Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ฅนสองเล

#76
ชื่ออำเภอที่หายไปของจังหวัดสงขลา

จังหวัดสงขลา เมื่อแรกเริ่มจัดตั้งมีการเปลี่ยนชื่ออำเภอใหม่ในหลายอำเภอ ลองย้อนดูกันว่ามีชื่ออะไรกันบ้าง

เหนือ ชื่อเดิมของอำเภอหาดใหญ่
บ้านนา ชื่อเดิมของอำเภอจะนะ
ปละท่า ชื่อเดิมของอำเภอในคาบสมุทรสทิงพระทั้งหมด
จะทิ้งพระ ชื่อเดิมของอำเภอสทิงพระ
รัฐภูมิ ,กำแพงเพชร ชื่อเดิมของอำเภอรัตภูมิ
บาโหย ชื่อเดิมของอำเภอสะบ้าย้อย

ปัจจุบันจังหวัดสงขลาของเรามี 16 อำเภอ คือ เมืองสงขลา หาดใหญ่ รัตภูมิ ควนเนียง บางกล่ำ นาหม่อม คลองหอยโข่ง สะเดา จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร 


#77
ย้อนดูจุดเริ่มต้นไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ หลังครม.อนุมัติ EIA

จากกรณีข่าวทำเนียบรัฐบาล วันพุธที่ 1 สิงหาคม 2561  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2561โดยที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการต่อรายงาน EIA โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ (ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์) ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
         
ที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการต่อรายงาน EIA โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ (ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์) ของ รฟท. โดยให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ดำเนินการตามมาตรการฯ ตามที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางบกและอากาศในการประชุมครั้งที่ 33/2560 เมื่อ 24 พ.ย. 60 แล้ว โดยให้ตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินมาตรการฯ ตามที่กำหนดไว้ พร้อมนำความเห็นของที่ประชุมฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตาม มาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ต่อไป

อนึ่ง ทางรถไฟช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายตะวันตก (West Coast) ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันถูกพัฒนาเป็นระบบรถไฟทางคู่แบบใช้ไฟฟ้าแล้ว ดังนั้น รฟท. จึงมีแนวคิดในการพัฒนาเส้นทางในฝั่งประเทศไทยให้เป็นระบบทางคู่แบบใช้ไฟฟ้าเพื่อให้การเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีโดยรวมต่อเศรษฐกิจและสังคมของประชาคมอาเซียน

สำหรับโครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟฟ้าทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นอีกหนึ่งโครงการหมื่นล้านของจังหวัดสงขลาที่ทางทีมงานเว็บไซต์กิมหยง ได้ติดตามการศึกษาโครงการในพื้นที่มาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเมื่อกระบวนการ EIA แล้วจะนำไปสู่การอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่าโครงการก่อสร้างจะเริ่มต้นได้ภายในปี 2562 โดยรถไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ถือเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมโยงการขนส่งทางรางระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย เพราะปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซีย ได้จัด้จัดสร้างรถไฟรางคุ่มาจ่อที่ชายแดนไทยมานานแล้ว

การศึกษาโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557-2558 โดยเริ่มต้นการดำเนินโครงการจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ สิ้นสุดที่สถานีปาดังเบซาร์ รวมระยะทาง 44.5 กิโลเมตร งบประมาณดำเนินโครงการประมาณ 12,000 ล้านบาท (การศึกษาเมือปี 2558) รถไฟที่วิ่งเป็นรถความเร็วสูง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือใช้เวลาเพียง 26 นาทจากหาดใหญ่ถึงปาดังเบซาร์ สำหรับรถโดยสาร ส่วนรถขนส่งสินค้าใช้ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการก่อสร้างบนพื้นที่ทางรถไฟสายปัจจุบันที่ยังคงวิ่งอยู่ในรูปแบบรถไฟรางเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยดีเซล และมีจุดจอด 3 สถานี คือ ชุมทางหาดใหญ่-สถานีคลองแงะ-สถานีปาดังเบซาร์

แต่ในการก่อสร้างรถไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า จะมีการเพิ่มจุดจอดอีก 4 จุดรวมเป็น 7 สถานี ดังนี้ ชุมทางหาดใหญ่-จุดจอดบ้านพรุ-จุดจอดทุ่งลุง-สถานีคลองแงะ-จุดจอดท่าข่อย-จุดจอดคลองรำ-สถานีปาดังเบซาร์ โดยการก่อสร้างรถไฟรางคู่จะมีการก่อสร้างทางยกระดับหรือทางลอดในทุกจุดที่มีการตัดผ่านถนนสาธารณะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและปลอดภัยให้กับการเดินทางทางถนนด้วย และยังมีการเวรคืนที่ดินบริเวณช่วงทางโค้งช่วงตำบลทุ่งหมอ อำเภอสะเดา 21 ไร่ เพื่อปรับเส้นทางเดินรถให้เป็นทางตรงรองรับการทำความเร็วของรถไฟขบวนใหม่ และในการศึกษาปี 58 พบว่ามีชาวบ้านที่อาศัยในที่ดินรถไฟจะได้รับผลกระทบจากการการดำเนินโครงการประมาณ 800 ครัวเรือน

หลังจากมีการเห็นชอบในหลักการต่อรายงาน EIA โครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นเสมือนสัญาณว่าโครงการนี้น่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้แต่ต้องติดตามกันว่าสุดท้ายแล้วจะมาแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหรือกลับไปใช้ดีเซลเหมือนปัจจุบัน และจะเป็นโครงการใหญ่โครงการแรกของจังหวัดที่จะเกิดขึ้นจริงหลังมีการศึกษาเกี่ยวกับคมนาคมมากมายหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลหาดใหญ่ ซึ่งต้องร่วมกันเกาะติดต่อไปว่าโครงการใดจะเกิดเป็นรูปธรรมเป็นโครงการแรกของจังหวัดสงขลาบ้านเรา 

