีก4 ได้โดยอัตโนมัติ

แต่ผู้สันทันกรณีในวงการบอลสงขลาบอกว่า วัวชนแดนใต้คงไม่กลับมาแล้ว แฟนบอลไปเชียร์ทีมใหม่กันได้เลย

ขอบคุณภาพนัดประวัติศาสตร์จาก https://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=17687
#72
เปิดภารกิจติดตามทหาร-ป่าไม้ เดินเท้าสำรวจเขาคอหงส์ ป้องกันนายทุนบุกรุกครอบครองสิทธิ์

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากคุณสุภินดา มานะการ นักพัฒนาท่องเที่ยว เทศบาลเมืองคอหงส์ เชิญชวนร่วมเดินเท้าสำรวจพื้นที่บนเขาคอหงส์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายเสนาณรงค์ และป่าไม้จังหวัดสงขลา เพื่อสำรวจความอุดมสมบูรณ์และป้องกันการบุกรุกของนายทุนหรือชาวบ้านที่อาจส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของเขาคอหงส์ได้

การเดินทางในครั้งนี้นำโดย ร้อยตรี ชัชวาลย์ ศรีมณี นายทหารชำนาญงาน มณฑลทหารบกที่ 42 (ค่ายเสนาณรงค์) นายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้สงขลา สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่13 (สงขลา) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทีมจากเทศบาลเมืองคอหงส์ กลุ่มวนเกษตรสวนสมรม ร่วมเดินเท้าสำรวจพื้นที่ป่าโดยเริ่มต้นจากบริเวณด้านหลังสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของทหารตามนสล.ฉบับที่1741/2507 ซึ่งได้มีการทำแนวรั้วกันป้องกันการบุกรุกไว้บางส่วนแล้ว

จากการเดินสำรวจพื้นที่ป่าบนเขาบริเวณนี้พบว่ายังมีความอุดมสมบูรณ์มาก แต่ยังมีการปะปนของพืชผลทางการเกษตรในอดีตของชาวบ้าน อาทิ ต้นยางพารา ต้นกระท้อน ต้นจำปาดะ สะตอ และยังพบการปักแนวหลักเขตแสดงการครอบครองพื้นที่ รวมถึงถางป่าตัดต้นไม้ขนาดเล็กเพื่อให้โล่งเตียนและง่ายต่อการใช้สอยพื้นที่ โดยพื้นที่ตรงนี้เจ้าหน้าร ที่ให้ข้อมูลว่านอกจากเป็นพื้นที่ทหารแล้ว ยังมีพื้นที่อนุรักษ์ภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ และพื้นที่ที่ชาวบ้านถือครองมาตั้งแต่ครั้งอดีต แม้ปัจจุบันชาวบ้านส่วนใหญ่แทบไม่มีการเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวแล้วแต่ยังมีการปักหลักแสดงความเป็นเจ้าของอยู่บางส่วน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมีข่าวว่ามีนายทุนที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีฐานะ ได้มีการยุยงให้ชาวบ้านแสดงสิทธิ์การครอบครองที่ดินให้ชัดเจนและจะเป็นผู้จัดซื้อที่ดินจากชาวบ้านเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากมีหลายจุดที่มีความสวยงามสามารถพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว บ้านพักตากอากาศ หรือรีสอร์ทได้ โดยมีจุดที่เป็นสายน้ำขนาดเล็ก สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองหาดใหญ่ได้อย่างชัดเจน และการสำรวจครั้งนี้เพื่อได้ดูสภาพพื้นที่จริงของผืนป่าในปัจจุบัน ตรวจสอบสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ที่ถูกต้องว่าเป็นของหน่วยงานไหนบ้าง และที่สำคัญเพื่อร่วมกันหาแนวทางป้องกันการบุกรุกพื้นที่ต่อไป 

