โดย ไทยพีบีเอส http://news.thaipbs.or.th

การใช้ก๊าซเอ็นจีวี (NGV) นับว่ามีข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่ประหยัดกว่าการใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนสถานีบริการ NGV ในปัจจุบันที่ยังมีน้อย จัดเป็นอุปสรรคสำคัญส่งผลให้การหันมาใช้ NGV ไม่น่าดึงดูดใจเท่าที่ควร

อีกทั้งนวัตกรรมทางยานยนต์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีคำถามว่าผู้ใช้รถควรจะเปลี่ยนมาใช้ NGV ดีหรือไม่ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ควรปรับตัวอย่างไร

การใช้ NGV ทั่วโลกนับว่าได้รับความนิยมมากขึ้น โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจัดเป็นผู้นำในตลาดนี้ซึ่งมีปริมาณรถที่ใช้ NGV สูงเกินกว่า 50% ของจำนวนรถที่ใช้ NGV ทั้งหมดทั่วโลก อีกทั้งการขยายตัวของปริมาณรถที่ใช้ NGV1  ในช่วงปี 2002-2011 ของภูมิภาคนี้ก็ขยายตัวสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 40% ต่อปี ในขณะที่ทั่วโลกมีการขยายตัวเฉลี่ยที่ประมาณ 20% ต่อปี สำหรับประเทศไทยของเราก็ติด Top 10 เช่นกัน คือมีจำนวนรถที่ใช้ NGV คิดเป็น 2% ของทั้งโลกและมีการใช้ NGV ในปี 2011 เพิ่มขึ้นถึง 27% จากปีก่อนหน้า คิดเป็น 8% ของพลังงานที่ใช้ในภาคขนส่งทั้งหมดของไทย

แล้วปัจจัยใดผลักดันให้ NGV เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของพลังงานเชื้อเพลิงที่น่าสนใจสำหรับผู้ขับขี่ยานยนต์ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงอย่าง LPG ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นต่อระยะทางการวิ่งของรถที่ใช้ NGV ต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น แม้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ NGV จะสูงกว่าของ LPG โดย NGV 1 กิโลกรัมทำให้รถสามารถวิ่งได้ประมาณ 15 กิโลเมตร ในขณะที่ LPG ปริมาณเท่ากันทำให้รถวิ่งได้ถึงเกือบ 21 กิโลเมตรแต่ด้วย ณ ราคาปัจจุบัน ของ NGV  และ LPG2  ที่ 10.50 และ 21.38 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นต่อการวิ่ง 1 กิโลเมตรของรถที่ใช้ NGV อยู่ที่ราว 0.7 บาท

ในขณะที่ของ LPG อยู่ที่ประมาณ 1 บาท หรืออาจกล่าวได้ว่าการใช้ NGV ประหยัดกว่า LPG 34% และประหยัดกว่าการใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่น3  เช่น แก๊สโซฮอล์และเบนซิน ราว 80-85% NGV จัดเป็นเชื้อเพลิงที่ปลอดภัย เนื่องจากเบากว่าอากาศ เมื่อเกิดการรั่วไหลจะกระจายตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศด้านบนอย่างรวดเร็ว ไม่เกิดการสะสมตัวตามพื้นล่างเหมือน LPG อีกทั้งขีดจำกัดการติดไฟและอุณหภูมิติดไฟด้วยตัวเองของ NGV ก็สูงกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น 

โดย ไทยพีบีเอส http://news.thaipbs.or.th

ตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขอความร่วมมือเจ้าของสถานบันเทิงกว่า 100 แห่ง ตรวจสอบรถต้องสงสัย 5 คัน หลังจากแจ้งเตือนว่าอาจเป็นรถประกอบวัตถุระเบิด ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าปัญหาในภาคใต้ขณะนี้เริ่มดีขึ้น

พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ กล่าวระหว่างการประชุมระหว่างตำรวจ ร่วมกับผู้ประกอบการสถานบริการและสถานบันเทิงใน อำหาดใหญ่ กว่า 100 แห่ง ว่า ขอความร่วมมือผู้ประกอบในการช่วยกันเฝ้าระวังการเข้ามาลอบก่อเหตุร้ายในพื้นที่หาดใหญ่ เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 7 หัวเมืองใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะ อาจตกเป็นเป้าหมายที่กลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกาะติดสถานการณ์ได้แจ้งเตือนไปยังทุกหน่วยงานที่ปฎิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ให้เพิ่มความระมัดระวังขึ้นเป็นพิเศษ หลังรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีแผนจะลอบวางระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยการระเบิดรถยนต์ จำนวน 5 คันซึ่งได้ประกอบระเบิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์กระบะที่มีคดีจากการก่อเหตุมาก่อน

ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งลงพื้นที่เพื่อรับฟังสถานการณ์ ระบุถึงการใช้ มาตรา 21 พรบ.ความมั่นคง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ประเมินว่าพื้นที่ใดบ้างควรใช้ แต่เชื่อว่าจะทำให้มีผู้หลงผิดเข้ามามอบตัวมากขึ้น

ขณะที่ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดนราธิวาส เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลังจาก หลบหนีที่ประเทศเพื่อนบ้าน 5 ปี และยืนยันว่า การมอบตัว หากได้รับความยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมจะประสานผู้อื่นอีก 27 คน เข้ามอบตัวด้วย

