[ฅนสองเล]

เจาะสนามการเมืองสงขลา
ระดับชาติ-ท้องถิ่นเปิดตัวคึกคัก

แม้ปี่กลองเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน่ามีขึ้นเมื่อไหร่ แต่การเปิดศักราชใหม่ของปีจอกำลังกลายเป็นปีหมาทองของใครหลายคนที่กำลังช่วงชิงเก้าอี้ทั้งในสนามการเมืองระดับชาติ และสนามระดับท้องถิ่น หนังสือพิมพ์ขวานทองพร้อมพาวิเคราะห์เจาะลึกทุกขอบสนาม

ปชป.ยังมีที่ว่าง 1 ตำแหน่ง

การเสียชีวิตอย่างกระทันหันของอดีตสส.ประพร เอกอุรุ ทำให้พื้นที่เขต 5 จังหวัดสงขลาของพรรคประชาธิปัตย์ว่างลงทันที แม้ยังไม่สามารถประชุมพรรคเพื่อทำการคัดเลือกผู้สมัครได้ในเวลานี้ แต่ในส่วนของผุ้ที่เปิดตัวลงแข่งขันในนามพรรคประชาธิปัตยืนั้นมีความชัดเจนแล้วว่าจะมี 2 รายชื่อที่ส่งให้พรรคนำไปพิจารณา นั่นคือ นายสรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายของนายนิพนธ์ บุญญามณี นายกอบจ.สงขลา และรองเลขาธิการพรรคส่งเข้าประกวด ส่วนอีกคนเป็นนายกชาย เดชอิศวร์ ขาวทอง อดีตนายกอบจ.สงขลา ที่ฟากฝั่งของนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคส่งเข้าชิงชัย

มาดูกันที่เขต5 พื้นที่เดิมประกอบด้วยอำเภอรัตภูมิ ควนเนียง บางกล่ำ และบางส่วนของสิงหนคร ซึ่งเขตนี้ชื่อของประพร เอกอุรุ นั้นเป็นที่จดจำของชาวบ้านอย่างมาก เพราะเป็นขยันลงพื้นที่ ไปทุกงานเดินทุกที่ 3 สมัยที่เป็นสส.ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจชาวบ้านได้อย่างรวดเร็ว ประพร เขาคือตัวแทนของนายกนิพนธ์ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะเสนอชื่อของลูกชายให้พรรคพิจารณาในทันทีเพื่อรักษาเก้าอี้สส.ฝั่งตัวเองไว้ให้ได้

ชื่อชั่นและหน้าตาของสรรเพชญ บุญญามณี ถือว่าใหม่มากหากได้ลงสมัครรับเลือกตั้งคราวนี้ หากเขาไม่ใช่ลูกชายนายกอบจ.สงขลาก็คงไม่มีใครรู้จักชื่อนี้ บทบาทที่ผ่านมาของเขาคือการมาช่วยพ่อทำทีมฟุตบอลเมือง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความโดดเด่นหรือชื่อเสียงให้เขาได้มากนัก ตรงกันข้ามเสียอีกเพราะทีมฟุตบอลสงขลา ภายใต้การนำของเขาได้ประกาศยุติการทำทีมหลังจบฤดูกาล 2559

ในสนามการเมืองสรรเพชญ ก็เพิ่งมาเดินตามหลังพ่อมากขึ้นภายหลังการเสียชีวิตของอดีตสส.ประพร นี่เอง แต่ด้วยความใกล้ชิดผู้ใหญ่ในพรรคของนายกนิพนธ์ ไม่ว่าจะกับนายหัวชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และแกนนำพรรคในรุ่นปัจจุบัน นี่คือสิ่งหนึ่งที่นิพนธ์ ยังมั่นใจว่าเขาคงมีพลังเพียงพอในการผลักดันให้ลูกชายได้ลงสู่สนามการเมืองระดับชาติในนามพรรคประชาธิปัตย์ได้