เขาคอหงส์ ถือเป็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่เป็นปอดของคนหาดใหญ่อย่างแท้จริง มีพื้นที่ครอบคลุมหลายตำบล เป็นหลายหน่วยงานเป็นผู้รับผิดชอบดูแล และกรมป่าไม้ ได้ดำเนินการพัฒนาเขาคอหงส์ให้เป็นพื้นที่ป่าชุมชนประชารัฐ ให้ชาวบ้านและชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรป่าไม้ร่วมกันด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถฟังได้จากการให้ข้อมูลของนายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้สงขลา สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่13 (สงขลา) ในคลิปวีดีโอประกอบข่าว



#73
ชื่ออำเภอที่หายไปของจังหวัดสงขลา

จังหวัดสงขลา เมื่อแรกเริ่มจัดตั้งมีการเปลี่ยนชื่ออำเภอใหม่ในหลายอำเภอ ลองย้อนดูกันว่ามีชื่ออะไรกันบ้าง

เหนือ ชื่อเดิมของอำเภอหาดใหญ่
บ้านนา ชื่อเดิมของอำเภอจะนะ
ปละท่า ชื่อเดิมของอำเภอในคาบสมุทรสทิงพระทั้งหมด
จะทิ้งพระ ชื่อเดิมของอำเภอสทิงพระ
รัฐภูมิ ,กำแพงเพชร ชื่อเดิมของอำเภอรัตภูมิ
บาโหย ชื่อเดิมของอำเภอสะบ้าย้อย

ปัจจุบันจังหวัดสงขลาของเรามี 16 อำเภอ คือ เมืองสงขลา หาดใหญ่ รัตภูมิ ควนเนียง บางกล่ำ นาหม่อม คลองหอยโข่ง สะเดา จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร 


#74
ย้อนดูจุดเริ่มต้นไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ หลังครม.อนุมัติ EIA

จากกรณีข่าวทำเนียบรัฐบาล วันพุธที่ 1 สิงหาคม 2561  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561โดยที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการต่อรายงาน EIA โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ (ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์) ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
         
ที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการต่อรายงาน EIA โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ (ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์) ของ รฟท. โดยให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ดำเนินการตามมาตรการฯ ตามที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางบกและอากาศในการประชุมครั้งที่ 33/2560 เมื่อ 24 พ.ย. 60 แล้ว โดยให้ตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินมาตรการฯ ตามที่กำหนดไว้ พร้อมนำความเห็นของที่ประชุมฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตาม มาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ต่อไป

อนึ่ง ทางรถไฟช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายตะวันตก (West Coast) ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันถูกพัฒนาเป็นระบบรถไฟทางคู่แบบใช้ไฟฟ้าแล้ว ดังนั้น รฟท. จึงมีแนวคิดในการพัฒนาเส้นทางในฝั่งประเทศไทยให้เป็นระบบทางคู่แบบใช้ไฟฟ้าเพื่อให้การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีโดยรวมต่อเศรษฐกิจและสังคมของประชาคมอาเซียน

สำหรับโครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นอีกหนึ่งโครงการหมื่นล้านของจังหวัดสงขลาที่ทางทีมงานเว็บไซต์กิมหยง ได้ติดตามการศึกษาโครงการในพื้นที่มาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเมื่อกระบวนการ EIA แล้วจะนำไปสู่การอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่าโครงการก่อสร้างจะเริ่มต้นได้ภายในปี 2562 โดยรถไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ถือเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมโยงการขนส่งทางรางระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย เพราะปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซีย ได้จัด้จัดสร้างรถไฟรางคุ่มาจ่อที่ชายแดนไทยมานานแล้ว

การศึกษาโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557-2558 โดยเริ่มต้นการดำเนินโครงการจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ สิ้นสุดที่สถานีปาดังเบซาร์ รวมระยะทาง 44.5 กิโลเมตร งบประมาณดำเนินโครงการประมาณ 12,000 ล้านบาท (การศึกษาเมือปี 2558) รถไฟที่วิ่งเป็นรถความเร็วสูง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือใช้เวลาเพียง 26 นาทจากหาดใหญ่ถึงปาดังเบซาร์ สำหรับรถโดยสาร ส่วนรถขนส่งสินค้าใช้ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการก่อสร้างบนพื้นที่ทางรถไฟสายปัจจุบันที่ยังคงวิ่งอยู่ในรูปแบบรถไฟรางเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยดีเซล และมีจุดจอด 3 สถานี คือ ชุมทางหาดใหญ่-สถานีคลองแงะ-สถานีปาดังเบซาร์

แต่ในการก่อสร้างรถไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า จะมีการเพิ่มจุดจอดอีก 4 จุดรวมเป็น 7 สถานี ดังนี้ ชุมทางหาดใหญ่-จุดจอดบ้านพรุ-จุดจอดทุ่งลุง-สถานีคลองแงะ-จุดจอดท่าข่อย-จุดจอดคลองรำ-สถานีปาดังเบซาร์ โดยการก่อสร้างรถไฟรางคู่จะมีการก่อสร้างทางยกระดับหรือทางลอดในทุกจุดที่มีการตัดผ่านถนนสาธารณะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและปลอดภัยให้กับการเดินทางทางถนนด้วย และยังมีการเวรคืนที่ดินบริเวณช่วงทางโค้งช่วงตำบลทุ่งหมอ อำเภอสะเดา 21 ไร่ เพื่อปรับเส้นทางเดินรถให้เป็นทางตรงรองรับการทำความเร็วของรถไฟขบวนใหม่ และในการศึกษาปี 58 พบว่ามีชาวบ้านที่อาศัยในที่ดินรถไฟจะได้รับผลกระทบจากการการดำเนินโครงการประมาณ 800 ครัวเรือน

หลังจากมีการเห็นชอบในหลักการต่อรายงาน EIA โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นเสมือนสัญาณว่าโครงการนี้น่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้แต่ต้องติดตามกันว่าสุดท้ายแล้วจะมาแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหรือกลับไปใช้ดีเซลเหมือนปัจจุบัน และจะเป็นโครงการใหญ่โครงการแรกของจังหวัดที่จะเกิดขึ้นจริงหลังมีการศึกษาเกี่ยวกับคมนาคมมากมายหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลหาดใหญ่ ซึ่งต้องร่วมกันเกาะติดต่อไปว่าโครงการใดจะเกิดเป็นรูปธรรมเป็นโครงการแรกของจังหวัดสงขลาบ้านเรา 

ต้อม รัตภูมิ รายงาน


#75
ตำบลคลองอู่ตะเภา เดิมชื่อว่า ตำบลท่าแซ เหตุที่ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นตำบลคลองอู่ตะเภา เนื่องจากสมัย ฯพณฯจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีและพลเอก ม.พรหมโยธี เป็นรมต.กระทรวงมหาดไทย มีนโยบายที่จะพัฒนาตำบลในประเทศไทย จึงได้ส่งปลัดอำเภอออกไปประจำตำบลต่าง ๆ เรียกว่า ปลัดอำเภอประจำตำบล ตำบลละ 1 คน เพื่อร่วมกับกำนันในพื้นที่ทำการพัฒนาตำบล แต่ครั้นจะใช้ปลัดอำเภอให้ครบตามจำนวนตำบลที่มีอยู่ทั่วประเทศก็จะสิ้นเปลืองบประมาณมาก จึงได้พิจารณายุบตำบลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันรวมเข้าด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ตำบลท่าแซ ตำบลบ้านหารและตำบลแม่ทอมจึงได้รวมเข้าด้วยกัน เป็นตำบลคลองอู่ตะเภา แต่ต่อมาได้ล้มเลิกวิธีการปกครองดังกล่าว ตำบลใดที่ถูกยุบรวมก็ตั้งขึ้นใหม่อย่างเดิม และใช้ชื่อเดิม แต่ตำบลท่าแซไม่ได้ตั้งขึ้นอย่างเดิมคงใช้ชื่อว่า "ตำบลคลองอู่ตะเภา"
#76
ตำบลบ้านพรุ ขอเชิญเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี60 ยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยา หลักฐานเอกสารประกอบการขอรับการช่วยเหลือเยียวยา เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2560 (ครัวเรือนละ 3,000 บาท)

