Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ฅนสองเล

#1111
การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลาแทนนายพีระ ตันติเศรณี อดีตนายกฯ ที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา 2 อดีตรองนายกฯ ลงชิงกันเอง รองหมู จรัญ บิลพัฒน์ จากทีมพลังสังคม คว้าเบอร์ 1 ส่วนรองบ่าว สมศักดิ์ ตันติเศรณี ทีมสงขลาใหม่ ได้เบอร์ 2

การรับสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลา วันแรกมีผู้สมัครยื่นความจำนง 2 คนจาก 2 ทีม ดดยผู้สมัครทั้ง 2 ทีมมาก่อนเวลาทั้งคู่ จึงต้องมีให้จับฉลากหมายเลข ปรากฏว่าหมายเลข 1 นายจรัญ (หมู) บิลพัฒน์ ทีมพลังสังคม หมายเลข 2 นายสมศักดิ์ (บ่าว) ตันติเศรณี ทีมสงขลาใหม่ ซึ่งทั้ง 2 คน เคยนั่งรองนายกฯ ร่วมทีมกับนายพีระ มาก่อนทั้งคู่ โดยนายสมศักดิ์ ประกาศเน้นการทำหน้าที่สานต่อนโยบายของนายกพีระ เป็นสำคัญไม่ว่าจะเป็นถนนคนเดิน การอนุรักษ์ย่านเมืองเก่า ดูแลทรัพยาการธรรมชาติ รักษาสันทรายสวนสน ส่วนนายจรัญ บอกว่าจะเน้นทำงานการเมืองแบบสมานฉันท์ รวมทั้งเดินหน้าโครงการถนนคนเดินและผลักดันสงขลาสู่เมืองมรดกโลก

นอกจากการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีแล้วยังมีการรับสมัครเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเทศบาลแทนตำแหน่งที่ว่างอีก 3 ตำแหน่งด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป
#1112
โดย เนชั่นทันข่าว http://breakingnews.nationchannel.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าหน้าตำรวจ สน.นางเลิ้ง และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จะลงพื้นที่ในการจัดระเบียบการเร่ขายกล้วยทอด เพื่อไม่ให้ผู้ขายลงมาเดินเกะกะบนท้องถนน พร้อมแจ้งผู้ใช้รถใช้ถนน โปรดอย่าสนับสนุนการเร่ขายกล้วยทอดบนผิวการจราจร หากพบมีการเรียกซื้อขายกันบนท้องถนน ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ผู้ซื้อมีโทษปรับ 500 บาท

หากประชาชนท่านใดพบเห็นการเร่ขายกล้วยทอด หรือการซื้อขายบนถนน ขอความกรุณาถ่ายภาพส่งให้สำนักงานเขตผ่านทางอีเมล pom_prap@hotmail.com หรือแจ้งผ่านเฟซบุ๊กสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานนำไปจับปรับผู้กระทำความผิด เป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาเร่ขายกล้วยทอดอีกทางหนึ่งด้วยซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นมติที่ประชุมหลายฝ่ายทั้งสำนักงานเขต ตำรวจสน.นางเลิ้ง และเจ้าของร้านกล้วยทอดที่มีใบอนุญาต 6 ร้านในพื้นที่ประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันในช่วงที่ผ่านมา

ให้แต่ละร้านจัดทำบัญชีรายชื่อพร้อมภาพถ่ายลูกจ้างของร้านส่งให้ทางเขต และต้องควบคุมไม่ให้ลูกจ้างเร่ขายกล้วยทอดบนผิวจราจรเด็ดขาด พร้อมใช้มาตรการ ถ่ายภาพผู้เร่ขาย แล้วนำหลักฐานภาพถ่ายไปจับปรับที่ร้าน ในอัตราโทษสูงสุด 2,000 บาท ซึ่งผู้ค้าทุกรายรับทราบมาตรการดังกล่าวและตกลงให้ความร่วมมือ โดยเขตฯจะดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้26 พ.ย. 2555 เป็นต้นไป
#1113
โดย เนชั่นทันข่าว http://breakingnews.nationchannel.com

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นกับ มีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับคลื่นกระแสลมตะวันออกได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมอ่าวไทยตอนกลาง และภาคใต้ทำให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2555
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
#1114
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   25 พฤศจิกายน 2555 16:29 น.   

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผบก.สงขลาสั่งคุมเข้มเลือกตั้งนายก ทน.สงขลา จับตาความเคลื่อนไหวมือปืน มั่นใจไม่รุนแรง ผู้สมัคร 2 ทีมอยู่ขั้วเดียวกัน
       
       วันนี้ (25 พ.ย.) พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.จ.สงขลา เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร (ทน.) สงขลา แทนตำแหน่งที่ว่าง มีผู้สมัคร 2 คน คือ นายจรัญ บิลพัฒน์ และนายสมศักดิ์ ตันติเศรณี ซึ่งอยู่ทีมบริหารเดียวกัน มีการแข่งขันกันในเกม จึงคาดว่าจะไม่มีเหตุรุนแรง แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจเมืองสงขลา ร่วมมือกับ กกต.ท้องถิ่นดูแลการเลือกตั้ง และมีแผนป้องกัน และปราบปรามตลอดช่วงเวลาเลือกตั้ง คือ ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.55 จนถึงวันที่ 6 ม.ค.56 ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืน โดยได้ประสานกับตำรวจนอกพื้นที่ด้วย
       