ต้อม รัตภูมิ รายงาน


#78
ตำบลคลองอู่ตะเภา เดิมชื่อว่า ตำบลท่าแซ เหตุที่ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นตำบลคลองอู่ตะเภา เนื่องจากสมัย ฯพณฯจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีและพลเอก ม.พรหมโยธี เป็นรมต.กระทรวงมหาดไทย มีนโยบายที่จะพัฒนาตำบลในประเทศไทย จึงได้ส่งปลัดอำเภอออกไปประจำตำบลต่าง ๆ เรียกว่า ปลัดอำเภอประจำตำบล ตำบลละ 1 คน เพื่อร่วมกับกำนันในพื้นที่ทำการพัฒนาตำบล แต่ครั้นจะใช้ปลัดอำเภอให้ครบตามจำนวนตำบลที่มีอยู่ทั่วประเทศก็จะสิ้นเปลืองบประมาณมาก จึงได้พิจารณายุบตำบลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันรวมเข้าด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ตำบลท่าแซ ตำบลบ้านหารและตำบลแม่ทอมจึงได้รวมเข้าด้วยกัน เป็นตำบลคลองอู่ตะเภา แต่ต่อมาได้ล้มเลิกวิธีการปกครองดังกล่าว ตำบลใดที่ถูกยุบรวมก็ตั้งขึ้นใหม่อย่างเดิม และใช้ชื่อเดิม แต่ตำบลท่าแซไม่ได้ตั้งขึ้นอย่างเดิมคงใช้ชื่อว่า "ตำบลคลองอู่ตะเภา"
#79
ตำบลบ้านพรุ ขอเชิญเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี60 ยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยา หลักฐานเอกสารประกอบการขอรับการช่วยเหลือเยียวยา เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2560 (ครัวเรือนละ 3,000 บาท)

1.แบบยื่นความจำนงขอรับความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ ปี 2560 ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2560 (ชกอ.๐๑) จำนวน 1 ฉบับ ..
2.สำเนาบัตรประชาชน (หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกร) จำนวน 4 ฉบับ ..
3.สำเนาทะเบียนบ้าน (หัวหน้าครัวเรือนเกษตรกร) จำนวน 4 ฉบับ ..
4.สำเนาเอกสารสิทธิ์โฉลดที่ดิน จำนวน 1 แปลง เฉพาะแปลงที่ผลผลิตที่อยู่ในพื้นที่ประกาศภัย และขึ้นทะเบียนแปลงไว้ก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 2560 (หากเป็นเอกสารสิทธิ์โฉลดที่ดินของสมาชิกในครัวเรือน ให้แนบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนล้านของเจ้าของเอกสารสิทธิ์โฉลดที่ดิน จำนวนอย่างละ 4 ฉบับ)
5.สำเนาหน้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ.ก.ส. เท่านั้น (ประเภทเงินฝากออมทรัพย์ ที่ยังมีการเคลื่อนไหวเป็นปัจจุบัน ไม่ปิดบัญชี ไม่ติดอายัด ของหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรเท่านั้น) จำนวน 4 ฉบับ ..
6.สำเนาหน้าสมุดทะเบียนเกษตรกรหน้าแรก (ถ้ามี) จำนวน 4 ฉบับ ..

หมายเหตุ รับสมัครแจ้งความจำนงให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2561 แผนการรับคำขอเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยปี 2560 ตำบลบ้านพรุ ดังนี้

หมู่ที่ 8 บ้านคลองปอม
วันที่ 1-3 สิงหาคม 2561 เวลา 13.00-17.00 น.  ณ วัดบางธน หมู่ที่ 8 บ้านคลองปอม เบอร์โทร 083-1944663 กำนัน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 9 บ้านคลองยา
วันที่ 29 กรกฎาคม - 7 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 -15.00 น. ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านคลองยา เบอร์โทร 087-2883168 ผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 10 บ้านไร่
วันที่ 30 กรกฎาคม -1 สิงหาคม 2561 เวลา 10.00-15.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์วัดบ้านไร่ หมู่ที่ 10 เบอร์โทร 081-8970749 ผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 11บ้านคลองปอมใน
วันที่ 1-3 สิงหาคม 2561 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านคลองปอมใน หมู่ที่ 11 เบอร์โทร 090-8704858 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

หมู่ที่ 3 บ้านชายคลอง
วันที่ 1-6 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00-15.00 น. ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านชายคลอง หมู่ที่ 3 เบอร์โทร 081-2754281 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (คณะกรรมการตรวจสอบและรับรองฯ)

สำหรับพื้นที่อื่นๆ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
#80
ตร.หญิงร้องสื่อเจอใบแจ้งค่าประปาบ้านที่ขายไปแล้ว 9เดือน มี 1เดือนยอด 3หมื่นจากปกติไ่ม่ถึง200

ผู้หมวดหญิงร้องโดนใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปา 9 เดือนรวด กว่า 3 หมื่นบาท ในจำนวนนี้มี1เดือนที่ยอดสูงถึง 3 หมื่นบาท และเตรียมถูกฟ้องร้อง เผยขายบ้านให้คนอื่นไปแล้ว แต่พลาดที่ยังไม่ได้โอนเรื่องประปา ยันพร้อมใช้หนี้ แต่ขอคำชี้แจงว่า ทำไม่น้ำประปาถึงแพงมากทั้งที่เดือนอื่นๆก็ปกติไม่เกิน 200 บาท

วันที่ 31 ก.ค. 61 ร.ต.ต.หญิง สิริกมลณ์  วงศ์สาโรจน์ รองสารวัตรธุรการ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  ออกมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังจากที่ทางการประปาส่วนภูมิภาค เขต 5 สงขลา ได้มีหนังสือแจ้งหนี้ให้ชำระค่าน้ำประปารวม 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ถึง มิถุนายน 2560 เป็นเงินทั้งสิ้น 31,621.89 บาท โดยเฉพาะเดือนทางพฤษภาคมปี 2560 เพียงเดือนเดียวที่มียอดสูงถึง 30,641.59 บาท ส่วนที่เหลือนั้นก็ปกติอยู่ที่ไม่เกิน 200 บาท โดยขณะนี้ทางการประปาส่วนภูมิภาค เขต 5 ได้มีหนังสือให้ไปประนอมหนี้ และกำลังเตรียมฟ้องร้องต่อศาลแขวงสงขลา หากไม่จ่าย

ร.ต.ต.หญิง สิริกมลณ์ บอกว่า ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านห้องแถวได้ขายไปตั้งแต่ปี 2557 แต่ชื่อผู้ใช้น้ำยังเป็นชื่อตนเองอยู่ยังไม่ได้แจ้งยกเลิก หรือโอนให้เจ้าของบ้านรายใหม่  และทราบว่า ในช่วง 9 เดือน ที่ค้างค่าประปาตามใบแจ้งหนี้ที่ได้รับนั้น เจ้าของบ้านคนปัจจุบันไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ จึงไม่ได้ไปชำระค่าน้ำ

ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นความบกพร่องของตนที่ไม่ได้โอนประปาให้เรียบร้อย และพร้อมที่จะจ่ายหนี้ที่ค้างอยู่ทั้งหมด แต่ติดใจอยู่เรื่องเดียว คือ ในเดือนพฤษภาคม 2560 ที่มียอดค่าน้ำประปาสูงถึง 3 หมื่นบาท และต้องการให้ทางการประปาชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ทำไมถึงแพงขนาดนั้น เพราะ เดือนอื่นๆค่าน้ำก็ปกติดีทุกอย่าง โดยต่ำสุดอยู่ที่เดือนละ 150 บาท และ สูงสุดอยู่ที่เดือนละ 192 บาท เท่านั้น
#81
ฟังเรื่องเล่าจาก บังโฟล์ค ฮีโร่ถ้้ำหลวงหนึ่งเดียวจากสตูล

จากกรณีข่าวที่โด่งดังไปทั่วโลก 12นักฟุตบอลเยาวชน และ 1โค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี่แม่สาย จ.เชียงราย ไปประสบเหตุติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน จนต้องระดมหน่วยซีล นักไต่ถ้ำ หน่วยกู้ภัย และทุกสรรพกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือ วันนี้ทั้ง 13ชีวิตออกจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางความโล่งใจของผู้ติดตามข่าวทั่วโลก ที่จังหวัดสตูล เรื่องราวของหนุ่มนักไต่ถ้ำหนึ่งเดียวจากอำเภอควนโดน ที่เขาบอกว่านอนติดตามข่าวจนรู้สึกว่าต้องไปช่วยเด็กๆ ในถ้ำให้ได้ เขาคือใคร ทำไมต้องไปไกลจากสตูลถึงเชียงราย ทีมงานเว็บกิมหยงมีคำตอบ

ทีมงานเว็บกิมหยงนัดหมายกับบังโฟล์ค กำพลศักดิ์ สัสดี หลังจากทราบข่าวว่าเขาคือฮีโร่ถ้ำหลวงที่ชาวสตูลต่างชื่นชมและยินดีต้อนรับการกลับบ้านของเขาอย่างอบอุ่น บ้านของบังโฟล์ค อยู่ที่ร้านเมืองใต้ ริมทางหลวงหมายเลข 406 ถนนยนตรการกำธร อ.ควนโดน จ.สตูล ร้านขายของฝาก ผลไม้ และของดีเมืองสตูล เราได้พูดคุยกับบังโฟล์ค และสอบถามข้อมูลส่วนตัวจนพอทราบได้ว่าเขาคือเลือดเนื้อชาวสตูลอย่างแท้จริง เรียนจบด้านสถาปัตยกรรม และทำงานเป็นสถาปนิกอิสระ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบและทำมาตั้งแต่เด็กๆ คือการปีนเขา ปีนถ้ำ จากความชอบนำไปสู่การศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังจนเขากลายเป็นนักสำรวจถ้ำตัวยงคนหนึ่งของจังหวัดสตูล

อย่างถ้ำในจังหวัดสตูล บังโฟล์ค บอกกับเราว่ามีมากกว่า 30 แห่ง และบางแห่งก็มีโครงกระดูกมนูษย์ มีข้าวของเครื่องใช้ยุคโบราณด้วย ซึ่งเขาก็ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหาข้อมูล ศึกษาเรื่องราวภายในถ้ำร่วมกับกรมศิลปากร ร่วมกับทางจังหวัดสตูล ซึ่งเขาบอกว่าประวัติศาสตร์ของถ้ำเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเชื่อมโยงให้สตูล ได้ก้าวสู่เมืองธรณีวิทยาโลก

ส่วนกรณีการตัดสินใจไปถ้ำหลวง บังโฟล์ค เล่าว่าจากการที่ตนเองเป็นักสำรวจถ้ำและมีอุปกรณ์ครบชุด เคยสำรวจถ้ำมาแล้วมากมายหลังจากได้ติดตามข่าวเรื่อง 13 ชีวิตที่มหมูป่าติดภายในถ้ำก็รู้ทันทีว่าตนเองคงมีส่วนร่วมในการช่วยเจ้าหน้าที่ในการทำงานได้ แต่ตอนแรกที่ดูข่าวก็ไม่กล้าบอกครอบครัวเพราะเงินก็ไม่ค่อยมี การเดินทางก็ค่อนข้างไกลแต่เมื่อผ่านไป 2วันคิดว่าอยู่ไม่ได้แล้วเลยตัดสินใจโพสเฟสบุ๊คบอกกลุ่มเพื่อนๆ และได้รับการสนับสนุนเงินมาจนเพียงพอ และเมื่อบกกับทางบ้านก็ไม่มีใครคัดค้าน เลยตัดสินใจเดินทางขึ้นเครื่องจากหาดใหญ่ บินตรงไปเชียงราย และเข้าไปลงชื่อร่วมในทีมสำรวจค้นหาปล่องถ้ำทันที

จากการศึกษาข้อมูลจากแผนที่ไว้ล่วงหน้าและไปพบกับทีมนักปีนรังนกอีแอ่นจากเกาะลิบง จ.ตรัง และได้พักที่เดียวกัน โดยได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญคือการการปีนขึ้นไปบนเขาเพื่อค้นหาปล่องถ้ำที่สามารถปีนลงไปยังพื้นถ้ำได้ โดยบังโฟล์ค บอกเขามีพิกัดอยู่ในใจแล้วว่าเด็กน่าจะอยู่ตรงไหน แต่เนื่องจากถ้ำหลวงเป็นถ้ำที่ใหญ่และยาวมาก เป็นถ้ำน้ำคือไม่สามารถเข้าไปได้ช่วงหน้าฝน การปีนเขาเพื่อค้นหาปล่องถ้ำเป็นสิ่งที่ทำยาก ต้องทำแข่งกับเวลา แข่งกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือความตั้งใจของทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทุกคนมาด้วยใจและทงานกันอย่างเต็มที่

ในช่วงของการไต่จากปล่องถ้ำเพื่อค้นหาทางลงไปยังพื้นถ้ำ ถือว่ามีความยากลำบากมากบางช่วงปีนลงไปได้แค่คนเดียวและเมื่อยิ่งลงลึกไปก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มีควันและดวงแสงเล็กๆ และได้ยินเสียงมาจากปลายถ้ำลอยขึ้นมาตามลม แต่ด้วยความมีสติและประสบการณ์จึงไม่ได้กลัวอะไร แม้มีเพียงไฟฉายและอุปกรณ์ไต่เขาที่พกติดตัวไปเท่านั้น การไปอยู่กินในป่า นอนหลับบนไม้กระดานแผ่นเดียว อาจเป็นความเห็นดเหนื่อยที่บอกใครไม่ได้ แต่ทุกอย่างหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อทราบข่าวว่าทุกคนที่ติดในถ้ำปลอดภัย และทุกฝ่ายช่วยกันจนสามารถนำทุกคนออกมาได้ ซึ่งนับเป็นความประทับใจในพลังความสามาัคคี การทำงานเป็นทีมที่ระระบบระเบียบชัดเจน