1.แบบยื่นความจำนงขอรับความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ ปี 2560 ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2560 (ชกอ.๐๑) จำนวน 1 ฉบับ ..
2.สำเนาบัตรประชาชน (หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกร) จำนวน 4 ฉบับ ..
3.สำเนาทะเบียนบ้าน (หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกร) จำนวน 4 ฉบับ ..
4.สำเนาเอกสารสิทธิ์โฉลดที่ดิน จำนวน 1 แปลง เฉพาะแปลงที่ผลผลิตที่อยู่ในพื้นที่ประกาศภัย และขึ้นทะเบียนแปลงไว้ก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2560 (หากเป็นเอกสารสิทธิ์โฉลดที่ดินของสมาชิกในครัวเรือน ให้แนบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนล้านของเจ้าของเอกสารสิทธิ์โฉลดที่ดิน จำนวนอย่างละ 4 ฉบับ)
5.สำเนาหน้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ.ก.ส. เท่านั้น (ประเภทเงินฝากออมทรัพย์ ที่ยังมีการเคลื่อนไหวเป็นปัจจุบัน ไม่ปิดบัญชี ไม่ติดอายัด ของหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรเท่านั้น) จำนวน 4 ฉบับ ..
6.สำเนาหน้าสมุดทะเบียนเกษตรกรหน้าแรก (ถ้ามี) จำนวน 4 ฉบับ ..

หมายเหตุ รับสมัครแจ้งความจำนงให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2561 แผนการรับคำขอเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยปี 2560 ตำบลบ้านพรุ ดังนี้

หมู่ที่ 8 บ้านคลองปอม
วันที่ 1-3 สิงหาคม 2561 เวลา 13.00-17.00 น.  ณ วัดบางธน หมู่ที่ 8 บ้านคลองปอม เบอร์โทร 083-1944663 กำนัน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 9 บ้านคลองยา
วันที่ 29 กรกฎาคม - 7 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 -15.00 น. ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านคลองยา เบอร์โทร 087-2883168 ผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 10 บ้านไร่
วันที่ 30 กรกฎาคม -1 สิงหาคม 2561 เวลา 10.00-15.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์วัดบ้านไร่ หมู่ที่ 10 เบอร์โทร 081-8970749 ผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 11บ้านคลองปอมใน
วันที่ 1-3 สิงหาคม 2561 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านคลองปอมใน หมู่ที่ 11 เบอร์โทร 090-8704858 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 3 บ้านชายคลอง
วันที่ 1-6 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00-15.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านชายคลอง หมู่ที่ 3 เบอร์โทร 081-2754281 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

สำหรับพื้นที่อื่นๆ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
#77
ตร.หญิงร้องสื่อเจอใบแจ้งค่าประปาบ้านที่ขายไปแล้ว 9เดือน มี 1เดือนยอด 3หมื่นจากปกติไ่ม่ถึง200

ผู้หมวดหญิงร้องโดนใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปา 9 เดือนรวด กว่า 3 หมื่นบาท ในจำนวนนี้มี1เดือนที่ยอดสูงถึง 3 หมื่นบาท และเตรียมถูกฟ้องร้อง เผยขายบ้านให้คนอื่นไปแล้ว แต่พลาดที่ยังไม่ได้โอนเรื่องประปา ยันพร้อมใช้หนี้ แต่ขอคำชี้แจงว่า ทำไม่น้ำประปาถึงแพงมากทั้งที่เดือนอื่นๆก็ปกติไม่เกิน 200 บาท