       นายโชคชัย ผลวัฒนะ ผอ.กกต.จ.สงขลา เปิดเผยว่า การเลือกตั้งนายก ทน.สงขลา แทนตำแหน่งที่ว่างในวันที่ 6 ม.ค.56 จะมีการแข่งขันกันในเกมสูงแน่นอน แต่นอกเกมจะไม่มีเหตุร้ายแรง เนื่องจากผู้สมัครทั้ง 2 ทีม เป็นเพื่อนฝูงทำงานร่วมทีมเดียวกัน แต่เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีการทำสมานฉันท์เลือกตั้ง ลงพื้นที่ประสานกับอาสาสมัคร กกต.ในพื้นที่ติดตามหาข่าวความเคลื่อนไหวของผู้สนับสนุน และประสานกับตำรวจ และฝ่ายปกครองตั้งชุดเฉพาะกิจป้องกันการทำผิดกฎหมาย
       
       
#1115
โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หาดใหญ่โพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน จ.สงขลา เรื่อง เศรษฐกิจ และประชานิยมในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 พบว่า ประชาชนสงขลามีรายจ่ายมากกว่ารายได้ร้อยละ 50.3 ร้อยละ 70.8 นโยบายประชานิยมจะทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินเหมือนสหภาพยุโรป ปัญหาราคาน้ำมัน และปัญหาการคอร์รัปชัน เป็นปัญหาที่ได้รับผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุด และปัญหาการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล มากที่สุด รองลงมา เป็นปัญหาการคอร์รัปชัน และปัญหาเศรษฐกิจ
       
       หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดสงขลา เกี่ยวกับเศรษฐกิจและประชานิยมในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชน จำนวน 1,002 ตัวอย่าง และใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 16-21 พฤศจิกายน 2555 สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
       
       กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 71.6 อายุระหว่าง 31-40 ปี ร้อยละ 42.5 รองลงมา มีอายุระหว่าง 21-30 ปี ร้อยละ 32.8 และอายุ 18-20 ปี ร้อยละ 12.0 ตามลำดับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างมีอาชีพพนักงานบริษัท/ลูกจ้าง ร้อยละ 31.6 รองลงมา ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย รับจ้างทั่วไป นักเรียน/นักศึกษา และข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 21.2, 15.9, 15.6 และ 10.0 ตามลำดับ
       
       รศ.ทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ประชาชนจังหวัดสงขลา ร้อยละ 50.3 มีสถานะการเงินโดยมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ และร้อยละ 26.2 ไม่เหลือเก็บแต่ไม่มีหนี้สิน มีเพียงร้อยละ 23.5 มีสถานะการเงินโดยมีรายได้มากกว่ารายจ่าย นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 69.5 มีภาระหนี้สินโดยที่ประชาชนร้อยละ 30.4 มีภาระหนี้ไม่เกิน 50,000 บาท รองลงมา มีภาระหนี้สิน 200,001-500,000 บาท และ 50,001-100,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.5 และ 10.5 ตามลำดับ
       
       ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 75.1 สามารถเก็บเงินในแต่ละเดือนได้ โดยที่ประชาชนร้อยละ 38.4 สามารถออมเงินได้แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือนมากที่สุด รองลงมา 1,001-3,000 บาทต่อเดือน และ 5,001-10,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 15.4 และ 10.1 ตามลำดับ และประชาชนร้อยละ 24.9 ที่ไม่สามารถออมเงินได้
       
       ประชาชนร้อยละ 36.4 เห็นว่า ปัญหาการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลมากที่สุด รองลงมา เป็นปัญหาการคอร์รัปชัน และปัญหาเศรษฐกิจ คิดเป็นร้อยละ 22.2 และ 21.5 ตามลำดับ ทั้งนี้ ประชาชน ร้อยละ 46.9 มีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด และร้อยละ 52.3 มีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับปานกลาง มีเพียงร้อยละ 10.8 มีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้า/อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด
       
       ประชาชนจังหวัดสงขลา ภาพรวมของปัญหาที่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 4.51 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 7 คะแนน) และเมื่อพิจารณาตามประเด็นของปัญหา พบว่า ประชาชนเห็นว่าปัญหาราคาน้ำมัน และปัญหาการคอร์รัปชันในแวดวงการเมือง/ราชการ เป็นปัญหาที่ได้รับผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.91 คะแนน รองลงมา ปัญหาเกี่ยวกับการปรับขึ้นของราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาสภาพเศรษฐกิจของประเทศ และปัญหายาเสพติดในชุมชนโดยมีค่าเฉลี่ย 4.86, 4.80, 4.73 และ 4.58 ตามลำดับ
       
       ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 73.6 คิดว่า การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย มีเพียงร้อยละ 26.4 ที่คิดว่าการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย
       
       ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 70.8 เห็นว่า นโยบายประชานิยมจะทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินเหมือนสหภาพยุโรป และร้อยละ 29.2 เห็นว่า นโยบายประชานิยมไม่ทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินเหมือนสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 78.9 คิดว่า นโยบายประชานิยมส่งผลเสียให้แก่เศรษฐกิจไทยมากกว่าผลดีทางเศรษฐกิจ (ร้อยละ 21.1 )
       
       นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 63.2 เห็นว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกรมีประโยชน์ต่อเกษตรมากกว่านโยบายจำนำข้าว 15,000 บาท โดยที่ประชาชนร้อยละ 51.6 ต้องการเห็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ช่วยลดราคาสินค้ามากที่สุด รองลงมา ลดราคาน้ำมัน และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร คิดเป็นร้อยละ 20.5 และ 13.1 ตามลำดับ
#1116
โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com

