[สงขลามีเดีย]

  โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ www.manager.co.th     

       คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
       โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
       
       คาร์บอมบ์ที่ย่านบันเทิงบ้านด่านนอก เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม กับ จยย.บอมบ์ที่หน้า สภ.สะเดา และหน้า สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อปลายปีก่อน ยังเป็นระเบิด ?ปริศนา? ที่ยังไม่มีคำตอบจากตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงว่ามาจากสาเหตุอะไร
       
       เช่นเดียวกับคาร์บอมบ์ที่กลไกการจุดระเบิดไม่ทำงานที่ถูกนำไปจอดไว้ที่หลัง สภ.เมืองภูเก็ต ตั้งแต่เดือน ส.ค.2556 แต่เจ้าหน้าที่เพิ่งตรวจพบในวันเดียวกันกับที่มีเหตุคาร์บอมบ์ และ จยย.บอมบ์ 3 จุดที่ อ.สะเดา จ.สงขลา
       
       เบื้องหน้านั้นมีความชัดเจนว่า คาร์บอมบ์ และ จยย.บอมบ์ที่ อ.สะเดา เป็นการกระทำของ ?อาร์เคเค? อย่างแน่นอน เพราะรถยนต์ที่นำมาประกอบคาร์บอมบ์เป็นของชาวไทยพุทธ 6 คน จาก จ.นครศรีธรรมราช ที่ไปหาปูเปรี้ยวที่ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และถูกอาร์เคเคยิงตายไป 5 คน โดยอาร์เคเคได้ยึดรถยนต์คันดังกล่าวไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์
       
       ดังนั้น ถ้ามองอย่างผิวเผิน และตำรวจต้องการปิดคดีก็ฟันธงได้เลยว่า เป็นการกระทำของขบวนการแบ่งแยกดินแดน โดยมีเหตุผลรองรับว่า ?บีอาร์เอ็น? ต้องการขยายเขตการก่อการร้าย เพราะเมื่อเดือน มิ.ย.2556 ที่ผ่านมา บีอาร์เอ็นเคยส่งสารผ่านยูทิวบ์ว่า ในการขยายพื้นที่จาก 4 อำเภอของ จ.สงขลา ให้เป็น 5 อำเภอนั้น คือ การผนวกเอา อ.สะเดา เข้าไปด้วย
       
       แต่เบื้องหลังของระเบิด 3 จุดที่ อ.สะเดามีเรื่องที่ ?ลึก? แต่ไม่ ?ลับ? ว่าเป็นการว่าจ้างกลุ่มอาร์เคเคมาก่อวินาศกรรม โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการแก้แค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งงมีเรื่อง ?หักดิบ? กับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน และธุรกิจนอกกฎหมายในพื้นที่ อ.สะเดา ซึ่งมีการพูดถึงเงิน 10 ล้านบาท ที่เป็นชนวนเหตุของการสร้างสถานการณ์ด้วยการก่อวินาศกรรมใน อ.สะเดา
       
       ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.เพชรพนา ไผ่เย็น ผกก.สภ.สะเดา เคยถูกผู้บังคับบัญชาสั่งย้ายด่วนให้ไปช่วยราชการที่ บช.ภ.9 โดยไม่มีกำหนด โทษฐานที่ปล่อยให้น้ำมันเถื่อนจากประเทศมาเลเซียเข้าไประบาดในพื้นที่ รวมทั้งเรื่องโรฮิงญาแหกห้องขัง และเรื่องความแตกแยกของตำรวจที่เกิดขึ้นใน สภ.สะเดา
       
       เช่นเดียวกับ ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์ ที่เคยถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการ ก่อนที่จะย้ายกลับมา และถูกขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเข้าล้อม สภ.ปาดังเบซาร์ เพื่อกดดันให้มีการค้าน้ำมันเถื่อนแบบไม่มีการจับกุม
       
       วันนี้ต้องยอมรับว่า น้ำมันเถื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถือว่าเป็น ?ภัยแทรกซ้อน? และเป็นปัญหาไฟใต้ เป็นปัญหาใหญ่ที่มีขบวนการผลประโยชน์ปีละนับหมื่นล้าน ทั้งทางบก ทางทะเล และมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องในการรับผลประโยชน์ ทั้งตำรวจ ศุลกากร สรรพสามิต และอื่นๆ ปีละหลายพันล้าน
       