โดย ไทยพีบีเอส http://news.thaipbs.or.th

การข่าวด้านความมั่นคง แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฝ้าระวังรถยนต์ต้องสงสัยที่ประกอบระเบิด และเตรียมนำมาก่อเหตุในพื้นที่ เบื้องต้นตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประกาศเฝ้าระวังรถ 5 คัน ขณะที่จังหวัดยะลา มีข้อมูลรถต้องสงสัย 2 คัน ที่เตรียมนำใช้ก่อเหตุในพื้นที่เทศบาลนครยะลา รวมถึงสั่งเฝ้าระวังรถยนต์อีก 6 คันที่ถูกโจรกรรมไปก่อนหน้านี้ด้วย

พล.ต.ตพีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการไปยังจุดตรวจหลักในพื้นที่รอบเขตเทศบาลนครยะลา ประกอบด้วยจุดตรวจมาลายูบางกอก จุดตรวจท่าสาป จุดตรวจขุนไว และจุดตรวจโพธิ์ทอง และ จุดตรวจรอบนอก ในพื้นที่ 8 อำเภอของ จ.ยะลา ให้ค้นหารถต้องสงสัย ซึ่งการข่าวด้านความมั่นคง แจ้งเตือนว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้มีการประกอบระเบิดในรถยนต์ต้องสงสัยเพื่อเตรียมนำมาใช้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดยะลา เบื้องต้นมีรายงานว่า มีการประกอบระเบิดไว้ในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก แบบแค็ป สีบรอนซ์เทา หรือ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในเขตเทศบาลนครยะลา และ จะมีรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีดำ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งสังเกตได้ที่กระจกหน้ารถจะมีสติกเกอร์แถบสีขาวคาดสีน้ำเงิน คอยขับประกบและ ติดตามรักษาความปลอดภัย ให้กับรถยนต์คันที่ประกอบระเบิด พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมทั้งฝ่ายปกครอง เน้นการตรวจสอบรถยนต์กระบะที่ถูกโจรกรรมไป จำนวน 6 คัน ที่คาดว่า จะถูกนำเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่เช่นเดียวกัน โดยรถยนต์ทั้ง 6 คันประกอบด้วย

รถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นไฟเตอร์สีเทา หมายเลขทะเบียน บจ 2482 ยะลา, รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บว 1156 สงขลา, รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นแค็บ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน บต 9179 ปัตตานี, รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนเดียว ต่อหลังคาสูง หมายเลขทะเบียน ผค 4883 สงขลา , รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน กพ 6548 สงขลา และ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ บรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บร 7934 ยะลา

ด้านพ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการสถานบันเทิง เฝ้าระวังรถยนต์อีก 5 คัน ที่มีรายงานว่าได้ทำการติดตั้งระเบิด เพื่อเตรียมนำมาก่อเหตุ ได้แก่ รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บร 7934 สงขลา ,รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ,รถกระบะอีซูซุ รุ่นดราก้อนอาย สีเขียว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ,รถยนต์โตโยต้า รุ่นยาริส ทะเบียน 2473 สีเปลือกมังคุด ไม่ทราบหมวดอักษร ,รถยนต์โตโยต้าโคโรลล่ารุ่นเก่า สีแดงเลือดหมู ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน

เทศบาลตำบลบ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมสืบงานประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุวัดพระเจดีย์งาม ระหว่างวันที่ 22 - 25 กุมภาพันธ์ 2556

โดย เนชั่นทันข่าว http://breakingnews.nationchannel.com

เนื่องด้วยในเดือนกุมภาพันธ์นี้ รัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะบริหารงานประเทศครบ 1 ปี 6 เดือน ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "ประเมินผลงาน 1 ปี 6 เดือน รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,194 คน พบว่า

ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจการทำงานของรัฐบาล 4.87 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งเป็นระดับคะแนนที่น้อยกว่าครึ่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่รัฐบาลทำงานครบ 1 ปีพบว่า คะแนนปรับเพิ่มขึ้น 0.03 คะแนน โดยผลงานที่ได้รับความพึงพอใจมากที่สุดคือ ด้านการต่างประเทศ ได้ 5.31 คะแนน ด้านความมั่นคงของประเทศ   ได้ 4.92 คะแนน ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ได้ 4.91 คะแนน ด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย ได้ 4.65 คะแนน และ ด้านเศรษฐกิจ 4.55 คะแนน

ด้านคะแนนการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ 5.42คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งเป็นระดับคะแนนที่มากกว่าครึ่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และปรับเพิ่มขึ้นจากการประเมินเมื่อตอนที่ทำงานครบ 1 ปี 0.11 คะแนน โดยสิ่งที่ประชาชนพึงพอใจมากที่สุดคือ ความขยันทุ่มเทในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ 6.04 คะแนน ความสามารถสร้างสรรค์ผลงานหรือโครงการใหม่ๆ 5.49 คะแนน ความซื่อสัตย์สุจริต 5.48 คะแนน การรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ 5.30 คะแนน ความสามารถในการบริหารจัดการตามอำนาจหน้าที่ ที่มี 5.29 คะแนน และ ความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ 4.90 คะแนน

เมื่อเปรียบเทียบผลงานในช่วง 1 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา กับความคาดหวังตอนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ พบว่า ประชาชนร้อยละ 38.6 เห็นว่าพอๆ กับที่คาดหวังไว้ ร้อยละ 24.0 เห็นว่าดีกว่าที่คาดหวังไว้ และร้อยละ 10.8 เห็นว่า แย่กว่าที่คาดหวังไว้

ส่วนรัฐมนตรีที่มีผลงานเด่นชัดเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมากที่สุดคือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง (รองนายกรัฐมนตรี) ร้อยละ 25.6 รองลงมาคือ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา (รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงศึกษาธิการ) ร้อยละ 3.7 และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง (รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลัง) ร้อยละ 3.2 ขณะที่ร้อยละ 26.0 เห็นว่าไม่มีรัฐมนตรีคนใดเลยที่มีผลงานเด่นชัด

สำหรับผลงานและโครงการของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด คือ การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 300 บาท (ร้อยละ 21. การปราบปรามยาเสพติด (ร้อยละ 18.5) และ การคืนภาษีรถยนต์คันแรก(ร้อยละ 13.6)

ด้านคะแนนความพึงพอใจต่อการทำงานของพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล พรรคแกนนำฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า พรรคเพื่อไทยได้ 5.44 คะแนน พรรคร่วมรัฐบาลได้ 4.62 คะแนน ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ได้ 3.86 คะแนน และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ 3.57 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน 5 อันดับแรกต่อจากนี้ไป คือ การแก้ปัญหาเรื่องของแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 40.9 รองลงมาคือ ปัญหาการจราจร ซ่อมแซมถนนหนทาง ร้อยละ 12.1 การแก้ปัญหายาเสพติดตามแหล่งชุมชนและแหล่งมั่วสุมต่างๆ ร้อยละ 8.9 การแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ร้อยละ 7.8 และ การปรับเงินค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทและเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ร้อยละ 3.8

โดย สยามดารา www.siamdara.com

ถือเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล สำหรับ มานพ โตการค้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด หรือ IPM จานส้ม เตรียมทุ่มเม็ดเงินกว่า 150 ล้าน สร้างโรงถ่ายละครสไตล์รีสอร์ทบนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ในอำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นโรงถ่ายสำหรับการผลิตละครของทางไอพีเอ็ม ที่ในปีนี้เตรียมผลิตละครไว้ทั้งหมด 12 เรื่อง และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาเที่ยว เยี่ยมชม และถ่ายรูปได้อีกด้วย โดยเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

"ในปีนี้ผมมีแพลนที่จะสร้างโรงถ่ายละครครับ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมพื้นที่ และออกแบบโครงสร้างอยู่ คาดว่าจะเสร็จภายในปีนี้ เพราะเราต้องการสร้างไว้สำหรับการผลิตละครชองทางช่องไอพีเอ็ม ทั้งละครเชิงศิลปวัฒนธรรมหรือละครจักรวงศ์ที่เรามีแผนที่จะผลิตในอนาคต โดยเราจะเอาเนื้อเรื่องที่จะใช้ถ่ายในโรงถ่ายก่อน แล้วก็จะมาสร้างฉากให้เข้ากับเนื้อเรื่อง เช่น เรื่องนี้จะต้องมีกำแพงเมือง เราก็ต้องมาดีไซน์ว่าจะวางตรงไหน พอถ่ายเสร็จแล้วก็เก็บฉากนี้เอาไว้ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่นๆ อีก หรือฉากในท้องพระโรง ก็ต้องดีไซน์ให้ดีว่าจะวางไว้ตรงไหนให้เหมาะสม ที่ผ่านมาละครของทางไอพีเอ็มก็มีแต่ถ่ายทำด้านนอก ก่อนหน้านี้ทีมโปรดักชั่นก็จะใช้โลเกชั่นที่เป็นด้านนอกทั้งหมด ในอนาคตกว่า 50% เราก็จะใช้โรงถ่ายเป็นสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งเมื่อเราทำฉากได้เยอะขึ้นหรือเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในอนาคตเราก็จะเตรียมโรงถ่ายให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมฟรีด้วยครับ"

โดย สยามดารา www.siamdara.com

''คุณแดง'' สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ปัดเตรียมดึงตัว ''ขวัญ, อั้ม, แพนเค้ก'' มาช่อง 3 หลังเหล่านางเอกใกล้หมดสัญญาวิก 7 สี แจงหากอยากจะมาร่วมงานก็ค่อยดูตามความเหมาะสม ส่วน ''นุ่น-วรนุช'' อาจไม่ได้ร่วมงานกันเพราะทำละครต่างเวลา ปัดให้คำปรึกษา ''งัด'' สุพล วิเชียรฉาย ในการประกวด ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2013'' แจงคุยกันแค่ในส่วนงานละคร


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ก.พ. 2556 ที่งานแถลงข่าวการจัดประกวด ''มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2013'' ณ ห้องฉัตรา โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ''คุณแดง'' สุรางค์ เปรมปรีดิ์ บิ๊กบอสบริษัท จันทร์ 25 อดีตผู้บริหารช่อง 7 สี เผยถึงกรณีข่าวการเป็นที่ปรึกษาให้กับ ''งัด'' สุพล วิเชียรฉาย รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และในฐานะผู้จัดการประกวด ''มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2013'' ว่าตนไม่ได้ให้คำปรึกษาใดในเรื่องการประกวดนางงามช่อง 3 แต่ยอมรับว่ามีการปรึกษาเรื่องละครมากกว่า เพราะต้องร่วมงามกันในส่วนนี้ ที่มีการทำละครร่วมกันอีกหลายเรื่อง พร้อมกันนี้ยังแจงเรื่องการดึงตัวเหล่านางเอกลูกรัก อาทิ ''ขวัญ'' อุษามณี ไวทยานนท์, ''อั้ม'' พัชราภา ไชยเชื้อ, ''แพนเค้ก'' เขมนิจ จามิกรณ์ ที่ใกล้หมดสัญญากับช่อง 7 มาร่วมงานที่ช่อง 3 นั้น โดยมารยาทแล้วไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ แต่หากเหล่าดาราลูกรักหมดสัญญาแล้วอยากมาร่วมงานก็ค่อยว่ากันไปตามความเหมาะสม ขณะที่ลูกรักอีกคนอย่าง ''นุ่น'' วรนุช ภิรมย์ภักดี นั้นเป็นนางเอกดังเหมาะที่จะเล่นละครหลังข่าวมากกว่าที่จะมาร่วมงานกับตนที่ผลิตละครเย็น