   
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวประมงเรือไดหมึกหยุดออกเรือ หลังจับปลาหมึกได้น้อยลงไม่คุ้มค่าใช้จ่าย สาเหตุเพราะผู้รับสัมปทานขุดเจาะน้ำมันใกล้ฝั่งจังหวัดสงขลา นำเรือสำรวจปฏิบัติการลากสายเคเบิลคลื่นไหวสะเทือนในทะเลสำรวจหาแหล่งน้ำมัน ส่งผลให้ปลาหมึกที่เคยมีจำนวนมากหายไปจากทะเลชายฝั่งจังหวัดสงขลา
       
       วันนี้ (25 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงใหม่ อ.เมือง จ.สงขลา เรือไดปลาหมึกทยอยเข้าเทียบท่าเรือเพื่อนำสินค้าสัตว์น้ำขึ้นท่าส่งให้แก่แม่ค้าและแพปลา หลังจากนั้น ก็จะนำเรือไปจอดหยุดออกเรือทำการประมง เนื่องจากพบว่า ปลาหมึกที่เคยจับได้ในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก หายไปจากน่านน้ำชายฝั่งทะเลจังหวัดสงขลา ปลาที่จับได้เป็นปลาข้างเหลืองเป็นส่วนใหญ่ ส่วนปลาหมึกได้น้อยมาก ทำให้ไม่คุ้มค่าใช้จ่ายในการออกเรือในแต่ละครั้ง ในขณะนี้เรือไดปลาหมึกเข้ามาจอดที่ท่าเทียบเรือประมงใหม่สงขลาแล้วกว่า 40 ลำ สาเหตุเนื่องจากผู้รับสัมปทานขุดเจาะน้ำมันใกล้ฝั่งจังหวัดสงขลา นำเรือสำรวจปฏิบัติการลากสายเคเบิลคลื่นไหวสะเทือนในทะเลสำรวจหาแหล่งน้ำมัน ส่งผลให้ปลาหมึกที่เคยมีจำนวนมากหายไปจากทะเลชายฝั่งจังหวัดสงขลา
       
       นายสะอาด อรุณเหลือง อายุ 51 ปี เจ้าของเรือไดปลาหมึกทรัพย์ชโรธร กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ไต๋เรือบอกว่า จับปลาหมึกได้ 10 กว่ากิโลกรัม ไม่พอค่าน้ำมันเลยต้องนำเรือเข้าฝั่ง สาเหตุเพราะเรือสำรวจลากสายเคเบิล เมื่อก่อนในช่วงนี้มีลมมีคลื่นจะต้องได้ปลาหมึกลำละ 1,000-2,000 กิโลกรัม แต่ตอนนี้ได้ 500-600 กิโลกรัมเท่านั้น โดยออกเรือไปทำการประมงครั้งละ 12 วัน วันหนึ่งจับปลาหมึกได้ 40-50 กิโลไม่พอค่าน้ำมันต้องนำเรือมาจอด ปกติจะทำการประมงบริเวณหน้าอำเภอสทิงพระ ชายฝั่งทะเลจังหวัดสงขลา เวลาเรือสำรวจลากสายเคเบิลมันสะเทือนไปหมด ไม่มีปลาหมึก ปลาหมึกหนีไปหมดเลย ตอนนี้ก็ต้องจอดไปคอยดูต้นน้ำหน้า ถ้ามีลมก็ออกไม่ได้อีก ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เดือดร้อนกันไปทั่ว
       
       นายสะอาด กล่าวเพิ่มเติมว่า เรือใหญ่ขนาดนี้เติมน้ำมันครั้งละ 80-100 ลิตร ค่าน้ำมันตก 2,500-3,000 บาทต่อคืน ค่าลูกเรือประมงอีก 5-6 คนคนละ 4,000 บาท/เดือน ไม่พอค่าน้ำมัน รวมแล้วเดือนหนึ่งไม่ถึง 150,000 บาท ไม่ได้มา 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่มีการนำเรือสำรวจมาลากสายเคเบิล
       
       สำหรับเรือสำรวจปฏิบัติการลากสายเคเบิล เพื่อสำรวจหาแหล่งน้ำมัน เป็นการหาพื้นที่ซึ่งอาจจะอุ้มน้ำมัน หรือลักษณะของหินใต้ดิน โดยเวลาลากสายเคเบิลสำรวจน้ำมันจะทำการปล่อยสายลงน้ำ ยาวประมาณ 3 กม. และขณะปฎิบัติงานจะมีเรือคุ้มกันขนาบสองข้าง เพื่อป้องกันมิให้เรือประมงลำอื่นๆ วิ่งข้ามมา มิฉะนั้น จะเกิดการชำรุดเสียหายกับสายเคเบิล และคอมพิวเตอร์ของเรือลากสาย เวลาเรือประมงที่ลากอวนผ่าน การสำรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการทำการประมงของชาวประมง
       
       ขั้นตอนการสำรวจหาข้อมูลเพื่อหาแหล่งน้ำมันโดยการทำให้เกิดเสียงผ่านไปยังใต้พื้นโลก แล้ววัดเสียง หรือความสั่นสะเทือนที่สะท้อนกลับมา จะทำให้รู้รายละเอียดของชั้นหินมากขึ้น เมื่อพบว่าลักษณะของชั้นหินเป็นลักษณะที่มีโอกาสมีน้ำมัน อาจทำการขุดเจาะเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
       
#1117
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   23 พฤศจิกายน 2555 21:00 น.   