วันที่ 31 ก.ค. 61 ร.ต.ต.หญิง สิริกมลณ์  วงศ์สาโรจน์ รองสารวัตรธุรการ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  ออกมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังจากที่ทางการประปาส่วนภูมิภาค เขต 5 สงขลา ได้มีหนังสือแจ้งหนี้ให้ชำระค่าน้ำประปารวม 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ถึง มิถุนายน 2560 เป็นเงินทั้งสิ้น 31,621.89 บาท โดยเฉพาะเดือนทางพฤษภาคมปี 2560 เพียงเดือนเดียวที่มียอดสูงถึง 30,641.59 บาท ส่วนที่เหลือนั้นก็ปกติอยู่ที่ไม่เกิน 200 บาท โดยขณะนี้ทางการประปาส่วนภูมิภาค เขต 5 ได้มีหนังสือให้ไปประนอมหนี้ และกำลังเตรียมฟ้องร้องต่อศาลแขวงสงขลา หากไม่จ่าย

ร.ต.ต.หญิง สิริกมลณ์ บอกว่า ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านห้องแถวได้ขายไปตั้งแต่ปี 2557 แต่ชื่อผู้ใช้น้ำยังเป็นชื่อตนเองอยู่ยังไม่ได้แจ้งยกเลิก หรือโอนให้เจ้าของบ้านรายใหม่  และทราบว่า ในช่วง 9 เดือน ที่ค้างค่าประปาตามใบแจ้งหนี้ที่ได้รับนั้น เจ้าของบ้านคนปัจจุบันไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ จึงไม่ได้ไปชำระค่าน้ำ

ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นความบกพร่องของตนที่ไม่ได้โอนประปาให้เรียบร้อย และพร้อมที่จะจ่ายหนี้ที่ค้างอยู่ทั้งหมด แต่ติดใจอยู่เรื่องเดียว คือ ในเดือนพฤษภาคม 2560 ที่มียอดค่าน้ำประปาสูงถึง 3 หมื่นบาท และต้องการให้ทางการประปาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ทำไมถึงแพงขนาดนั้น เพราะ เดือนอื่นๆค่าน้ำก็ปกติดีทุกอย่าง โดยต่ำสุดอยู่ที่เดือนละ 150 บาท และ สูงสุดอยู่ที่เดือนละ 192 บาท เท่านั้น
#78
ฟังเรื่องเล่าจาก บังโฟล์ค ฮีโร่ถ้้ำหลวงหนึ่งเดียวจากสตูล

จากกรณีข่าวที่โด่งดังไปทั่วโลก 12นักฟุตบอลเยาวชน และ 1โค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี่แม่สาย จ.เชียงราย ไปประสบเหตุติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน จนต้องระดมหน่วยซีล นักไต่ถ้ำ หน่วยกู้ภัย และทุกสรรพกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือ วันนี้ทั้ง 13ชีวิตออกจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางความโล่งใจของผู้ติดตามข่าวทั่วโลก ที่จังหวัดสตูล เรื่องราวของหนุ่มนักไต่ถ้ำหนึ่งเดียวจากอำเภอควนโดน ที่เขาบอกว่านอนติดตามข่าวจนรู้สึกว่าต้องไปช่วยเด็กๆ ในถ้ำให้ได้ เขาคือใคร ทำไมต้องไปไกลจากสตูลถึงเชียงราย ทีมงานเว็บกิมหยงมีคำตอบ