ส่วนฟากฝั่งของนายกชาย ชื่อนี้คนสงขลารู้จักดีเขาคืออดีตสจ.อำเภอรัตภูมิ อดีตนายกอบจ.สงขลา แม้จะอกหักในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.และสนามสส.ที่เคยสวมเสื้อไทยรักไทยลงแข่ง แต่ในแวดวงการเมืองและธุรกิจเขายังคเป็นที่รู้จักของทุกคน โดยมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกีฬาชนโคแห่งประเทศไทย และเจ้าของสนามกีฬาชตนโคนานาชาติรัตภูมิ สนามวัวชนที่มาตรฐานที่สุดในประเทศไทย

การเสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ว่ากันว่า นายกชายไม่ได้บินเดี่ยวแต่มีแรงหนุนจากพี่ใหญ่ของจังหวัดและคนสำคัญของพรรคอย่างนายถาวร เสนเนียม ที่ผนึกกำลังสส.เขตทั้ง 7 คนของจังหวัดสงขลาว่าจะร่วมสนับสนุนนายกชาย ให้ได้เป็นตัวแทนของพรรคในสนามเลือกตั้งเขต 5 ที่จะมีขึ้นในอนาคต

ย้อนกลับไปดูสส.สงขลา แม้จะสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดแต่มีการแบ่งฝั่งกันอย่างชัดเจน สส.เขต 8 คน อยู่ในสายของนายถาวร เสนเนียม 7 คน มีเพียงนายประพร เอกอุรุ ที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม นี่คือเหตุผลสำคัญที่นิพนธ์พยายามผลักดันคนของตัวเองให้ได้เข้าไปในสนามให้เร็วที่สุด เพราะหากพลากรอบนี้เขาจะไม่มีสส.ที่เป็นแรงหนุนตัวเองเหลืออยู่เลย

ความได้เปรียบอีกอย่างที่เป็นจุดเด่นของนายกชา่ย นั่นคือความเป็นลูกที่เพราะในโซนเขต 5 เป็นถิ่นของเขาที่มีฐานเสียงแน่นหนาพอสมควร แต่ตัวโตๆ นั่นคือเขาเคยเป็นผุ้สมัครพรรคไทยรักไทย ภาพลักษณ์ของเขาดูเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งนี่คือสิ่งที่ถาวร เสนเนียม ต้องช่วยพิสูจน์ฝีมือเพื่อดึงน้องรักเข้าสู่สนามการเมืองอีกครั้งให้ได้

สนามท้องถิ่นก็เริ่มคึกคัก

แน่นอนว่า ณ เวลานี้ผู้บริหารท้องถิ่นทุกสนามหมดวาระกันไปแล้ว แต่ยังอยู่ในตำแหน่งอัตโนมัติเพื่อรอเลือกตั้งในกติกาใหม่ (มั้ง) ที่ทางรัฐบาล คสช.ได้เคยประกาศไว้ ซึ่งดูแนวโน้มแล้วท้องถิ่นคงยังไม่มีการยุบ มีการรวมเหมือนที่เคยมีข่าวมาแต่อย่างใด อาจมีก็แค่การลดจำนวนสามาชิกสภาท้องถิ่นลุงบ้างในบางสนาม สนามใหญ่อย่าง อบจ.สงขลา นายกนิพนธ์ น่าจะเหนียวแน่นทั้งในเรื่องผลงานและสีเสื้อพรรค คู่แข่งที่สูสีที่สุดถ้าจะมีก็คงเป็นนายกชาย หากพลาดในเวทีสส.เขาอาจถูกผลักดันให้มาลงสนามอบจ.อีกรอบก็ได้

ที่สนามเทศบาลนครหาดใหญ่ อีกหนึ่งที่นั่งของประชาธิปัตย์ มีผู้ครองเก้าอี้นามว่านายไพร พัฒโน ที่เป็นมาแล้ว 3 สมัยมากกว่า 13 ของการทำหน้าที่นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ แม้เขาจะรอดพ้นมาหลายคดีทั้งในเรื่องการเลือกตั้ง และการตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆ แต่ใช่ว่าเส้นทางการเมืองจะเรียบดีนัก เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่อาจทำให้เขาโดนม.44 พักงานหรือถึงขั้นหลุดเก้าอี้นายก