   
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จับเรือน้ำมันเถื่อน 2,000 ลิตร พร้อมยึดเงินสดสกุลเงินมาเลเซีย 4.8 ล้านริงกิต หรือประมาณ 50 ล้านบาท คุมตัวไต้ก๋ง และลูกเรือรวม 5 คนดำเนินคดี สารภาพเป็นของ ?เสี่ยโจ้? นักธุกิจใหญ่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี
       
       เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำสงขลา พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลางที่ 1 งานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุมเรือโชคนำชัย 2 ซึ่งเป็นเรือประมงดัดแปลงเพื่อบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง มีน้ำมันดีเซลประมาณ 2,000 ลิตรอยู่ในลำเรือ แต่ไม่มีใบอนุญาตขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
       
       และจากการตรวจค้นภายในเรือ ยังพบเงินที่ใช้สำหรับซื้อน้ำมันเถื่อนอีก ซึ่งเป็นสกุลเงินมาเลเซีย จำนวน 4.8 ล้านริงกิต คิดเป็นเงินไทยประมาณ 50 ล้านบาท อยู่ในกล่องกระดาษจำนวน 6 กล่อง เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดเอาไว้ พร้อมควบคุมตัวนายบุญเกิด มณี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ถ.ธรรมคุณากร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นไต้ก๋ง หรือผู้ควบคุมเรือ และลูกเรืออีก 4 คนมาทำการสอบสวน เบื้องต้น ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่เพียงวิ่งส่งน้ำมันเถื่อนให้แก่ลูกค้าเท่านั้น โดยเรือลำดังกล่าวเป็นของ ?เสี่ยโจ้? (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง)
       
       โดยการจับกุมเรือประมงดัดแปลงบรรทุกน้ำมันเถื่อน และยึดเงินสดเกือบ 50 ล้านบาทในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่งานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้วางแผนทำการจับกุม ร่วมกับ พ.ต.อ.จตุพร กลัมพสุต หัวหน้าชุดเฉพาะกิจป้องกันภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ พ.ต.ท.มนตรี บุญยโยธิน ผู้บังคับการสำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบกรมสอบสวนคดีพิเศษ
       
       โดยได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มผู้กระทำผิดใช้เรือประมงดัดแปลงออกไปซื้อน้ำมันดีเซลที่ไม่ได้เสียภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นน้ำมันเถื่อน และลักลอบขนน้ำมันดังกล่าวเข้าประเทศเพื่อจำหน่ายให้แก่เรือประมงในทะเลบริเวณน่านน้ำ จ.ปัตตานี และ จ.สงขลา กระทั่งเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (22 พ.ย.) พบเรือโชคนำชัย 2 มีลักษณะตามที่สายลับแจ้ง กำลังแล่นออกไปรับซื้อน้ำมันเถื่อนจากเรือของกลุ่มผู้ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเถื่อน เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุมขณะที่กลุ่มเรือลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนไหวตัวทันหลบหนีไปได้
       
       เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไต้ก๋ง และลูกเรือพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันนำเรือพาของ (น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล) ที่ยังมิได้เสียภาษี หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ในการนำของ (น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล) ที่นำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของ (น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล) อันตนรู้ว่าเป็นของ (น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล) ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ดำเนินคดี
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลเพื่อสาวไปถึง ?เสี่ยโจ้? ซึ่งเป็นเจ้าของเรือลำดังกล่าว และเจ้าของเงิน ซึ่งทราบว่า เป็นนักธุรกิจใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี มีกิจการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเล และกิจการค้าไม้
#1118
โดย เนชั่นทันข่าว http://breakingnews.nationchannel.com

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวนคดีฆ่านายพีระ ตันติเศรณี เร่งตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ หลังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ตรวจสอบเสร็จแล้ว มาร่วมกันพิจารณาเพื่อเตรียมเสนอต่อพล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีฆ่านายกเทศมนตรีนครสงขลา เพื่อออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ส่วนความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนดำเนินคดีกับคนร้ายและออกหมายจับผู้ต้องที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งควบคุมกำกับดูแลชุดสอบสวน คลี่คลายคดี เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าของชุดสอบสวนคลี่คลายคดีฆ่านายพีระ ซึ่งขณะนี้คืบหน้าไปมาก ซึ่งก็ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ต่าง ๆมาร่วมกันพิจารณาเพื่อเตรียมเสนอต่อพล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีฆ่านายกเทศมนตรีนครสงขลาในช่วงบ่ายของวันนี้(22 พ.ย.)ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เพื่อเสนอออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สำหรับหมายจับรายล่าสุด คือ นายฉ้วน หมวดมี ชาว อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง ที่ได้มีการออกหมายจับไปแล้ว หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านที่จังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา พบว่ามีส่วนพัวพันกับคดีฆ่านายพีระ ตันติเศรณี โดยเป็นเจ้าของรถคุ้มกันมือปืน เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดกุญแจรถยนต์คันที่จอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งสงขลาได้ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังรอหลักฐานบางอย่างเพื่อยืนยันความชัดเจน ในส่วนพัวพันกับคดีฆ่านายพีระ ตันติเศรณี จึงได้ออกหมายจับในคดีครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเอาไว้ก่อน หากมีหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาก็สามารถที่จะเพิ่มข้อหาได้อีก

ทางพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีกว่า 17 นายจากสถานีตำรวจต่างๆในจ.สงขลา ยังคงเร่งทำสำนวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้จากการสอบปากคำพยานรวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยึดมาได้ตั้งแต่วันเกิดเหตุ และหลักฐานที่ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ตรวจสอบเสร็จแล้วและส่งมอบให้ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี สำหรับออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องและใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งสามคน ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานสำคัญหลายชิ้นที่จะมัดตัวคนร้ายและออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้
#1119
เทศบาลนครสงขลา รับสมัครเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 1, 2 และ 4 (แทนตำแหน่งที่ว่าง) ในระหว่างวันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2555 เวลา 08.30-16.30 น. ณ ห้องประชุมสารภี 2 ชั้น 5 สำนักงานเทศบาลนครสงขลา
#1120
โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา โดยมีประชาชนเรือนหมื่นร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ณ ฌาปนสถานวัดแหลมทราย อ.เมืองสงขลา
       