ทีมงานเว็บกิมหยงนัดหมายกับบังโฟล์ค กำพลศักดิ์ สัสดี หลังจากทราบข่าวว่าเขาคือฮีโร่ถ้ำหลวงที่ชาวสตูลต่างชื่นชมและยินดีต้อนรับการกลับบ้านของเขาอย่างอบอุ่น บ้านของบังโฟล์ค อยู่ที่ร้านเมืองใต้ ริมทางหลวงหมายเลข 406 ถนนยนตรการกำธร อ.ควนโดน จ.สตูล ร้านขายของฝาก ผลไม้ และของดีเมืองสตูล เราได้พูดคุยกับบังโฟล์ค และสอบถามข้อมูลส่วนตัวจนพอทราบได้ว่าเขาคือเลือดเนื้อชาวสตูลอย่างแท้จริง เรียนจบด้านสถาปัตยกรรม และทำงานเป็นสถาปนิกอิสระ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบและทำมาตั้งแต่เด็กๆ คือการปีนเขา ปีนถ้ำ จากความชอบนำไปสู่การศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังจนเขากลายเป็นนักสำรวจถ้ำตัวยงคนหนึ่งของจังหวัดสตูล

อย่างถ้ำในจังหวัดสตูล บังโฟล์ค บอกกับเราว่ามีมากกว่า 30 แห่ง และบางแห่งก็มีโครงกระดูกมนูษย์ มีข้าวของเครื่องใช้ยุคโบราณด้วย ซึ่งเขาก็ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหาข้อมูล ศึกษาเรื่องราวภายในถ้ำร่วมกับกรมศิลปากร ร่วมกับทางจังหวัดสตูล ซึ่งเขาบอกว่าประวัติศาสตร์ของถ้ำเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเชื่อมโยงให้สตูล ได้ก้าวสู่เมืองธรณีวิทยาโลก

ส่วนกรณีการตัดสินใจไปถ้ำหลวง บังโฟล์ค เล่าว่าจากการที่ตนเองเป็นักสำรวจถ้ำและมีอุปกรณ์ครบชุด เคยสำรวจถ้ำมาแล้วมากมายหลังจากได้ติดตามข่าวเรื่อง 13 ชีวิตที่มหมูป่าติดภายในถ้ำก็รู้ทันทีว่าตนเองคงมีส่วนร่วมในการช่วยเจ้าหน้าที่ในการทำงานได้ แต่ตอนแรกที่ดูข่าวก็ไม่กล้าบอกครอบครัวเพราะเงินก็ไม่ค่อยมี การเดินทางก็ค่อนข้างไกลแต่เมื่อผ่านไป 2วันคิดว่าอยู่ไม่ได้แล้วเลยตัดสินใจโพสเฟสบุ๊คบอกกลุ่มเพื่อนๆ และได้รับการสนับสนุนเงินมาจนเพียงพอ และเมื่อบกกับทางบ้านก็ไม่มีใครคัดค้าน เลยตัดสินใจเดินทางขึ้นเครื่องจากหาดใหญ่ บินตรงไปเชียงราย และเข้าไปลงชื่อร่วมในทีมสำรวจค้นหาปล่องถ้ำทันที

จากการศึกษาข้อมูลจากแผนที่ไว้ล่วงหน้าและไปพบกับทีมนักปีนรังนกอีแอ่นจากเกาะลิบง จ.ตรัง และได้พักที่เดียวกัน โดยได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญคือการการปีนขึ้นไปบนเขาเพื่อค้นหาปล่องถ้ำที่สามารถปีนลงไปยังพื้นถ้ำได้ โดยบังโฟล์ค บอกเขามีพิกัดอยู่ในใจแล้วว่าเด็กน่าจะอยู่ตรงไหน แต่เนื่องจากถ้ำหลวงเป็นถ้ำที่ใหญ่และยาวมาก เป็นถ้ำน้ำคือไม่สามารถเข้าไปได้ช่วงหน้าฝน การปีนเขาเพื่อค้นหาปล่องถ้ำเป็นสิ่งที่ทำยาก ต้องทำแข่งกับเวลา แข่งกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือความตั้งใจของทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทุกคนมาด้วยใจและทงานกันอย่างเต็มที่