คงจำกันได้เมื่อครั้งนายกไพร ลาออกจากสส.เขตมาลงสนามเลือกตั้งท้องถิ่น แกนนำพรรคที่มาช่วยหาเสียงยืนกรานเป็เสียงเดียวกันว่า "ไม่อยากเห็นการเมืองผูกขาด นายไพรเลยเสียสละมาลงสนามท้องถิ่น" วันนี้ 3 สมัยบวกกับของแถมจากคสช.เป็นเวลาเกือบ 15 ปี แบบนี้เรียกว่าผูกขาดหรือยังและหาดใหญ่ควรเปลี่ยนผู้บริหารไหม แม้อำนาจการเลือกตั้งอยูู่ที่ประชาชน แต่ด้วยความเป็นปชป.และฐานเสียงที่เหนียวแน่น หากไม่แพ้ภัยตัวเอง ไพร พัฒโน คงพลาดยาก

หากนายกไพร สะดุดจึงมีคำถามตามมาว่าทันทีว่าใครจะลงรักษาเก้าอี้ในสนามนี้แทน เจ้าตัวอาจมองไปที่น้องชายนายพฤกษ์ พัฒโน ที่มานั่งเป็นรองนายกมายาวนานแต่ผลงานยังไม่เข้าตาประชาชนไม่โดนใจพรรค และที่สำคัญหากเปลี่ยนจากไพร มาเป็นพฤกษ์ นั่นจึงเท่ากับเป็นการผูกขาดอำนาจทางการเมืองทั้งที่ตัวเองเคยว่าเขาไว้เยอะในสมัยที่ลงมาชิงเก้าอี้สนามนี้

เพราะยุคนั้นนายเคร่ง สุวรรณวงศ์ นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ได้ผ่องถ่ายงานบริหารมาให้ลูกชาย ปลัดอ๋อย นายประสงค์ สุวรรณวงศ์ แต่เมื่อมาลงเลือกตั้งนายกโดยตรงก็พ่ายนายไพร ชื่อของคนมาแทนนายกไพร จึงถูกมองไปที่พี่หลวง พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นายตำรวจชาวคูเต่า ศิษย์เก่าญ.ว.ที่วนเวียนรับรับราชการในพื้นที่ภาคใต้มายาวนาน และถึงวาระเกษียณในเดือนกันยายนนี้

นอกเหนือจากการยอมรับของนักธุรกิจ นักการเมือง และประชาชนในพื้นที่แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ของพี่หลวงสาคร ก็แน่นแฟ้นไม่เป็นรองใคร โดยเฉพาะกับนายชวน หลีกภัย ผู้มากบารมีของภาคใต้ ดังนั้นหากนายกไพร เกิดสะดุดขาตัวเองหรือมีบาดแผลที่มากเกินไปก็เป็นไปได้ที่พรรคอาจเปลี่ยนทัพลงสนามนี้ ส่วนู่แข่งคนอื่นๆ ทีมหมอเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา และนายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ที่เคยลงแข่งเมื่อคราวที่แล้วก็ยังดูเชิงอยู่ว่าจะลงหรือไม่ ส่วนปลัดอ๋อย ประสงค์ สุวรรณวงศ์ แว่วมาว่าถ้าคู่แข่งไม่ใช่ไพร พัฒโน ก็อาจจะกลับมาลงสนามอีกครั้งก็ได้

ส่วนพื้นที่อื่นๆ เทศบาลนครสงขลา นายกบ่าว สมศักดิ์ ตันติเศรณี คงลงสนามต่อเมื่อถึงคิวเลือกตั้งแน่นอนแต่จะถูกสนับสนุนให้ลงในนามทีมพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้นต้องรอดูกันต่อไป ส่วนคู่แข่งที่เปิดตัวมาแล้วก็มีทีมพลังนครสงขลา ของนายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ อดีตรองนายกผู้มาคอนเน็คชั่นคนหนึ่งของเมืองสงขลา ซึ่งถ้าแข่งกัน 2 คนนี้ถือว่าคงสูสีพอสมควร