       วันนี้ (15 พ.ย.) เวลา 16.00 น. ที่ฌาปนสถานวัดแหลมทราย อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ซึ่งถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมี นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ข้าราชการ และประชาชนเรือนหมื่นร่วมไว้อาลัยให้แก่นายพีระ เป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว และญาติมิตร ขณะเดียวกัน สร้างความปีติ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้
       
       ทั้งนี้ ก่อนจะเข้าสู่พิธีพระราชทานเพลิงศพ ทางคณะเจ้าภาพ โดยนางมาลี ตันติเศรณี มารดาของนายพีระ ตันติเศรณี ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ 7 โรงเรียน คือ โรงเรียนเทศบาล 1 ถนนนครนอก, โรงเรียนเทศบาล 2 อ่อนอุทิศ, โรงเรียนเทศบาล 3 วัดศาลาหัวยาง, โรงเรียนเทศบาล 4 บ้านแหลมทราย, โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก, โรงเรียนวัดหัวคุ้ง ตำบลคลองแดน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา และโรงเรียนมหาวชิราวุธ ในพระอุปถัมภ์
       
       ต่อจากนั้น มีพิธีทอดผ้าไตรบังสุกุล โดยตัวแทนจากแขกผู้มีเกียรติ จำนวน 22 ผืน ผู้อัญเชิญหีบเพลิงพระราชทานขึ้นสู่เมรุประกอบพิธี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานในพิธีจุดเพลิงพระราชทานเพลิงศพ นำคณะสงฆ์ขึ้นวางดอกไม้จันทน์ และแขกผู้มีเกียรติ ประชาชนขึ้นวางดอกไม้จันทน์
#1121
โดย เนชั่นทันข่าว http://breakingnews.nationchannel.com

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุดีเปรสชัน ฉบับที่ 9 ว่าเมื่อเวลา 0100 น. วันนี้ (16 พ.ย.55) พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณใกล้เมืองโฮจิมินห์ และได้อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ อ่าวไทยตอนบน ในช่วงวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2555 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ตอนบนบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร มีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงที่แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นกับมีลมแรง
#1122
ประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ฉบับที่ 2(29/ 2555) เรื่อง คลื่นลมแรงในอ่าวไทยตอนบน

            พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 9.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. และกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ อย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนตัวผ่านปลายแหลมญวนและส่งผลกระทบต่อสภาวะอากาศของภาคใต้และอ่าวไทย ในระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย.55 นี้ โดยจะทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค

            สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น บริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นไป ทะเลมีคลื่นจัด ความสูงของคลื่น 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือและชาวประมงเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ในช่วงดังกล่าว

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก
ออกประกาศวันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤศจิกายน 2555  เวลา 06.30 น.


ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก
โทร (074) 311760 โทรสาร (074) 311065
www.songkhla.tmd.go.th
www.songkhlamet.org
#1123
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   15 พฤศจิกายน 2555 11:13 น.   

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ยังคงไล่ล่า นายนิวัฒน์ รัตน์แก้ว ผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังคงหลบหนี เจ้าหน้าที่ทราบเครือข่ายทีมสังหาร และผู้บงการฆ่านายกเทศมนตรีหมดแล้ว มีทั้งหมด 7 คน ทีมฆ่า 6 คน และผู้บงการอีก 1 คน ใช้รถยนต์ก่อเหตุ 5 คัน ยึดมาได้แล้ว 3 คัน รอรวบรวมพยานหลักฐานทยอยออกหมายจับ บ่ายวันนี้จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพโดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธาน
       
       ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีฆ่า นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ซึ่งครบหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ถูกคนร้ายลอบสังหารเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่หน้าสำนักงานสงขลาฟอรั่ม เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งได้มีการออกหมายจับทีมมือปืนไปแล้ว 2 คน คือนายไพศาล หนูพันธ์ ซึ่งได้มอบตัวไปแล้ว และนายนิวัฒน์ รัตน์แก้ว ซึ่งยังคงหลบหนี
       
       ล่าสุด ในส่วนของความคืบหน้าการสืบสวนติดตาม นายนิวัฒน์ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมได้ และยังไม่ติดต่อเข้ามอบตัวต่อตำรวจ และจากการเข้าตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 65 ม.3 ต.โรง อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา และที่ภูมิลำเดิมที่ อ.ระโนด ก็ไม่พบตัว และจากเบาะแสที่ได้ทราบว่าได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปก่อน 2 วัน ก่อนที่จะถูกออกหมายจับ และเจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่น่าจะเข้ามอบตัว ทางชุดสืบสวนจึงยังคงเร่งไล่ล่าเพื่อติดตามจับกุม
       
       ส่วนความคืบหน้าด้านคดีในวันนี้ (15 พ.ย.) ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 จะนำหลักฐานบางส่วนที่ตรวจพิสูจน์เสร็จแล้ว โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝง และวัตถุพยานที่เก็บจากจุดต่างๆ เช่น รถยนต์ของคนร้ายนำมาส่งให้แก่พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบสำนวนคดีมัดตัวทั้งผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ถูกออกหมายจับ และผู้ที่เกี่ยวข้องที่เหลือ และในวันนี้เจ้าหน้าที่อาจจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอศาล จ.สงขลา ออกหมายจับคนร้ายอีก 1 คน ซึ่งเป็นทีมมือปืน
       