บังโฟล์ค ยังบอกด้วยว่าในภารกิจนี้ทำให้เขาเสียน้ำตาถึง 2ครั้ง คือครั้งแรกเมื่อทราบข่าวจ่าแซม หน่วยซีลนอกราชการที่เสียชีวิตจากการดำน้ำมุดถ้ำซึ่งเสียใจมากจนบอกไม่ถูกที่ต้องสูญเสียคนที่มีอุดมการณ์และความตั้งใจเดียวกัน น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว และอีกครั้งเมื่อทราบข่าวว่าเจอทั้ง 13 ชีวิต และทุกคนปลอดภัยดี นี่คือส่วนหนึ่งของความประทับใจและประสบการณ์ใหม่ที่บังโฟล์ค นำมาเล่าต่อให้เราฟังและวันนี้เขาคือฮีโร่ของคนสตูล และหนึ่งในฮีโร่ของคนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลกด้วยก็ว่าได้

บังโฟล์ค ยังได้แนะนำถึงคนที่สนใจการไต่เขา สำรวจถ้ำ ว่าต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนการเข้าไปในถ้ำ หากเป็นเขตอุทยานต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งทั้งก่อนเข้าไปและออกมาจากถ้ำแล้ว และควรเริ่มต้นการท่องเที่ยวในถ้ำที่มีการสำรวจหรือเปิดเป็นที่ท่องเที่ยวแล้วก่อน หากเป็นถ้ำใหม่ๆ ควรไปกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และนี่คือเรื่องราวบางส่วนที่นำมาฝากกันจากผู้ชายที่ชื่อบังโฟล์ค กำพลศักดิ์ สัสดี หนุ่มนักสำรวจถ้ำจากอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล       
#82
ข้าวขาหมูเห็ดหอม หน้าทีโอทีเขต8 หาดใหญ่

ช่วงเช้าเวลาขับรถมาทำงานจะผ่านร้านนี้ประจำและเห็นมีคนเต็มร้านเกือบทุกวัน เลยมีข้อสงสัยว่าทำไมคนถึงเยอะจัง วันก่อนไม่รีบมากและไม่ได้ทานข้าวเช้ามาจากบ้านเลยไม่พลาดที่จะแวะชิมดู สั่งเลยข้าวขาหมูธรรมดา 1 จาน พอน้องเขายกมาไม่ธรรมดาจริงๆ นึกว่าทำพิเศษมาให้เสียอีก รสชาติความอร่อยก็ถือว่าผ่านมาก หมูนุ่มเคี้ยวง่ายเครื่องเคียงมีพร้อม ที่ร้านเขายังมีเกาเหลาเลือดหมู ขาหมูสับ คากิ ข้าวขาหมูธรรมดา 40 พิเศษ 50 สำหรับจานนี้ 40 บาทก็อิ่มมากแล้ว

ใครที่ชื่นชอบขาหมูก็ลองแวะชิมกันได้ ร้านเขาอยู่ตรงข้ามองค์การโทรศัพท์เขต8 หาดใหญ่ ใกล้ๆ นี่เองครับ 
#83
นายกอบจ.สงขลา ร่วมเปิดป้ายและปล่อยปลา 5แสนตัวลงสระน้ำสาธารณประโยชน์บ้านท่าโพธิ์ สะเดา

นายกอบจ.สงขลา นายอำเภอสะเดา พร้อมส่วนราชการ ท้องถิ่น ท้องที่ และประชาชนชาวตำบลท่าโพธิ์ อำเภอสะเดา และใกล้เคียง ร่วมปล่อยพันธุ์ปลา  5แสนตัวลงสู่สระน้ำสาธารณประโยชน์ประจำหมู่บ้าน พร้อมร่วมเปิดป้าย และมุ่งมั่นพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นแหลง่พักผ่อนหย่อนใจของชุมชนต่อไป

(25 ก.ค.61) นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) พร้อมด้วยนายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภอสะเดา ร่วมพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 5แสนตัว ลงสระสาธารณประโยชน์ ม.3 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีนายสมคิด ยาอีด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 พร้อมด้วยกำนันตำบลท่าโพธิ์ ส่วนราชการ ท้องถิ่นใกล้เคียง พร้อมด้วยประชาชนร่วมในพิธีจำนวนมาก และได้ร่วมกันเปิดป้ายสระน้ำสาธารณประโยชน์อย่างเป็นทางการประจำหมู่บ้านร่วมกันด้วย

นายสมคิด ยาอีด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 กล่าวถึงความเป็นมาของสระน้ำแห่งนี้ว่าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ประจำหมู่บ้านที่ได้กันพื้นที่ไว้เป็นที่สาธารณะมาหลายอายุ เรียกได้ว่ายาวนานกว่า 100 ปีแล้ว ทางหมู่บ้านเห็นว่าควรมีการปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสวยงามเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชนและใกล้เคียง และมีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรคู่หมู่บ้านตลอดไป ซึ่งในการปรับปรุงก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากอบจ.สงขลา ทั้งสนับสนุนเครื่องจักรกลในการขุดลอก และยังสนับสนุนพันธุ์ปลายี่สก 500,000 ตัวมาปล่อยลงสู่สระนำแห่งนี้อีกด้วย

ทางด้านของนายอบจ.สงขลา กล่าวว่า อบจ.สงขลา ได้เให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำเพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรซึ่งต้องพึ่งพาน้ำเป็นหลักในการประกอบอาชีพ การสนับสนุนการขุดลองสระน้ำในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของอบจ.ที่ต้องการตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด และทางอบจ.สงขลา ยังได้ร่วมสนับสนุนศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่12 ในการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดเพื่อนำมาปล่อยสู่แหล่งน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ได้มีการปล่อยพันธู์ปลายี่สก จำนวน  500,000 ตัว เพื่อเพิ่มประชากรสัตว์น้ำให้กับสระน้ำสาธารณประโยชน์แห่งนี้ และฝากทุกคนช่วยกันดูแลเพื่อให้ปลาเหล่านี้ได้เติบโตขึ้มาเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของหมู่บ้านต่อไป