''เรื่องของตัวเองยังจะไม่รอดอยู่แล้วค่ะ เรื่องพวกนี้ไม่คุยกันหรอกค่ะ การทำละครก็จะปรึกษากับงัด แต่เรื่องนางงามไม่ได้คุยกัน ก็ทำอยู่หลายเรื่องนะคะ ในส่วนของนักแสดงก็มีมาจากเวทีนางงามบ้าง นักแสดงหน้าใหม่บ้างแล้วแต่ความเหมาะสม ส่วนนุ่นคงไม่ชวนดารารุ่นเดอะมาเล่นละครเย็น อาจจะไม่เหมาะสม นุ่นควรจะอยู่ละครหลังข่าวมากกว่า อีกทั้ง ขวัญ, แพนเค้ก, อั้ม, ที่ใกล้จะหมดสัญญากับช่อง 7 นั้น จริงๆ ด้วยมารยาทพี่ไม่ได้คุยกับเค้าหรอกค่ะ ถ้าเค้าหมดสัญญาก็แล้วแต่ความเหมาะสมค่ะ''


เมื่อถามว่า ณวัฒน์ อิสรไกรศีล อดีตผู้จัดการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ที่หันไปเปิดเวทีการประกวดนางงามที่ช่อง 7 สี ชื่อ ''มิส แกรนด์ ไทยแลนด์'' ว่ารู้สึกอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณแดงไม่ขอพูดพาดพิง โดยบอกเพียงแต่ว่าเวทีต่างๆ ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และดีที่มีหลายเวทีเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่มีคุณภาพ


''พี่ไม่ตอบนะ เพราะแต่ละเวทีเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ก็เป็นเรื่องของผู้เข้าประกวดที่จะไปประกวดเวทีไหน มีหลายเวทีก็ดี จะได้ทำการประกวดให้ดี'' คุณแดงกล่าว

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ก.พ. 56 นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา มอบเงินสดจำนวน 5 แสนบาท ให้กับกำลังเจ้าหน้าที่ 3 หน่วย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศชต. ทหารหน่วยเฉพาะกิจสงขลา และ ฝ่ายปกครองอำเภอเทพา ที่สามารถจับกุม นายเจะหมะ วานิ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 มือวางระเบิดคาร์บอมโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 55 ได้สำเร็จ โดย นายเจะหมะ ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 56 ที่ผ่านมา ขณะกบดานอยู่ที่บ้านเลขที่ 128 ม.5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา

โดยเงินสดจำนวน 5 แสนบาท เป็นเงินที่ภาคธุรกิจ และประชาชนชาว จ.สงขลา ช่วยกันบริจาค เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และทางจังหวัดได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากสามารถจับกุมมือวางระเบิดได้ จะมอบเงินให้รายละ 5 แสนบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยมอบให้ตำรวจ 3 ส่วน ทหาร 2 ส่วน และ ฝ่ายปกครองอีก 1 ส่วน

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 ยังได้มอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปรามของหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 อีก 2 นาย ที่มีส่วนร่วมในการจับกุม นายเจะหมะ วานิ หลังจากที่ได้พยายามติดตามแกะรอยกลุ่มของ นายเจะหมะ วานิ มาร่วม 10 ปี จนสามารถทราบเครือข่ายทั้งหมด และจับกุมได้ในที่สุด

ทางด้าน พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 เปิดเผยว่า ในส่วนของรางวัลนำจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า รายละ 1 ล้านบาท ที่ทางตำรวจภูธร ภาค 9 ได้ประกาศเอาไว้ในสมัยของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 นั้น จะติดตามในรายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะ ตนเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ แต่ก็พร้อมที่จะมอบให้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา จัดโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต  ณ โรงแรมหาดใหญ่พาราไดส์ แอนด์รีสอร์ท  อ.หาดใหญ่
               
นายดำรง  เศวตพรหม  ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา  เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยพิบัติได้เกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ทั้งภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น อาทิ แผ่นดินไหว อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้งในภาวะปกติ และภาวะวิกฤต จึงได้จัดโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต   ในวันที่  19 กุมภาพันธ์ 2556  ณ โรงแรมหาดใหญ่พาราไดส์ แอนด์รีสอร์ท  อำเภอหาดใหญ่   จังหวัดสงขลา   

เพื่อการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารการรณรงค์ป้องกันและสาธารณภัยและมาตรการป้องกันให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดสาธารณภัย    และเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการเฝ้าระวังภัยการเตรียมการรับมือในกรณีเกิดภัยพิบัติและวิธีการฟื้นฟูหลังเกิดภัย  โดยใช่ช่องทางการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง   เพื่อลดความสูญเสียจากสาธารณภัยที่เกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด   และเพื่อเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชนในกรณีเกิดสาธารณภัยและภาวะวิกฤตต่าง ๆ กลุ่มเป้าหมายผู้ร่วมโครงการในครั้งนี้ประกอบด้วยอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน (อปม.)  และสื่อมวลชนท้องถิ่นในจังหวัดสงขลา จำนวน 60  คน 

โดยมีการบรรยายเรื่อง  ?รับมือภัยพิบัติอย่างรู้เท่าทันธรรมชาติ?  โดย  รศ.ดร. ธนิต  เฉลิมยานนท์   คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ / การบรรยายเรื่อง ?สื่ออย่างไรในภาวะวิกฤต? โดย นายวิชาญ  ช่วยชูใจ   ผู้แทนวิทยุชุมชนจังหวัดสงขลา...