       ขณะที่ในช่วงบ่ายของวันนี้ เวลา 15.30 น. จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายพีระ ที่วัดแหลมทราย โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินทางมาเป็นประธาน
       
      สรุปเครือข่ายทีมสังหารมีทั้งหมด 7 คน ทีมฆ่า 6 และ 1 ผู้บงการ ทยอยออกหมายจับ
       
       เจ้าหน้าที่ทราบเครือข่ายทีมสังหาร และผู้บงการฆ่านายกเทศมนตรีหมดแล้ว มีทั้งหมด 7 คน ทีมฆ่า 6 คน และผู้บงการอีก 1 คน ใช้รถยนต์ 5 คัน ในการก่อเหตุ ขณะนี้ยึดมาได้แล้ว 3 คัน รอรวบรวมพยานหลักฐานทยอยออกหมายจับ
       
       มีรายงานจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบเครือข่ายทีมสังหาร และผู้บงการฆ่านายพีระ หมดแล้วโดยคดีนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน เป็นทีมฆ่า 6 คน และผู้บงการอีก 1 คน ใช้รถยนต์ในการลงมือก่อเหตุ 5 คัน เจ้าหน้าที่ติดตามคืนมาได้แล้ว 3 คัน และผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้รวมทั้งรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ล้วนเชื่อมโยงกับนักการเมืองใหญ่ท้องถิ่นคนหนึ่งในพื้นที่ จ.สงขลา ขณะนี้รอเพียงการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทยอยออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจ่อออกหมายจับผู้ต้องหาคนที่ 3 ซึ่งอยู่ในทีมมือปืนในวันสองวันนี้
       
       นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังคงเร่งติดตามจับกุม นายนิวัฒน์ รัตน์แก้ว ที่ถูกออกหมายจับ และยังคงหลบหนีการจับกุม พร้อมทั้งยังคงกระจายกำลังพื้นที่ตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยที่เชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งในวันนี้ได้ลงพื้นที่ใน อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอาวุธปืนเอ็ม 16 และคาร์บินที่ใช้ก่อเหตุ
#1124
"อุทิศ ชูช่วย" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอบคุณที่มีผู้ให้กำลังใจ หลังตกเป็นจำเลยสังคมคดียิง "พีระ ตันติเศรณี" ขณะที่น้องชายส่งทนายลงบันทึกประจำวันยืนยันบริสุทธิ์

                13พ.ย. ความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุยิงนายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมตรีเทศบาลนครสงขลาเสียชีวิตอย่างอุกอาจกลางเมืองสงขลาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา และนายไพศาล หนูพันธ์ ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ล่าสุดศาลได้ออกหมายจับนายนิวัฒน์  รัตนแก้ว เพิ่มอีกราย  เจ้าหน้าที่ทีมชุดสืบสวนสอบสวนได้เร่งขยายผลเพื่อหาความเชื่อมโยง รวมถึงเตรียมเชิญตัวผู้ที่เข้าข่ายที่มีส่วนในความขัดแย้งและเป็นชนวนสังหารมาให้ปากคำในคดีที่เกิดขึ้นซึ่งรวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นและน้องชายเจ้าของสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ ที่คนร้ายได้นำรถยนต์กระบะที่ใช้ก่อเหตุไปจอดทิ้งไว้และเป็นอดีตคู่แข่งทางการเมืองของนายพีระสมัยการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลาเมื่อปี2552 ที่ผ่านมา

                ขณะที่นายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พี่ชายของนายกิตติ ชูช่วย ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวชื่อ "อุทิศ ชูช่วย" มีข้อความระบุว่า  "ผม นายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลา ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ผมตลอดมาครับ"  ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวถือเป็นข้อความที่ปรากฎขึ้นหลังจากเกิดเหตุยิงนายพีระ กระทั่งเกิดการวิพากวิจารณ์ในสังคมออนไลน์เป็นวงกว้างถึงความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะน้องชายและนายไพศาลคนสนิท และสื่อมวลชนแขนงต่างๆพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์แต่นายอุทิศปฎิเสธว่ายังไม่พร้อมให้ข้อมูลและไม่ขอให้ข้อมูลใดๆมาก่อน ขณะเดียวกันในเฟซบุ๊กของนายอุทิศนั้นก็มีผู้ที่เข้ามาเขียนข้อความให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

                อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 วันมีรายงานว่านายกิตติได้ส่งทนายความส่วนตัวเข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ใจและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจหากมีการเรียกตัวมาสอบสวนและยืนยันว่าไม่ได้มีการหลบหนีตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ตร.9เร่งสอบพยานแวดล้อม60ปาก

                ด้านพล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค9 กล่าวว่า ในการสอบสวนพยานแวดล้อม  ได้ระดมพนักงานสอบสวนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค9   รวม 17 นาย มาร่วมสอบปากคำพยานในคดีนี้ซึ่งมีอยู่ถึง 60 ราย เนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.เมือง   ไม่เพียงพอ โดยขณะนี้ได้สอบปากคำแล้วเสร็จไป 20   ราย  ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และจะนำไปประกอบสำนวนการสอบสวนประกอบวัตถุพยานและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งที่ถูกออกหมายจับทั้ง 2 คน รวมทั้งใช้เป็นหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อีก 4 คน ทั้งทีมฆ่าและผู้บงการ