สนามรอบเมืองหาดใหญ่ก็เริ่มมีการเปิดตัวกันบ้างแล้ว เทศบาลเมืองคอหงส์ พยงค์ อรัญดร นายกคนปัจจุบันคงขออีกสมัยโดยคู่แข่งตลอดกาลอย่างครั่น ทวีรัตน์ บอกว่าขอลุยธุรกิจก่อนส่วนจะสนับสนุนใครลงแทนหรือไม่ยังไม่ชัดเจน แต่ที่ขึ้นป้ายมานานแล้วเห็นจะเป็นผู้การชาติ พ.อ.(พิเศษ) สุชาติ จันทรโชติกุล ในนามทีมปฏิรูปเมืองคอหงส์ ซึ่งต้องดูกันว่าจะมีหมัดเด็ดอะไรมาสู้กับนายกคนเก่าบ้าง

เทศบาลเมืองควนลัง อีกหนึ่งนายตำรวจที่กำลังเกษียณก็จะขอลงสนามนี้ด้วย นั่นคือผู้กับอ๊อด พ.ต.อ.พิทักษ์ พุทธวิโร ผกก.สภ.ทุ่งตำเสา อดีตผู้สมัครสส.ไทยรักไทย และเป็นชาวควนลังโดยกำเนิดก็บอกว่ายังแข็งแรงฟิตปั๊งอยากทำงานการเมืองเพื่อบ้านเกิดบ้างหากได้รับโอกาส ซึ่งก็ต้องถามนายกคนเดิมอย่างนายกครก สมบูรณ์ ปัญญาธนากรก่อนว่าจะยอมหรือไม่ ถ้าแข่งกัน 2 คนนี้ถือว่าสูสีอีกสนาม

ตำบลบ้านพรุ ที่มี 2 เทศบาลนั่นคือ เทศบาลเมืองบ้านพรุและเทศบาลตำบลบ้านไร่ ยังไม่รู้ว่าจะมีการยุบรวมหรือไม่ซึ่งแนวโน้มน่าจะยังก่อน หมอวรวัฒน์ ชีวะอิสระกุล ที่ลาออกในช่วงรัฐบาลคสช.น่าจะรวมทีมลงสมัครอีกรอบ ส่วนคู่แข่งแว่วว่าจะมีมากกว่า 1 ทีมแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มรองนายกเก่าที่จะรวมทีมแข่งกับหมอรวมถึงคู่แข่งตลอดกาลอย่างว่าที่ร้อยตรี เสรีย์ นวลเพ็ง ก็ยังไม่ชัดว่าจะหยุดหรือลง และหากรวมกันจริง นายวีระพงศ์ เกื้อกูล เป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านไร่ ก็อาจมาขอเป็นตัวเลือกของเมืองบ้านพรุด้วย

เมืองคลองแห บังน๊อต อนันต์ การรัณสันติ ยังไม่มีใครเปิดตัวแข่งที่ชัดเจนเช่นเดียวกับเมืองเขารูปช้าง สงขลา นายกแบน ประสงค์ บริรักษ์ ก็คงได้ไปต่อ เมืองสิงหนคร สนามนี้สนุกแน่ๆ ธนกร สังฆโร นายกคนปัจจุบันจะมีคู่แข่งทั้งนายกแป็ก เสริมศักดิ์ จันทร์สว่าง ที่จะมาทวงบัลลังค์อีกครั้ง รวมถึงสมไทย นุสคง ก็เปิดตัวจะลงด้วย เมืองสะเดา โกติ้ว สุเมธ ศศิธร ยังเหนียวแน่นในสนามนี้

นี่คือปี่กลองการเมืองสงขลาเพียงบางส่วนหากกฎหมายชัดเจนถึงเวลาปลดล๊อคเลือกตั้งยังมีหลาอย่างที่เปลี่ยนแปลง และหลายสิ่ที่น่าสนใจให้คอการเมืองได้ติดตามกันแบบสนุกทุกสนามแน่นอน