พร้อมกันนี้ทางนายอกอบจ.สงขลา นายอำเภอสะเดา พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ ชาวบ้านในชุมชน ได้ร่วมกันเปิดป้ายสระนำสาธารณประโยชน์อย่างเป็นทางการ และยังได้ร่วมรับประทานอาหาร ร่วมกิจกรรมสันทนาการ แข่งขันเรือพาย และอีกหลากหลายเพิื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในชุมชนอีกด้วย
#84
ภาพยนตร์สถานสงขลา เชิญร่วมชมหนังฉายย้อนอดีตวันวาน


เชิญร่วมชมหนังฉายย้อนอดีตวันวาน กับภาพยนตร์สถานสงขลา (ฉบับทดลอง) วันที่ 14-29 กรกฎาคม 2561 ณ ลานหน้าศาลพระภูมิ สนามติณสูลานนท์ สงขลา โดยมีโปรแกรมหนังไทยน่าสนใจมากมาย คอหนังไม่ควรพลาด
#85
ดนตรีในสวนสัญจร สมิหลาพาฝัน กรมประชาสัมพันธ์พาสุข

กรมประชาสัมพันธ์ เปิดงาน "ดนตรีในสวนสัญจร ตอน สมิหลาพาฝัน กรมประชาสัมพันธ์พาสุข"คืนความสุขให้ชาวสงขลาพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มีความเข้มแข็ง

ที่บริเวณศาลาไทย แหลมสมิหลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดงานดนตรีในสวนสัญจร ตอน สมิหลาพาฝัน กรมประชาสัมพันธ์พาสุข" โดยมีนายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นางนฤมล พัฒนรัฐ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ดร.สมศักดิ์ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา กงสุลใหญ่อินโดนีเซียและมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา ผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์ หัวหน้าส่วนราชการข้าราชการและประชาชนชาวสงขลาเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ได้ร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 6 จังหวัดสงขลา องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาและเทศบาลนครสงขลา เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม สร้างค่านิยมและปลูกฝังคุณค่ามรดกทางภูมิปัญญาของชาติ ทางด้านวรรณศิลป์, ดุริยางค์ศิลป์และคีตศิลป์ ผ่านบทเพลงอันทรงคุณค่าของวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนและเยาวชนรุ่นหลังได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์

พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การแสดงดนตรีในสวนสัญจร "สมิหลาพาฝัน กรมประชาสัมพันธ์พาสุข" ในครั้งนี้ได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อให้ดนตรีและบทเพลงเป็นสื่อในการสร้างความสุข ความปรองดองสมานฉันท์ให้แก่ประชาชนในชาติ ตามยุทธศาสตร์เดินหน้าประเทศไทย ที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงได้มาหลอมรวมกันทำกิจกรรมอันจะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความรัก ความสามัคคี ก่อให้เกิดความสุขทั้งยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ตามนโยบายไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาลให้มีความเข้มแข็งอีกด้วย

นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จังหวัดสงขลา เป็นเมืองท่าและเมืองชายทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นเมือง ที่มีอารยธรรมเจริญรุ่งเรือง จึงมีแหล่งโบราณสถาน และโบราณวัตถุมากมาย อีกทั้งยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา และการละเล่นพื้นเมืองต่าง ๆ ที่น่าสนใจและน่าศึกษา ซึ่งการที่กรมประชาสัมพันธ์ได้นำกิจกรรมดนตรีในสวนสัญจรมาที่จังหวัดสงขลานับว่าเป็นโอกาสที่ดี ถือได้ว่าเป็นการคืนความสุข ส่งเสริมความรัก ความสามัคคี และเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้กับประชาชนในจังหวัดสงขลาและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน อีกทั้งทำให้ประชาชนในจังหวัดสงขลามีความสุขและภูมิใจในการเป็นคนสงขลา

สำหรับกิจกรรมในค่ำคื่นนี้ผู้เข้าร่วมงานได้อิ่มเอมและมีความสุขจากบทเพลงของวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงศิลปินขวัญใจชาวใต้ เอกชัย ศรีวิชัย ที่มามอบความสุขผ่านบทเพลงให้กับประชาชนในจังหวัดสงขลาและทำให้ผู้มาเยือนจังหวัดสงขลาประทับใจกับความสวยงามของจังหวัดสงขลาไม่ว่าจะแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ชอปปิ้ง อาหารที่อร่อย และมิตรภาพของชาวจังหวัดสงขลาที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน



ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว ประชา โชคผ่อง/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา   
#86
จับกุุมผัวเมียคายาไอซ์ที่แฟลตแเคหะคลองแห ฝ่ายชายไหวตัวทันกระโดดหนีทิ้งเมียรับเคราะหฺ์คนเดียว

(14 ก. ค. 61) เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ. หาดใหญ่ หรือ ชุดตะวัน นำโดย ร. ต. อ. ธนศักดิ์ บริรักษ์นรากุล หัวหน้าชุดตะวัน ได้ร่วมกันเข้าตรวจค้นและจับกุม น. ส. นารีรัตน์ หรือ นาเดียร์ ฤทธิ์บูรณ์ อายุ 29 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ม. 2 ต. ท่าช้าง อ. บางกล่ำ จ. สงขลา พร้อมด้วยของกลาง
1. ยาไอซ์ จำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวมถุงบรรจุ น้ำหนัก 4.13 กรัม
2. ยาบ้า 1 ถุง จำนวน 4 เม็ด
3. เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง
4. อุปกรณ์การเสพยาไอซ์ 1 ชุด

พฤติการณ์ในการจับกุม สืบเนื่องจาก ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบมาว่า นายหลี และ นางนาเดียร์ 2 สามีภรรยาซึ่งพักอาศัยอยู่ที่บ้านเอื้ออาทร หรือแฟลตการเคหะคลองแห อ. หาดใหญ่ สงขลามีพฤติการณ์ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดมานานแล้ว โดยติดต่อรับยาไอซ์มาครั้งละ 100 กรัม แล้วนำมาจำหน่ายที่ห้องพักแฟลตการเคหะคลองแห ฯ และวันนี้ทราบว่านายหลี และนางนาเดียร์ ได้นำยาเสพติดมาเก็บซุกซ่อนไว้ในห้องพัก ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตุการณ์