                "ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 2 ราย เรามีพยานหลักฐานชัดเจน ส่วนที่เหลือหากมีการสอบสวนและหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงก็จะออกหมายจับเช่นกันไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สำหรับ นายนิวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคนล่าสุดนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างการหาเบาะแสเพื่อจับกุมและหากต้องการเข้ามอบตัวทางตำรวจก็พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรม"  พล.ต.ท.พิสิฎฐ์  กล่าว

เยาวชนกลุ่มบีชฟอร์ไลฟ์สานเจตนารมณ์"พีระ"

               นายอภิศักดิ์ ทัศนี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในฐานะแกนนำเยาวชนกลุ่ม ?กลุ่มบีช ฟอร์ ไลฟ์? (Beach For Life) เปิดเผยว่า แม้นจะไม่มีนายพีระแต่ภารกิจที่การอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชายหาดสมิหราและพิทักษ์แหลมสนอ่อน ที่นายพีระผลักดันและสนับสนุนกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในการขับเคลื่อนเรื่องนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยกลุ่มเยาวชนสงขลาพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

กกต.สงขลาเล็งเคาะเลือกตั้ง5-6 ม.ค.ลือน้องชาย"พีระ"ลงชิง

               นายโชคชัย ผลวัฒนะ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลา (กกต.) เปิดเผยว่า  หลังจากเกิดเหตุคนร้ายยิงนายพีระเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ในด้านกฎหมายการเลือกตั้งนั้น ได้มีการกำหนดชัดเจนว่าจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครสงขลาที่ว่างภายใน 60 วัน ซึ่งหากไล่นับวันตั้งแต่เกิดเหตุแล้ว คือวันที่ 7 พ.ย.55 จะพบว่าวันสุดท้ายของการเลือกตั้งตรงกับวันที่ 6 ม.ค.56 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์พอดี

               ดังนั้นเบื้องต้นกกต.สงขลาจึงได้เตรียมเสนอให้มีการหารือพิจารณาให้กำหนดวันเลือกตั้งในช่วง 2 วัน คือ ในวันเสาร์ที่ 5 ม.ค. และ วันอาทิตย์ที่ 6 ม.ค. ส่วนวันที่เปิดรับสมัครการเลือกตั้งนั้นเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 26-30 พ.ย.นี้ หรือ อาจขยับไปในช่วงต้นเดือนธันวาคม
#1125
โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com

       คอลัมน์ : ด้ามขวานผ่าซาก
       โดย...ปิยะโชติ อินทรนิวาส

       หากเป็นดั่งที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนตั้งธงไว้ว่า เป็นความขัดแย้งทางการเมือง การตายของ ?พีระ ตันติเศรณี? อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา นั่นคือ ภาพสะท้อนที่แจ่มชัดของความสามานย์ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ
       
       นั่นคือ การฉีกม่านบังตาให้เห็นธาตุแท้ของบรรดานักการเมือง ที่เอาแต่ทำสงครามแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างกัน มากกว่าจะรังสรรค์งานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
       
       นั่นคือ ไม่ต่างจากสปอตไลต์ส่องฝ่าความมืดไปฉายให้ว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในหมู่นักเลือกตั้ง หากเกิดขัดแข้ง ขัดขา หรือขัดผลประโยชน์ พวกเขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นทำลายล้าง หรือไม่ก็หยิบยื่นความตายให้แก่กันได้แบบไม่อินังขังขอบอะไรเลย
       
       แต่ที่สำคัญนั่นคือ เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนที่ชี้ชัดอย่างเป็นที่ประจักษ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากกลุ่ม ก๊วน หรือแก๊งการเมืองอื่นๆ ที่ยื้อแย่งสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นครองอำนาจรัฐ
       
       การลอบสังหารนายพีระด้วยอาวุธสงครามอย่างโหดเหี้ยมเมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้จะมีการฟันธงไปแล้วว่า สาเหตุหลักเกิดจากความขัดแย้งในผลประโยชน์การเมืองระดับท้องถิ่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีความเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทางการเมืองในระดับชาติอย่างยากที่จะแยกออกจากกันได้ เพราะในความเป็นจริง ไม่ว่าจะการเมืองท้องถิ่น หรือระดับชาติ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนในเครือข่ายเดียวกัน
       
       นับตั้งแต่นักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ก่อร่างสร้างระบอบทักษิณขึ้นมาครอบงำสังคม ต้องถือเป็นการเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยสู่ยุคใหม่อย่างมีนัยสำคัญ ดูเหมือนมีเพียงประชาธิปัตย์เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับพรรคการเมืองในระบอบทักษิณได้ ไม่ว่าจะไทยรักไทย พลังประชาชน หรือเพื่อไทยในปัจจุบัน ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ถูกแปรให้เป็นตัวประกอบที่รอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจับเชิดขึ้นไปร่วมรัฐบาลเท่านั้น
       
       แต่จะว่าประชาธิปัตย์กับระบอบทักษิณคือ มวยถูกคู่ เวลานี้ก็คงพูดกันได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะนโยบายประชานิยมที่พรรคการเมืองในระบอบทักษิณหว่านโปรยไปมอมเมาประชาชนมันช่างตื่นตาตื่นใจ และส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่เสพติดกันเพลิดเพลินแบบซึมลึกไปแล้ว
       
       หลังๆ มานี่มองไปในสนามการเมืองที่ว่าด้วยตัวเลข ส.ส.ที่จะใช้ยกมือตั้งรัฐบาล แทบไม่มีพรรคไหนเทียบชั้นเพื่อไทยได้ จนเกิดวาทกรรมเย้ยหยันไม่ว่าจะเลือกตั้งอีกกี่ครั้ง ประชาธิปัตย์ก็มีแต่แพ้กับแพ้ โอกาสที่จะสอดแทรกขึ้นเสวยอำนาจรัฐกับเขาบ้างก็ต้องรอให้ทหารลากรถถังออกไปทำรัฐประหารเปลี่ยนขั้วให้เท่านั้น ซึ่งในสภาวการณ์ปัจจุบันก็เป็นไปได้ยากยิ่ง
       