               

มาฟูเซาะ  อาลี// ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

วัดเกาะเสือ หาดใหญ่ จัดสาธยายพระไตรปิฎก เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาเรื่องราวในพระไตรปิฎก และเข้าถึงพุทธศาสนาอย่างแท้จริง   ระหว่างวันที่  23-24  กุมภาพันธ์ นี้
             
ที่ห้องประชุมวัดศรีสว่างวงศ์ (วัดเกาะเสือ) วันนี้ (18 ก.พ.56) พระศรีรัตนวิมล รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา    เป็นประธานประชุมคณะสงฆ์ และฆราวาส เพื่อเตรียมจัดงานสาธยายพระไตรปิฎก เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ ซึ่งกำหนดจัดระหว่าง วันที่ 23 -24 กุมภาพันธ์ 2556     ณ. วัดศรีสว่างวงศ์ หรือวัดเกาะเสือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
               
กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พิธีอัญเชิญพระไตรปิฎก เข้าสู่พระอุโบสถ พิธีเวียนเทียนปทักษิณรอบพระอุโบสถ   นิทรรศการด้านพุทธศาสนา และพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
               
สำหรับพิธีสาธยายพระไตรปิฎก ประกอบด้วยการสาธยายพระไตรปิฎก จำนวน 4 ฐาน ประกอบด้วย

ฐานที่ 1 เรื่อง การกำเนิดพระไตรปิฎก             
ฐานที่ 2 เรื่อง พระวินัยปิฎก           
ฐานที่ 3 เรื่อง พระสุตตันตะปิฎก
และฐานที่ 4 เรื่อง พระอภิธรรมปิฎก
               
จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนที่สนใจในพระพุทธศาสนาและต้องการศึกษา เรื่องราวต่างๆในพระไตรปิฎก เข้าร่วมกิจกรรมการสาธยายพระไตรปิฎก โดยพร้อมเพรียงกัน ณ วัดสว่างวงศ์ หรือ วัดเกาะเสือ ระหว่างวัที่ 23 ? 24 กุมภาพันธ์  นี้ ระหว่างเวลา 08.30 ? 16.30 น. .......



นายดำรง   เศวตพรหม// ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

สุดมันส์!! "เดอะบลูมาร์ลีน" เปิดบ้านเสมอสงขลา ยูไนเต็ด 2-2 เกมอุ่นเครื่อง โดยศรีราชาได้ประตูจาก เอ็นเดอบี้ เบอแลง และ ลาตินโญ่ ส่วนฝั่งสงขลาได้จาก อารอน ดา ซิลวา และ จูเลส บาก้า

ฟุตบอลอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายก่อนเดินทางกลับบ้านของทีมวัวชนแดนใต้ สงขลายูไนเต็ด ผลปรากฎว่าทีมวัวชนบุกไปเสมอกับศรีราชาซูซูกิ 2-2 แบบสนุกสุดมันส์ สรุปผลงาน 4 นัดของการอุ่นแข้งที่เมืองชลบุรีและเมืองหลวง ชนะ 2 เสมอ 2 โดย นักแรก ชนะแหลมฉบังซิตี้ 3-0 เสมออาร์มี 0-0 ชนะแบงคคอกยูฯ 4-2 เสมอศรีราชา 2-2

หลังจากนี้วัวชนจะเดินทางกลับบ้านพร้อมเตรียมเปิดตัวสโมสร 25-27 ก.พ. และประเดมไทยลีกนัดแรกในบ้านด้วยการรับมือทีมแกร่ง กระแก้วบางกอกกล๊าส 3 มี.ค. 18.00 ณ สนามติณฯ สงขลา แฟนวัวชนติดตามผลงานกันได้ครับ

โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com
   
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลังรักษาความปลอดภัย อ.หาดใหญ่ เข้มตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการก่อเหตุรุนแรง ล่าสุด มีการสั่งเฝ้าจับตารถเก๋งโปรตอน ที่อาจจะถูกนำมาใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์
       
       ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา (17 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังคงสนธิกำลังตั้งจุดตรวจบนเส้นทางขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ตลอด 24 ชั่วโมง บนถนนสายหลักทั้งถนนกาญจนวานิช ถนนเพชรเกษม และถนนนิพัทธิ์สงเคราะห์ และเส้นทางลัดทุกเส้นทาง เพื่อรักษาความปลอดภัย อ.หาดใหญ่ ป้องกันการเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์โดยเฉพาะคาร์บอมบ์ หลังจากที่สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และ อ.หาดใหญ่ เป็นหนึ่งใน 7เมืองใหญ่ ที่มีการสั่งการให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเน้นการตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยตามที่ได้มีการแจ้งเตือนว่า ถูกนำมาประกอบเป็นคาร์บอมบ์ รวมทั้งกลุ่มแนวร่วมที่อาจแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ
       
       โดยล่าสุด ได้มีการวิทยุสั่งการให้เฝ้าระวัง และตรวจค้นรถเก๋งยี่ห้อโปรตอน ไม่ทราบสี และทะเบียน รูปทรงเหมือนกับรถเก๋งมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ ซึ่งเป็นรถเป้าหมายที่อาจจะนำมาใช้ก่อเหตุ และหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนจับตาเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้สั่งเพิ่มกำลังทหารเข้ามาเสริม เพื่อให้มาตรการรักษาความปลอดภัยรัดกุมมากยิ่งขึ้น ทั้งพื้นที่รอบนอกตัวเมือง และย่านเศรษฐกิจการค้า เช่นเดียวกับในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา ทั้งจะนะ เทพา นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย ให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังที่ตั้งสถานที่ราชการ และย่านการค้ากลางเมือง โดยเฉพาะ อ.จะนะ กับ อ.นาทวี ที่ได้มีการส่งมอบคืนพื้นที่จากทหารให้ฝ่ายปกครองเป็นผู้ดูแลเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุได้เช่นกัน

มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ จัดงานมหากุศลแห่พระสะเดาะเคราะห์ประจำปี ระหว่างวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2556 ณ บริเวณที่ทำการมูลนิธิ บนนถนนศุภสารรังสรรค์ ตลอดทุกวันของการจัดงานมีประชาชนมาร่วมงาน ร่วมทำบุญจำนวนมาก

จัดงานมหากุศลแห่พระสะเดาะเคราะห์ประจำปี มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงประชาชนชาวหาดใหญ่ ต่างให้ความสนใจมาร่วมงาน มาร่วมทำบุญจำนวนมากตลอดทั้ง 10 วันของการจัดงาน

โดยในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ (16 ก.พ.) มีนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และไฮไลท์สำคัญของงานที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ในช่วงเช้าของวันที่ 17 ก.พ.มีขบวนแห่พระรอบรอบเมืองหาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและร่วมทำบุญ รวมถึงในช่วงกลางคืนมีพิธีลุยไฟ ซึ่งมีผุ้สนใจร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการแสดงเชิดสิงโต แห่มังกร รวมถึงการแสดงบนเวทีและการออกร้านจำหน่ายสินค้าบริการผุ้ร่วมงานด้วย   

งานมหากุศลแห่พระสะเดาะเคราะห์ประจำปี ของมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ มีจนถึงวันที่ 19 ก.พ.นี้เท่านั้น ใครที่ยังไม่ได้ไปร่วมงาน ไม่ได้ไปร่วมทำบุญก็ยังมีเวลานะครับ

ความเคลื่อนไหวของทีมวัวชนแดนใต้ สงขลายูไนเต็ด ที่เดินสายอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล โดยมีการบุกไปเยือนทั้ง 3 นัด ซึ่งผลการอุ่นเครื่องแต่ละนัดเป็นเช่นไร ติดตามสรุปผลกันได้ครับ


สงขลายูไนเต็ด บุกไปเผาเครื่องกระเบนเหล็กถึงถิ่นม.เกษตรศาสตร์ศรีราชา3-0ในเกมอุ่นเครื่องเปิดตัวทีมน้องใหม่แหลมฉบังซิตฺิ้

ทีมแหลมฉบังซิติ้ ถือฤกษ์วันแห่งความรักเปิดตัวด้วยการเชิญทีมสงขลายูไนเต็ดไปเตะอุ่นเครื่อง ซึ่งทีมสงขลายูไนเต็ดได้ยอมปรับเปลี่ยน

โปรแกรมที่เดิมกำหนดไว้จะอุ่นเครื่องกับทีมไทยลีกในกรุงเทพ3นัด เหลือเพียง2นัด โดยเกมเมือ่วานนี้ในครึ่งแรกทีมสงขลาได้ส่งผู้เล่น

11คนแรกดังนี้ ผู้รักษาประตู ดลเลาะ หมะอิ แนวรับ อิรฟาน เจ๊ะแน ซัมเซ็ม หนิมา อธิบดี เอติรัตน์ วัชระ มหาวงศ์

แดนกลาง มานพ สอนแก้ว ไชยรัตน์ หมัดศิริ ซุลกิฟลี จิสวัสดิ์ พิเชษฐ์ สาดีน คู่หน้าเป็นณัฐพล จันทสุริวงศ์กับจูเลส บาก้า

ส่วนเจ้าถิ่น นำทีมโดย อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย มานิตย์ น้อยเวช เกมเริ่มขึ้นไปได้เพียง4นาที สงขลาทีมเยือนก็ออกนำเจ้าถิ่นไปอย่าง

รวดเร็วเมื่อพิเชษฐ์เปิดลูกมาจากมุมธง มาที่เสาแรก มานพวิ่งเข้ามาตวัดบอลเข้าประตูไปชนิดที่ช๊อคแฟนบอลเจ้าถิ่นพอสมควร

เพราะไม่คิดว่าทีมตัวเองจะเสียประตูเร็ว หลังจากที่ถูกออกนำไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกมของเจ้าถิ่นช๊อตไปดื้อๆ จึงทำให้ทีมสงขลา

คุมเกมเปิดเกมบุกใส่ได้ตลอดเวลา ก่อนที่มาได้ประตูที่2ในนาที่ที่26เป็นจ่ายบอลทะลุช่องของณัฐพลให้มานานพหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง

อย่างง่ายๆเข้าไป ก่อนที่จะมาได้ประตูที่3ในนาทีที่34 จากจูเลส บาก้า จบครึ่งแรกสงขลายูไนเต็ดนำแหลมฉบังซิติ้ไป3-0

ครึ่งหลังสงขลาเปลี่ยนตัวนักเตะทีเดียว9คนคงเหลือไชยรัตน์ กับดลเลาะไว้เพียง2คน11คนในครึ่งหลังประกอบไปด้วยดลเลาะ หมะอิ

เป็นผู้รักษาประตูเหมือนเดิมแนวรับ รชานนท์ กันยาทอง โคเน่ เซดู ดาร์โก้ ราโคเซวิค ไดกิ ฮิกุชิ แดนกลางจิระ เจริญสุข