จนกระทั่งเห็นนายหลี เดินลงมาจากห้องพัก เมื่อเห็นตำรวจ ได้มีอาการพิรุธ ลุกลี้ลุกลน รีบเดินกลับขึ้นไปชั้น 2 ตำรวจจึงได้เดินตามขึ้นไป และเห็นนายหลี กำลังจะเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นได้ยินเสียงนายหลี ตะโกนบอกแฟนสาวในห้องพักว่า "น้องปิดประตูก่อน ตำรวจมา" แล้วตัวเองรีบวิ่งออกไปที่ระเบียงข้างห้องพัก แล้วกระโดดหนีจากชั้น 2 ลงมาที่ชั้น 1 แล้ววิ่งหลบหนีไปได้

จากนั้นตำรวจได้เข้าควบคุมตัว นางนาเดียร์ ตรวจค้นพบกระเป๋าสีดำ วางอยู่ในห้อง ภายในมียาไอซ์ 3 ถุง และยาบ้า 4 เม็ด และในกระเป๋ากางเกงนางนาเดียร์ มีเครื่องชั่งดิจิตอล ซุกซ่อนอยู่ และพบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ วางอยู่ในห้องพัก 1 ชุด จากการสอบถามรับว่า ยาไอซ์และยาบ้า นายหลี สามีเป็นคนติดต่อรับมาจำหน่าย และตนเองก็เสพยาไอซ์มานานแล้ว และเคยถูกจับกุมคดียาเสพติด ติกคุก 5 ปี แล้วเพิ่งออกจากคุกประมาณ 7 เดือน

ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาว่า 1. ร่วมกันกับนายอาริศ ที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย 2. ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบโดยผิดกฎหมาย 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย นำตัวส่ง พงส. สภ. หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา ชุดตะวัน สภ.หาดใหญ่
#87
 คนร้ายประกบยิงผอ.กองช่าง ทม.สิงหนคร เสียชีวิตคาที่ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน

วานนี้ 11 ก.ค.61 เวลา 17.30 น. ร.ต.ท.พิชากร กองสวัสดิ์ ร้อยเวร สภ.เมืองสงขลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันบนถนนสายเกาะยอ-อ่างทอง พื้นที่หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ห่างจาก 5 แยกเกาะยอราว 3 กิโลเมตร หลังจากลงพื้นที่ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ ผกก. พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9

พบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กษ 9712 สงขลา จอดตะแคงอยู่ริมถนน ภายในรถมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย อยู่ที่เบาะนั่งคนขับ ทราบชื่อ นายกมล สีนวน  มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลเมืองสิงหนคร จ.สงขลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนซึ่งน่าจะเป็นปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดเข้าที่บริเวณลำตัวด้านขวา 6 นัด และที่ตัวรถมีรอยกระสุน 7 รู ที่กระจกหน้า 4 รู ประตูหน้าฝั่งคนขับ 1 รูและที่ประตูหลัง 1 รู แต่จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด

จากการสอบสวนพยานแวดล้อม ทราบว่าขณะเกิดเหตุ นายกมล ขับรถเก๋งออกจากเทศบาลเมืองสิงหนคร เพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่ ต.ท่าหมอไทร อ.จะนะ จ.สงขลา ระหว่างทางได้มีรถเก๋งสีบรอนซ์ทองไม่ทราบยี่ห้อและเบียน ขับประกบมาตั้งแต่สะพานติณสูลานนท์ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายได้จังหวะขับแซงและใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงจากรถ 7 นัด กระสุนถูก นายกมล จนเสียชีวิตทันที

โดยหลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา และชุดสืบสวนของ สภ.เมืองสงขลา กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ใกล้ชิดทั้งญาติรวมทั้งเพื่อนร่วมงานที่เทศบาลเมืองสิงหนคร เพื่อหาสาเหตุของการถูกสังหาร เบื้องต้นได้ตั้งประเด็นกว้างๆ ไว้ 2 เรื่องคือเรื่องส่วนตัว รวมทั้งเรื่องงานภายในเทศบาลเมืองสิงหนคร ที่ผู้ตายเป็นผู้อำนวยการกองช่างอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการที่จังหวัดสงขลา และเพิ่งกลับมาทำงานได้ไม่นาน

รวมถึงเร่งหาเบาะแสรถเก๋งของคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งคาดว่าน่าจะมีอย่างน้อย 2 คน โดยจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายขับรถตามประกบก่อนที่จะลงมือสังหาร และเชื่อว่าน่าจะมีการเตรียมการและวางแผนมาเป็นอย่างดี
#88
สงขลาเอฟซี ประกาศผลโหวตการประกวดโลโก้สโมสร

สโมสรสงขลาเอฟซี สรุปผู้ชนะรางวัลประกวดโลโก้ สงขลาเอฟซี คือนายบำรุง อิศรกุล ความหมายโลโก้
- กรอบ: ลักษณะของกรอบภาพคลี่คลายจากหอยสังข์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสงขลา
- นางเงือก: ลักษณะของนางเงือกถืออาวุธ คลี่คลายประกอบกับเกาะหนูและเกาะแมว และลูกฟุตบอล อันแสดงถึง สงขลาและความมุ่งมั่นในการก้าวสู่ชัยชนะในการแข่งขัน โดยแสงอาทิตย์ แสดงนัยยะถึง ความสำเร็จความเจริญก้าวหน้า

โดย อ.บำรุง อิศรกุล ผู้ชนะเลิศการออกแบบโลโก้สโมสรสงขลา เอฟซี จากผลการโหวตทาง FACEBOOK สูงสุด ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท โดยประธานสโมสรสงขลา เอฟซี คุณธิติกร เทพกูล ได้เดินทางไปมอบรางวัลถึงมือด้วยตัวเอง นอกจากนี้ อ.บำรุง อิศรกุล ที่เป็นผู้ออกแบบตราสโมสรสงขลา เอฟซี ยังเป็นผู้ออกแบบตรา "ช้างศึก" ทีมชาติไทย (โลโก้เก่า) , สตูล ยูไนเต็ด และลำปาง เอฟซี โดยโลโก้สโมสรลำปาง เอฟซี ได้ติดอันดับโลโก้ดีและสวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย

ซึ่งโลโก้ดังกล่าวทางสโมสรจะนำมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำทีมในการแข่งฟุตบอลอาชีพต่อไป พร้อมกันนี้ยังมีการประกวดออกแบบเสื้อสโมสรอีกด้วย ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/SongkhlaFc