ในช่วงของการไต่จากปล่องถ้ำเพื่อค้นหาทางลงไปยังพื้นถ้ำ ถือว่ามีความยากลำบากมากบางช่วงปีนลงไปได้แค่คนเดียวและเมื่อยิ่งลงลึกไปก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มีควันและดวงแสงเล็กๆ และได้ยินเสียงมาจากปลายถ้ำลอยขึ้นมาตามลม แต่ด้วยความมีสติและประสบการณ์จึงไม่ได้กลัวอะไร แม้มีเพียงไฟฉายและอุปกรณ์ไต่เขาที่พกติดตัวไปเท่านั้น การไปอยู่กินในป่า นอนหลับบนไม้กระดานแผ่นเดียว อาจเป็นความเห็นดเหนื่อยที่บอกใครไม่ได้ แต่ทุกอย่างหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อทราบข่าวว่าทุกคนที่ติดในถ้ำปลอดภัย และทุกฝ่ายช่วยกันจนสามารถนำทุกคนออกมาได้ ซึ่งนับเป็นความประทับใจในพลังความสามาัคคี การทำงานเป็นทีมที่ระระบบระเบียบชัดเจน

บังโฟล์ค ยังบอกด้วยว่าในภารกิจนี้ทำให้เขาเสียน้ำตาถึง 2ครั้ง คือครั้งแรกเมื่อทราบข่าวจ่าแซม หน่วยซีลนอกราชการที่เสียชีวิตจากการดำน้ำมุดถ้ำซึ่งเสียใจมากจนบอกไม่ถูกที่ต้องสูญเสียคนที่มีอุดมการณ์และความตั้งใจเดียวกัน น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว และอีกครั้งเมื่อทราบข่าวว่าเจอทั้ง 13 ชีวิต และทุกคนปลอดภัยดี นี่คือส่วนหนึ่งของความประทับใจและประสบการณ์ใหม่ที่บังโฟล์ค นำมาเล่าต่อให้เราฟังและวันนี้เขาคือฮีโร่ของคนสตูล และหนึ่งในฮีโร่ของคนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลกด้วยก็ว่าได้

บังโฟล์ค ยังได้แนะนำถึงคนที่สนใจการไต่เขา สำรวจถ้ำ ว่าต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนการเข้าไปในถ้ำ หากเป็นเขตอุทยานต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งทั้งก่อนเข้าไปและออกมาจากถ้ำแล้ว และควรเริ่มต้นการท่องเที่ยวในถ้ำที่มีการสำรวจหรือเปิดเป็นที่ท่องเที่ยวแล้วก่อน หากเป็นถ้ำใหม่ๆ ควรไปกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และนี่คือเรื่องราวบางส่วนที่นำมาฝากกันจากผู้ชายที่ชื่อบังโฟล์ค กำพลศักดิ์ สัสดี หนุ่มนักสำรวจถ้ำจากอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล       
#79
ข้าวขาหมูเห็ดหอม หน้าทีโอทีเขต8 หาดใหญ่

ช่วงเช้าเวลาขับรถมาทำงานจะผ่านร้านนี้ประจำและเห็นมีคนเต็มร้านเกือบทุกวัน เลยมีข้อสงสัยว่าทำไมคนถึงเยอะจัง วันก่อนไม่รีบมากและไม่ได้ทานข้าวเช้ามาจากบ้านเลยไม่พลาดที่จะแวะชิมดู สั่งเลยข้าวขาหมูธรรมดา 1 จาน พอน้องเขายกมาไม่ธรรมดาจริงๆ นึกว่าทำพิเศษมาให้เสียอีก รสชาติความอร่อยก็ถือว่าผ่านมาก หมูนุ่มเคี้ยวง่ายเครื่องเคียงมีพร้อม ที่ร้านเขายังมีเกาเหลาเลือดหมู ขาหมูสับ คากิ ข้าวขาหมูธรรมดา 40 พิเศษ 50 สำหรับจานนี้ 40 บาทก็อิ่มมากแล้ว