เกรียงไกร พิมพ์รัตน์ ไชยรัตน์ หมัดศิริ สุไลมาน อะแวกาจิ คู่หน้าภานุวัฒน์ จินตะกับอารอน ดาซิลวา โดยเกมในครึ่งหลังทีมเจ้าถิ่นแก้เกม

มาดีสามารถต้านทานการบุกทีมสงขลาเอาไว้ได้ตลอด45นาทีจบเกมสงขลายูไนเต็ดบุกมาเผาเครื่องเจ้าถิ่นไป3-0



(16กุมภาพันธ์) สงขลาได้ทำการอุ่นเครื่องกับอาร์มี่ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นการอุ่นเครื่องกับทีมในระดับไทยลีก

เป็นครั้งแรกหลังจากทำการซ้อมกันมาร่วมสองเดือน โดยการแข่งขันเมื่อวานนี้สงขลาได้จัดนักเตะที่เรียกว่าน่าจะ

เป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาล2013 ลงสนามในระบบ4-4-2ดังนี้ ผู้รักษาประตู ชนินทร์ แซ่เอ๊ยะ กองหลัง จิระ เจริญสุข

โคเน่ เซดู ดาร์โก้ ราโคเซวิค ไดกิ ฮิกุชิ แดนกลาง มานพ สอนแก้ว ไชยรัตน์ หมัดศิริ เกรียงไกร พิมพ์รัตน์

คู่หน้าณัฐพล จันทสุริวงศ์ กับจูเลส บาก้า

ส่วนทีมอาร์มียูไนเต็ด ก่อนเปิดฤดูกาลได้เสียนักเตะฝีเท้าดีไปหลายคน ในขณะที่ผู้เล่นหลักสองคนคือซีเกต หมาดปูเต๊ะ

ไปเก็บตัวทีมชาติชุดซีเกมส์ ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมอย่างธาตรี สีหา อยู่ในช่วงรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ลงสนาม

11คนแรกของอาร์มี่ มีทศพร ศรีเรือง เป็นผู้รักษาประตู ชัยวัฒน์ นาคเอี่ยม ดาวุฒิ ดินเขต อดิศร พรหมรักษ์

ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร วีระพงษ์ มูลคำแสน อนุวัฒน์ น้อยชื่นพันธ์ อเลกซานโดร อัลเวส บียอน ลินเดอร์มัน

บาการี่ ไดกิเต้ และแม็ทธิว เอ็มบูทา เกมในครึ่งแรก ส่วนมากในอยู่ในแดนกลางสนาม เกมรุกของทั้งคู่มักจะไปผิดพลาด

กันที่หน้าประตู ไม่ค่อยมีจังหวะการทำประตูกันมากนัก

ครึ่งหลัง สงขลาเปลี่ยนผู้เล่นใหม่3คนหวังเดินเกมรุกให้มากขึ้น อารอน ดาซิลวา ลงไปแทนบาก้า วานิช ใจแสน

แทนณัฐพล รชานนท์ กันยาทอง ลงไปแทนจิระ เพื่อเติมเกมรุกทางริมเส้น เกมในครึ่งหลังดีกว่าในครึ่งแรก

แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถทำประตูกันได้ ในขณะที่สงขลามีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้หากผู้ตัดสินเห็นบอลที่สุไลมาน

กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู ทศพร ศรีเรืองนายประตูอาร์มี่รับบอลแล้วบอลกระฉอกข้ามเส้นประตูไปแล้วก่อนที่จะดึงกลับออกมาไว้ที่นอกเส้น จบ

เกมสงขลาเสมอกับอาร์มี่ไปแบบไม่มีสกอร์0-0

โดยในช่วงท้ายห้านาทีสุดท้ายเกมสงขลาได้ส่งนักเตะชาวเกาหลี2คนที่มาขอทดสอบฝีเท้าลงสนามด้วย


[/b]

17 ก.พ.56 สงขลายูไนเต็ด มีคิวอุ่นเครื่องเป็นนัดที่สาม กับน้องใหม่ไทยพรีเมียร์ลีก2013 แบ้งค๊อก ยูไนเต็ด โยไปแข่งขันกันที่สนามม.กรุงเทพรังสิต

สงขลาส่งผู้เล่น11คนนี้ ผู้รักษาประตู สยมภู เอียดพูล แนวรับ ทบ สมใจ เกรียงไกร ชาสังข์ ซัมเซ็ม หนิมา วัชระ มหาวงศ์

แดนกลาง ซากีรีน ดีกาสม ซุลกิฟลี จิสวัสดิ์ พิเชษฐ์ สาดีน สุไลมาน อะแวกาจิ คู่หน้าเป็นณัฐพล จันทสุริวงศ์กับรังสรร รูปเหมาะ

ส่วนของเจ้าถิ่น พักผู้เล่นตัวหลักหลายคน เพราะเพิ่งผ่านเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยชุดซีเกมส์มา แต่ผู้เล่นที่ลงสนามชื่อชั้นก็ยังเหนือกว่า

นำทีมลงมาโดยวิทยา หมัดหลำพร้อมกับนักเตะต่างชาติลงสนามเต็มโควต้า เล่นไปไม่ถึง5นาที เจ้าถิ่นก็ทำประตูออกนำไปอย่างรวดเร็ว

จากการเช็คล้ำหน้าพลาดของแนวรับหลังจากนั้นรูปเกมของสงขลาก็ยังคงตกเป็นรองทีมเจ้าถิ่นตลอด แต่ก็ยังรักษาสกอร์ไม่ให้เพิ่มขึ้นเอาไว้ได้

จนกระทั่งนาทีที่35สงขลาได้ฟรีคิกริมเส้นด้านซ้ายพิเชษฐ์เปิดไปให้รังสรรค์โหม่ง แต่ผู้รักษาประตูของบียูปัดออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด

สงขลาได้เตะมุม และจากลูกเตะมุมนี้เองทำให้สงขลาตามตีเสมอจนได้ สุไลมานเปิดบอลมาหน้าประตู แล้วก็เป็นซากีรีนที่โหม่งเข้าไป

อย่างสวยงาม หลังจากนั้นเกมของเจ้าถิ่นก็ยังดูดีกว่าทีมเยือนอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายก็ยังไม่ผ่านซัมเซ็ม กับเกรียงไกร สองเซ็นเตอร์

ของทีมสงขลาไปได้ จบครึ่งแรกแม่สกอร์จะเสมอกันที่1-1แต่รูปเกมก็ยังคงเป็นรอง

กลับมาในครึ่งหลังผ่านไป8นาที สงขลาเลี่ยนตัวเป็นคนแรกเอาพิเชษฐ์ ออกส่งพันตรี หมัดอาดัมลงไปแทนนาทีที่5ทีมเยือนที่ตกเป็นรอง

มาตลอดกลับเป็นฝ่ายออกนำเจ้าถิ่น2-1เมือผู้รักษาประตูบียูรับบอลจากการยิงของณัฐพลไม่อยู่บอลกระฉอกออกมาเข้าทางสุไลมาน

อัดซ้ำเข้าไปหลังจากที่ได้ประตูออกนำ เกมก็ตกเป็นของสงขลาอย่างสิ้นเชิง นาทีที่62 สงขลาก็ส่งอธิบดี เอติรัตน์ลงไปแทนเกรียงไกร

ทีบาดเจ็บจากการโหม่งสกัดแล้วตกลงมาไหล่หลุด นาทีที่70สงขลาทำประตูทิ้งห่างเป็น3-1เมื่อซัมเซ็มหนุนขึ้นสูงจนถึงเส้นหลังก่อนปาด

กลับมาหน้าประตูซากีรีนแปโล่งๆเข้าประตู หลังจากที่สกอร์โดนทิ้งห่าง เจ้าถิ่นก็เริ่มทะยออยส่งนักเตะตัวหลักของทีมลงสนาม

แต่เกมก็ยังไม่ดีขึ้น 9นาทีถัดมานาทีที่79สงขลาก็มาได้ประตูหนีไปเป็น4-1 เมื่อทบ เปิดบอลจากริมเส้นไปเข้าหัว

ณัฐพล โหม่งบอลย้อยข้ามหัวผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นเข้าไป นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นมาได้ประตูปลอบใจอีก1ประตู จากลูกจุดโทษ

จบเกมสงขลาพลิกกลับมาชนะแบ้งค๊อกยูไนเต็ด4-2

****************

สำหรับวันนี้18กุมภาพันธ์ สงขลามีคิวอุ่นเครื่องอีก1นัดก่อนกลับสงขลา โดยจะเดินทางไปแข่งขันกับทีมจากลีก1 ศรีราชาเอฟซี ที่สนาม หญ้าเทียม ซูซูกิ ศรีราชาสเตเดี้ยมในเวลาห้าโมงเย็น

เกาะติดความเคลื่อนไหวทีมสงขลายูไนเต็ด ได้ที่ www.songkhlaunitedfc.com

 JaY_SoniC
ผู้สื่อข่าวอิสระ


วันนี้ (18 ก.พ. 56) ความคืบหน้าหลังจากที่ นายเจะหมะ วานิ หนึ่งในผู้ต้องหาลอบวางระเบิดคาร์บอมโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 56 ที่ผ่าน มาขณะกบดานอยู่ที่บ้านเลขที่ 128 ม.5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา และจากการสอบสวนยอมรับสารภาพว่า ร่วมกับ นายเสรี แวมามุ นายรุสลัน ใบมะ และแนวร่วมใน จ.ปัตตานี อีก 1 คน ลอบวางระเบิดคาร์บอมโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า จริง และตามหมายเจ้าหน้าที่เตรียมควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงเช้าของวันนี้ ตามจุดที่ใช้วางแผน และเส้นทางการก่อเหตุ รวม 3 จุด

ล่าสุด พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ซึ่งรับผิดชอบควบคุมการทำแผน เปิดเผยว่า  เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยกเลิกการนำตัว นายเจะหมะ มาทำแผนการวางระเบิดคาร์บอมโรงแรม ลี การ์เดนท์ พลาซ่า ทั้ง 3 จุด คือ ที่บริเวณสี่แยกหน้าหอนาฬิกา อ.จะนะ มัสยิดควนลัง และที่โรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า ซึ่งเป็นเส้นทางการก่อเหตุ และเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และต้องเฝ้าระวังการก่อเหตุในพื้นที่ จ.สงขลา หากนำตัว นายเจะหมะ มาทำแผน เกรงว่า อาจจะตกเป็นเป้าหมายการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ทางผู้บังคับบัญชาจึงสั่งยกเลิกการทำแผนออกไปก่อน

อย่างไรก็ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงทั้ง 6 อำเภอ ของ จ.สงขลา ทั้ง จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย หาดใหญ่ และ เมือง ยังคงมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยจัดชุดลาดตระเวนบนเส้นทางเชื่อมต่อทั้ง 6 อำเภอ โดยเฉพาะใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งมีการเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวในพื้นที่ตัวเมืองผ่านกล้องวงจรปิด เพื่อเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติ นอกเหนือจากกำลังเจ้าหน้าที่ที่ตั้งจุดตรวจค้นบนเส้นทางขาเข้า และลาดตระเวนในตัวเมือง