#89
สงขลาเอฟซี ภาคใหม่ที่ไม่ใช่วัวชนแดนใต้คงไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกแฟนบอล

ความยิ่งใหญ่ของสโมสรฟุตบอลสงขลาเอฟซี คือสิ่งที่คอบอลทั่วประเทศไม่เคยลืม วัวชนแดนใต้ สงขลาเอฟซี ก้าวที่ขั้นจากลีกภูธรมาจนเกือบถึงลีกสูงสุดและครองสถิติผู้ชมบอลสูงสุดของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน จากสงขลาเอฟซี วัวชนยูไนเต็ด สงขลายูไนเต็ด ความพยายามโตทางลัดจนศรัทธาแฟนบอลหดหายและทีมล่สลายไปโดยไม่มีคำร่ำลา เชื่อว่าคอบอลสงขลาจำนวนไม่น้อยเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร

ฟุตบอลคือธุรกิจที่แทบไม่มีทางเห็นผลกำไร ธุรกิจที่ต้องลงทุนมหาศาล ค่าตัวนักบอล ทีมงาน รวมแล้วเกือบ 50 ชีวิตสำหรับทีมเล็กๆ เมื่อคนทำทีมไม่ทำต่อก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเขา ไม่โกรธไม่เคืองแค่จำไว้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีทีมบอลที่ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอแล้ว วันนี้ทีมฟุตบอลในจังหวัดสงขลามี 2 ทีมในไทยลีก4 หรือลีกภูมิภาคโซนใต้ คือหาดใหญ่เอฟซี และหาดใหญ่ซิตี้ ทั้ง 2ทีมมีจำนวนแฟนบอลแค่หลักร้อยในการแข่งขันแต่ละนัดเท่านั้น และมีทุนที่ไม่แน่นหนาเท่าไหร่ซึ่งไม่แน่ว่าจะยืนหยัดอยู่ได้นานแค่ไหน

วันนี้เห็นเพจใหม่ Songkhla FC เข้าไปเลื่อนๆ ดูทำให้พอทราบว่านี่คือเพจเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลสงขลาเอฟซี ที่จะกลับมาในภาคใหม่ไม่เกี่ยวกับทีมเก่า มีการนำเสนอข้อมูลทีมอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่างเป็นทางการแล้วคือ โค้ชเหน่ง อ.สัมพันธ์ โยธาทิพย์ ชื่อที่แฟนบอลสงขลารู้จักกันเป็นอย่างดี ส่วนผู้บริหารทีม นายทุนทีมในตำแหน่งต่างๆ ยังไม่มีเปิดเผยมาเลยว่ามีใครบ้าง เห็นแฟนบอลหลายคนพยายามสอบถามและตามลุ้นกันว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ หรือเป็นใครมาจากไหนมีความรักและตั้งใจทำทีมฟุตบอลมากแค่ไหน ซึ่งทางเพจมีการตอบมาว่าเกิดจากคนรักบอลล้วนๆ ไม่มีการเมืองแน่นอน

ทีมสงขลาเอฟซีภาคใหม่ คือการเริ่มนับหนึ่งในเวทีลูกหนังเมืองไทย โดยจะสร้างทีมส่งแข่งในที5 ซึ่งแต่ละโซนจะคัดเพียง 1ทีมาเล่นในที4 หรือลีกภูมิภาคซึ่งในโซนใต้ตอนนี้มีเพียง 8ทีมเท่านั้น ขณะนี้สงขลาเอฟซีกำลังมีการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์สโมสร ออกแบบเสื้อเหย้า-เยือน และเตรียมเปิดคักเลือกนักเตะใหม่ สำหรับตราประจำทีมถูกเน้นไปที่นางเงือก ให้เป็นสัญลักษณ์ของทีม สีประจำทีมเป็นสีแดง-ดำ ฉายาสโมสรยังไม่ทราบแต่คงต้องเกี่ยวของกับนางเงือก นางเงือกเพชฌฆาต เงือกทองมรณะ นางเงือกนักสู้ นางเงือกสองทะเล อะไรก็ว่ากันไปส่วนฉายาจริงๆ รอสโมสรเขาประกาศนะครับ

รังเหย้า หน้าเพจสโมสรแจ้งว่าจะใช้สนามล่างม.อ.ซึ่งเป็นสนามมาตรฐานที่ทางมหาวิทยาลัยปรับปรุงไว้เมื่อครั้งเป็นเจ้าภาพจัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย สนามมีที่นั่งฝั่งเดียวความจุประมาณ 4,000 คน นับว่าเป็นสนามที่ใกล้เมือง มีที่จอดรถเพียงพอ ซึ่งก่อนหน้านี้ข่าวว่าทีมหาดใหญ่เอฟซี ก็สนใจสนามนี้แต่เพราะมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและดูแลสนามค่อนข้างเยอะเลยใช้สนามพรุค้างคาวเหมือนเดิม ในแผนการทำทีมยังบอกด้วยว่าทีมพร้อมจะทำรังเหย้าเป็นของตัวเอง เป็นสนามฟุตบอลแบบไม่มีลู่วิ่ง ถ้าทำได้จริงถือว่าเป็นมิติใหม่ของวงการฟุตบอลบ้านเราเลย

ข้อมูลเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลสงขลาเอฟซี ภาคใหม่

สงขลา เอฟซี สโมสรที่เกิดจากกลุ่มคนเล็กๆ ที่มีภูมิลำเนาเป็นคนสงขลา ซึ่งมีความรักและความชื่นชอบในเรื่องฟุตบอล มีความฝันที่อยากจะพัฒนาสโมสรฟุตบอลในบ้านเกิดเป็นของตัวเอง โดยเป็นสโมสรที่เน้นในเรื่องฟุตบอลจริงๆ ส่งเสริมเพื่อการพัฒนาธุรกิจด้านการกีฬาโดยตรง หวังสร้างรายได้ให้ชาวสงขลาอีกทางหนึ่ง

หลังจากที่ สโมสรฟุตบอลสงขลา ยูไนเต็ด ทีมดังของจังหวัดสงขลาได้พักการแข่งขันไป ส่งผลให้จังหวัดสงขลา ปราศจากสโมสรที่เป็นเสมือนที่ยึดเหนี่ยวของคนที่มีใจรักในด้านฟุตบอล ทางเราจึงเล็งเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ที่จังหวัดสงขลาจำเป็นจะต้องมีสโมสรฟุตบอลที่มีคุณภาพ เน้นความเป็นสโมสรฟุตบอลอย่างแท้จริง เฉกเช่นสโมสรที่ประสบความสำเร็จในระดับทวีปเอเชีย เราจึงลงความเห็นกันว่า จะจัดตั้งสโมสรฟุตบอลขึ้นมา ภายใต้ชื่อ สงขลา เอฟซี โดยมีแนวทางในการพัฒนาบุคลากรและเยาวชนเป็นหลัก เน้นดาวรุ่งยุคใหม่ และทำงานอย่างมืออาชีพ

