โดย มติชน www.matichon.co.th
สัมภาษณ์พิเศษ โดย ชัชชล อัจนากิตติ (ที่มา:มติชนรายวัน 15 พ.ค.2556)
หมายเหตุ - นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ถึงการลาออกจาก ส.ส.ไปสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา
- การลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่
สาเหตุที่ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งในการเมืองระดับท้องถิ่นนั้น ในครั้งนี้ไม่มีนัยยะทางการเมืองอะไรทั้งสิ้น แต่เหตุผลที่ตัดสินใจนั้น เป็นเพราะผมโตมาจากการเมืองท้องถิ่น เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดสงขลา 2 สมัย เป็นระยะเวลา 8 ปี อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาจังหวัดสงขลา ก่อนที่จะตัดสินใจก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองระดับประเทศในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม สมัยที่ทำหน้าที่ในฐานะนักการเมืองท้องถิ่นนั้น ทำงานด้วยความรักและความชอบส่วนตัว และผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในแนวทางกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมาโดยตลอด เพราะหากทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็งได้แล้ว ประเทศก็จะเข้มแข็งตามไปด้วย ดังนั้น เมื่อวันนี้มีโอกาสกลับไปทำงานท้องถิ่น จึงขอโอกาสพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติให้การสนับสนุน
- การเน้นลงไปทำงานการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น ถือเป็นแนวทางการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
เรื่องการกระจายอำนาจเป็นอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน และในขณะนี้ท้องถิ่นก็โตขึ้นทุกวัน ดังนั้น การบริหารจัดการท้องถิ่นจึงต้องสอดคล้องและใกล้ชิดกับการบริหารระดับประเทศ พรรคประชาธิปัตย์มีความต้องการให้การบริหารส่วนท้องถิ่นมีความสำคัญมากขึ้นในทุกพื้นที่ สังเกตได้ชัดเจนจากความตั้งใจในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งที่ผ่านมา และพรรคประชาธิปัตย์ก็ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง
- การทำงานในระดับท้องถิ่นจะทำให้ได้มีโอกาสแสดงผลงานด้านการบริหารมากขึ้น
นั่นก็ถือเป็นเหตุผลหนึ่ง เพราะการนำนโยบาย รวมทั้งนวัตกรรมใหม่ๆ ของพรรคลงไปปฏิบัติในพื้นที่จริง จะทำให้ประชาชนเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ถึงข้อดีและข้อเสียของนโยบายต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ก่อนที่จะผลักดันและนำเสนอให้เป็นนโยบายระดับประเทศต่อไป และขณะนี้ได้ทำการรับฟังความเห็นจากประชาชนในจังหวัดสงขลา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการบริหารงานในท้องถิ่น เพื่อรับทราบปัญหาที่พื้นที่กำลังประสบอยู่ จะได้นำมากำหนดเป็นแนวนโยบายในการหาเสียงต่อไป
- ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่
ไม่มีการปรับ แม้ว่าผมจะลงไปเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น แต่ก็ยังคงเป็นรองเลขาฯเหมือนเดิม ส่วนเรื่องการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ของส่วนกลางหรือยุทธศาสตร์หลักๆ ของพรรคนั้น ต้องรอฟังจากหัวหน้าพรรค ขณะนี้ในส่วนของผมเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่ทำหน้าที่ของตนเองตามที่เราเห็นว่าเหมาะสม
- มีความกังวลในการลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งที่ดุเดือด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดสงขลามีความดุเดือด เพราะช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็มีความสูญเสียเกิดขึ้น ในกรณีที่นายพีระ ตันติเศรณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้น เราเองก็ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง เราไม่ใช่คนกำหนดเกมนี้ ต้องระมัดระวัง แต่ต้องไม่กลัว
- การลาออกจากเก้าอี้ระดับประเทศ ไปสู่สนามการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน
ผมเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์การทำงานในฐานะนักการเมืองท้องถิ่นมา 8 ปี รวมกับการทำงานในฐานะ ส.ส.อีก 21 ปี และการทำงานในตำแหน่งบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยประสบการณ์ที่มีมายาวนาน ทำให้มองเห็นปัญหาและแนวทางในการพัฒนาท้องถิ่น ผมเชื่อมั่นว่าสามารถพัฒนาจังหวัดสงขลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะการเป็นจังหวัดนำร่องในการเปิดประชาคมอาเซียน สงขลาเป็นประตูของการค้าอาเซียนในภาคใต้ ในแต่ละปีมีมูลค่าการค้าในแนวชายแดนปีละ 7 แสนล้านบาท ดังนั้น ในอนาคตการบริหารจัดการท้องถิ่นต้องมีบทบาทมากขึ้นและต้องดูแลชีวิตประชาชนทุกมิติ