       จึงเป็นไปได้ว่าระเบิดที่ อ.สะเดา กลุ่มผลประโยชน์ได้ ?ว่าจ้าง? อาร์เคเคก่อวินาศกรรม โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ตำรวจ สภ.สะเดา และส่งแรงกระเพื่อมไปยัง บช.ภ.9
       
       เช่นเดียวกับระเบิดที่หลัง สภ.ภูเก็ต หน่วยงานความมั่นคงจะต้องเร่งดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่า มีความขัดแย้งระหว่างผู้มีอิทธิพลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ และการนำคาร์บอมบ์ไปก่อวินาศกรรมที่ จ.ภูเก็ต เป็นการ ?ว่าจ้าง? กลุ่มอาร์เคเคจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปปฏิบัติการหรือไม่
       
       เพราะวันนี้ กลุ่มอาร์เคเคในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ใน จ.ปัตตานี ได้มีการพัฒนาไปสู่การเป็นมือ ?รับจ้าง? ซึ่งมีทั้งกลุ่มมือปืนรับจ้างฆ่า และกลุ่มสร้างสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม วางเพลิง และอื่นๆ ตามแต่ ?ผู้ว่าจ้าง? ต้องการ
       
       แต่ในขณะเดียวกัน หน่วยงานความมั่นคงต้องไม่ละทิ้งในประเด็นที่การก่อการร้ายเป็นฝีมือของอาร์เคเค โดยเป็นแผนของขบวนการบีอาร์เอ็นที่ต้องการขยายพื้นที่ก่อความไม่สงบ เพื่อต้องการให้ ?รัฐไทย? เร่งดำเนินการ ?พูดคุย? เพื่อรับข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็น 5 ข้อ โดยอาศัยช่องว่างที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ
        
       และในขณะเดียวกัน ก็ต้อง ?ลงลึก? ไปถึงว่าเป็นการกระทำของกลุ่มสุดโต่งในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่ม ?นักรบฟาตอนี? ที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยสันติภาพระหว่าง สมช.กับบีอาร์เอ็น และโดยการขยายพื้นที่การก่อความไม่สงบไปยังเมืองเศรษฐกิจเพื่อแสดง ?ศักยภาพ? ของขบวนการให้เกิดความสูญเสียแก่รัฐไทย
       
       หรืออาจเป็นไปได้ที่บีอาร์เอ็นต้องการยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกถึง 2 ตัว นั่นคือ ได้ทั้งเงิน ?ค่าจ้าง? จากการรับจ้าง และได้ ?ทำตามยุทธศาสตร์? ของบีอาร์เอ็นที่มีธงในการสร้างความสูญเสียให้แก่เมืองเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศไทย
       
       เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกิดระเบิด 3 จุดที่ อ.สะเดา และข่าวการพบคาร์บอมบ์ที่ จ.ภูเก็ตที่แม้จะเป็นระเบิดด้าน แต่การสื่อสารที่แพร่ไปอย่างรวดเร็วทุกมุมโลกได้สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นแล้ว ดูได้จากจำนวนทัวร์ และนักท่องเที่ยวที่ยกเลิกไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในอนาคตหากเกิดคาร์บอมบ์ที่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น ที่ จ.ตรัง จ.กระบี่ ประเทศไทยจะสูญเสีย และจะเสียหายทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล
       
       แน่นอนอาจจะมีผู้ได้ประโยชน์ที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน จากการที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัย ทั้งการท่องเที่ยว และการลงทุน โดยเฉพาะอีก 2 ปี จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ถ้าภาคใต้ของไทยมีเหตุก่อความไม่สงบขยายจาก 4 จังหวัด ไปยังพื้นที่อื่นๆ ภาคใต้ เราจะได้อะไรจากประชาคมอาเซียน
       
       อาจจะเป็นไปอย่างที่ วัน กอเดร์ เจ๊ะมาน อดีตประธานขบวนการ ?เบอร์ซาตู? ที่กล่าวว่า การดับไฟใต้ของไทยถ้ายังหวังให้มาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน หรือเป็นคนกลาง อีก 20 ปี ก็ไม่สำเร็จ เพราะมาเลเซียมีผลประโยชน์ทางการเมืองที่ ?ซ่อนเร้น?
       
       วันนี้หน่วยงานความมั่นคงจึงต้องมีความชัดเจนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่ จ.ภูเก็ต และที่ อ.สะเดา จ.สงขลา และต้องมีบทสรุปถึงข้อเท็จจริง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการลูบหน้าปะจมูก เพราะทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความ ?หายนะ? ของประเทศไทยเป็น ?เดิมพัน?