แผนการดำเนินงานของสโมสรในอนาคต สงขลา เอฟซี เตรียมวางรากฐานระบบอะคาเดมี เพื่อผลักดันและส่งเสริมเด็กและเยาวชนในจังหวัดสงขลาและภาคใต้ สามารถสร้างอาชีพโดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นฐาน อีกทั้งยังมีโครงการสร้างสนามเหย้าที่มีคุณภาพ ปราศจากลู่วิ่ง และเปี่ยมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบวงจร เพื่อสนับสนุนการสร้างนักเตะระดับอาชีพในอนาคต โดยเชื่อมโยงและสร้างความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค เพื่อยกระดับให้สโมสรฟุตบอลของจังหวัดสงขลามีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับสโมสรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย

สโมสรสงขลา เอฟซี
28 มิถุนายน 2561

ข้อมูลอื่นๆ ทางสโมสรฟุตบอลสงขลาเอฟซี เตรียมตัวลงทำศึก "Thailand Amateur League" (T5) ซึ่งจจะเปิดรับสมัครทีมหใ่มและเริ่มเตะในปลายฤดูกาลของไทยลีก และจะใช้สนามของทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่เป็นสนามเหย้าตลอดทัวร์นาเมนต์) ความจุของสนาม: 4,000 คน อัฒจรรย์ล้อมรอบ ลู่วิ่งยางสังเคราะห์ สนามหญ้าจริง ไฟสปอร์ตไลท์ 6 ทิศทาง V.I.P.Box (ติดแอร์) ที่นั่งสำหรับผู้พิการ เครื่องเสียง ห้องแต่งตัวนักกีฬา ห้องพยาบาล

"...ขอให้ทุกคนเตรียมตัว ทุกคนมีโอกาส จะไม่มีการมีเส้นสาย เป็นการตัดสินใจสำหรับทีมงานและโค้ชอย่างเดียว ฉะนั้นขอให้ทุกคนมั่นใจให้ได้ว่า ในการคัดเลือกครั้งนี้ มั่นคงและแน่นอน..." นี่คือโค้ดคำพูดของ อ.สัมพันธ์ โยธาทิพย์ (โค้ชเหน่ง)
ผู้จัดการทีมสงขลา เอฟซี ในการเชิญชวนนักฟุตบอลมาร่วมคัดตัวเข้าสู่สโมสรสงขลาเอฟซี โดยคัดผู้เล่น เกิดก่อนปี พ.ศ.2544 (17ปี ขึ้นไป) ในวันที่ 21-22 กรกฏาคม 2561 ณ สนามพรุค้างคาว ตำบลบ้านพรุ ลงทะเบียน 07.30 น. เป็นต้นไป ส่วนผู้เล่นในระดับเยาวชนจะมีการคัดเลือกในเร็วๆ นี้

ร่วมให้กำลัใจทีมฟุตบอลน้องใหม่ สงขลาเอฟซี และติดตามความเคลื่อนไหวของทีมได้ที่ www.facebook.com/SongkhlaFc

ต้อม รัตภูมิ รายงาน
#90
ไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง กินก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้ว ชมย่านเมืองเก่าบ่อยาง

สงขลา เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางการท่องเที่ยว ทั้งย่านเมืองเก่า ชายทะเล เชิงเขา ล้วนเป็นเหสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าเก่าสงขลาต้องบอกว่าคึกคักเป็นพิเศษในช่วงวันหยุด สองน้ำพาเที่ยว พี่น้ำฟ้า น้องน้ำมนต์ ในฐานะลูกหลานสงขลา วันนี้ขอนำทุกท่านไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา 

"ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง" ตั้งอยู่ที่ถนนนางงาม ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา เป็นโบราณสถานสมัยรัตนโกสินทร์ ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน สร้างสมัยพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง ณ สงขลา) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาภายในศาล เป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้ประจำเมือง หลักเมืองนี้ทำพิธีฝังเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2385 ซึ่งวันดังกล่าวได้ถูกกำหนดให้เป็นวันสงขลา เพื่อรำลึกถึงวันแห่งการปักหลักตั้งเมืองสงขลาอย่างเป็นทางการด้วย

พื้นที่่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา มีผู้คนแวะเวียมาสักการะขอพร เมื่อเดินเข้าไปข้างในรั้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำพิธีสักการะบูชาต่างๆ ภายในที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองมีความสวยงาม มีเทพเจ้าต่างๆ ให้สักการะกันด้วย และยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสงขลาวิทยามูลนิธิ โรงเรียนจีนเก่าแก่ที่สุดแห่งนึ้ของบ้านเราที่ยังเปิดสอนอยู่จนถึงปัจจุบัน และเมือมาถึงที่นี่แล้วต้องไม่พลาดที่จะแวะชิมก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้ว ที่โด่งดังของที่นี่ด้วย

ด้านหน้าบนถนนนางงามเป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องของกินอยู่แล้ว ไอติมโอ่ง คนแน่นขนัดตลอดเวลาจริงๆ และยังมีขนมโบราณที่ชื่อการอจี๋ ขนมตุ๊บตั๊บ และอีกมากมาย ถ้ามาย่านถนนนางาม นครนอก นครใน ขอแนะนำให้หาที่จอดรถแล้วเดินชมบรรยากาศย่านเมืองเก่าได้เลย เพราะที่นี่มีทั้งสตรีทอาร์ต จุดถ่ายภาพ ร้านของกินขึ้นชื่อของเมืองสงขลา ส่วนสองสาวตัวน้อยวันนี้ได้แค่ไหว้ศาลหลักเมืองและเดินใกล้ๆ เท่านั้น เพราะฟ้าทำท่ามืดฝนและเด็กๆ ก็เริ่มง่วงกันด้วย

เสน่ห์สงขลาสถานีต่อไป จะพาเที่ยวที่ไหนติดตามกันได้ที่นี่
ต้อม รัตภูมิ รายงาน
   ------------------
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
นมพัทลุงหาดใหญ่ โทร 0897384515
สั่งสินค้าออนไลน์ www.facebook.com/nomptlhatyai