       เมื่อเป็นเช่นนี้ หนทางแสวงประโยชน์ในสนามการเมืองระดับชาติของพลพรรคประชาธิปัตย์นับวันมีแต่จะแคบลงเรื่อยๆ คนที่จ่อคิวเป็นรัฐมนตรี หรือมีตำแหน่งแห่งหนเกิดอาการฝันค้างไปตามๆ กัน มิพักต้องพูดถึงพวกมุ่งมั่นหวังจะไต่เต้าถีบตัวเองไปเข้าคิวรอขึ้นวอเป็นเสนาบดีที่ยังมีแถวยาวเหยียด
       
       จึงไม่แปลกที่คนประชาธิปัตย์ในสนามการเมืองระดับชาติจำนวนมากจะผินหน้าหันมาลงเล่นการเมืองในระดับท้องถิ่น เพราะพวกเขาเห็นหนทางชัดแจ้งที่จะแสวงประโยชน์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมากกว่า และส่วนมากก็ไปกระจุก และแย่งชิงกันในสนามท้องถิ่นระดับใหญ่ ซึ่งแต่ละปีมีตัวเลขงบประมาณระดับพันล้านว่างรอให้เห็นกันจจะ ไม่ว่าจะเป็นองการบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาลนคร หรือเทศบาลเมือง
       
       จึงไม่แปลกที่บนแผ่นดินด้ามขวานอันเป็นฐานที่มั่นของประชาธิปัตย์ หลายปีติดต่อกันมาแล้วที่เราได้เห็นความสับสนวุ่นวายในสนามการเมืองท้องถิ่นใหญ่ๆ มีการแบ่งขั้วแยกข้างแย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์กันเองอย่างมันหยดอยู่ในหลายจังหวัดของภาคใต้ เลือกตั้งสนามท้องถิ่นกันแต่ละครั้ง จะเห็นบรรดาสะตอสีฟ้าฟาดฟันกันนัวไปถ้วนทั่วตั้งแต่ชุมพรยันนราธิวาส
       
       อีกทั้งไม่แปลกเช่นกันที่การตายของนายพีระ ไม่ใช่ส่งผลรุนแรงต่อสนามนครสงขลาเท่านั้น ยังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปยัง อบจ.สงขลา แต่ที่สำคัญคือ ได้สร้างความสั่นไหวให้เกิดขึ้นภายในประชาธิปัตย์อย่างรุนแรงเอาการทีเดียว
       
       หลายคนชี้ว่าเป็นปัญหาภายในของ ?มหาฯ คอนเน็กชัน? บ้าง เป็นว่าเรื่องของ ?ระโนดคอนเน็กชัน? บ้าง แต่สำหรับผมแล้ว ?ปชป.คอนเน็กชัน? นี่แหละที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่นำมาสู่การเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
       
       เชื่อว่าปัญหาความขัดแย้งภายในของประชาธิปัตย์ในพื้นที่ จ.สงขลานั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และน่าจะดียิ่งเสียกว่าที่มีการวิเคราะห์วิจารณ์ในแวดวงสภากาแฟของชาวสงขลาเสียด้วย
       
       ดังนี้แล้ว ในวันฌาปนกิจศพนายพีระพฤหัสที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ถูกเชิญให้เป็นประธานในพิธี นายอภิสิทธิ์จึงควรต้องเจียดเวลาหาทางคลี่คลายปัญหาภายในของ จ.สงขลาให้ได้ในระดับที่ไม่ควรต้องให้กระทบกระเทือนถึงพรรคมากไปกว่านี้
       
       การใช้วิธีบริหารแบบไม่บริหารอย่างที่เคยทำมา ไม่น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้น เรื่องราวอาจจะลุกลามจนกลายเป็นอีกปัจจัยให้พรรคเดินไปสู่หุบเหวแห่งความเสื่อมสลายได้
       
       ห้วงเวลานี้ในสังเวียนการเมืองแบบไทยๆ ประชาธิปัตย์ไม่ใช่แค่เป็นรองระบอบทักษิณ แต่ยังออกอาการสะบักสะบอมขั้นสาหัสสากรรจ์พอสมควร มีเพียงแต่พลังของภาคประชาชนเท่านั้นที่จะลุกขึ้นต่อกร และพร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้
       
       นายอภิสิทธิ์จึงไม่ควรมองข้ามพลังของพี่น้องประชาชนชาวสงขลา ยิ่งหลายปีมานี้ถูกจัดว่าเป็นเหมือนทัพหลวงของภาคใต้ที่เข้าร่วมชุมนุมไล่ให้นักโทษชายทักษิณให้ต้องกระเจิดกระเจิงออกไปร่อนเร่อยู่นอกประเทศ
       
       ต้องขอบอกไว้ด้วยว่า ณ เวลานี้ ชาวสงขลาตื่นตัวที่จะร่วมกับพี่น้องประชาชนจากทั่วทุกสารทิศล้างคราบไคลการเมืองน้ำเน่า ขจัดนักเลือกตั้งขี้ฉ้อ และกลุ่มทุนสามานย์ แล้วเดินหน้าสู่การปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง
       
       เช่นเดียวกันในระดับท้องถิ่น ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวสงขลาก็พร้อมลุกขึ้นทำหน้าที่เพื่อชาติ และประชาชนไม่แตกต่าง