ใครที่ชื่นชอบขาหมูก็ลองแวะชิมกันได้ ร้านเขาอยู่ตรงข้ามองค์การโทรศัพท์เขต8 หาดใหญ่ ใกล้ๆ นี่เองครับ 
#80
นายกอบจ.สงขลา ร่วมเปิดป้ายและปล่อยปลา 5แสนตัวลงสระน้ำสาธารณประโยชน์บ้านท่าโพธิ์ สะเดา

นายกอบจ.สงขลา นายอำเภอสะเดา พร้อมส่วนราชการ ท้องถิ่น ท้องที่ และประชาชนชาวตำบลท่าโพธิ์ อำเภอสะเดา และใกล้เคียง ร่วมปล่อยพันธุ์ปลา  5แสนตัวลงสู่สระน้ำสาธารณประโยชน์ประจำหมู่บ้าน พร้อมร่วมเปิดป้าย และมุ่งมั่นพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นแหลง่พักผ่อนหย่อนใจของชุมชนต่อไป

(25 ก.ค.61) นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) พร้อมด้วยนายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภอสะเดา ร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 5แสนตัว ลงสระสาธารณประโยชน์ ม.3 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีนายสมคิด ยาอีด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 พร้อมด้วยกำนันตำบลท่าโพธิ์ ส่วนราชการ ท้องถิ่นใกล้เคียง พร้อมด้วยประชาชนร่วมในพิธีจำนวนมาก และได้ร่วมกันเปิดป้ายสระน้ำสาธารณประโยชน์อย่างเป็นทางการประจำหมู่บ้านร่วมกันด้วย

นายสมคิด ยาอีด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 กล่าวถึงความเป็นมาของสระน้ำแห่งนี้ว่าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ประจำหมู่บ้านที่ได้กันพื้นที่ไว้เป็นที่สาธารณะมาหลายอายุ เรียกได้ว่ายาวนานกว่า 100 ปีแล้ว ทางหมู่บ้านเห็นว่าควรมีการปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสวยงามเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชนและใกล้เคียง และมีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรคู่หมู่บ้านตลอดไป ซึ่งในการปรับปรุงก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากอบจ.สงขลา ทั้งสนับสนุนเครื่องจักรกลในการขุดลอก และยังสนับสนุนพันธุ์ปลายี่สก 500,000 ตัวมาปล่อยลงสู่สระนำแห่งนี้อีกด้วย

ทางด้านของนายอบจ.สงขลา กล่าวว่า อบจ.สงขลา ได้เให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำเพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรซึ่งต้องพึ่งพาน้ำเป็นหลักในการประกอบอาชีพ การสนับสนุนการขุดลองสระน้ำในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของอบจ.ที่ต้องการตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด และทางอบจ.สงขลา ยังได้ร่วมสนับสนุนศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่12 ในการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดเพื่อนำมาปล่อยสู่แหล่งน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ได้มีการปล่อยพันธู์ปลายี่สก จำนวน  500,000 ตัว เพื่อเพิ่มประชากรสัตว์น้ำให้กับสระน้ำสาธารณประโยชน์แห่งนี้ และฝากทุกคนช่วยกันดูแลเพื่อให้ปลาเหล่านี้ได้เติบโตขึ้มาเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของหมู่บ้านต่อไป

พร้อมกันนี้ทางนายอกอบจ.สงขลา นายอำเภอสะเดา พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ ชาวบ้านในชุมชน ได้ร่วมกันเปิดป้ายสระนำสาธารณประโยชน์อย่างเป็นทางการ และยังได้ร่วมรับประทานอาหาร ร่วมกิจกรรมสันทนาการ แข่งขันเรือพาย และอีกหลากหลายเพิื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในชุมชนอีกด้วย