[ฅนสองเล]

วันที่ 19 กันยายน 2559 ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลคู อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นำโดยนายสุเดช หลีเหร็ม กำนันตำบลคู และชาวบ้านประมาณ 200 คน รวมตัวกันเดินทางไปยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคู (อบต.คู) เพื่อทวงถามคำตอบจากนายสามารถ สะเงะยุนุ่ย นายกอบต.คู เรื่องให้อบต.ยกเลิกการอนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 25 เมกกะวัตต์ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลคู ซึ่งชาวบ้านได้มีการรวมตัวกันมายื่นหนังสือคัดค้านเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาและนัดมารับฟังคำตอบในวันนี้

โดยแกนนำผู้ประท้วงให้เหตุผลว่าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังผลิต 25 เมกกะวัตต์ ขึ้นในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลคู อำเภอจะนะ จะส่งผลกระทบต่อชุมชนในตำลคูและข้างเคียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งมัสยิด โรงเรียน วัด และชาวบ้านทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง หากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเกิดขึ้นจะเกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ปัญหาน้ำเสีย กระทบต่อลำคลองและวิถีชุมชนประมงในพื้นที่ ปัญหาขาดน้ำเพราะโรงไฟฟ้าจะใช้น้ำปริมาณมากในกระบวนการผลิต ปัญหาน้ำท่วมจากกการถมพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่ของโครงการ

และที่สำคัญที่ตั้งโครงการ อยู่ห่างจากโรงเรียนจะนะชนูปถัมภ์ โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอที่มีนักเรียนและบุคลากรเกือบ 1,000 คน เพียง 100 เมตรเท่านั้น เชื่อว่าหากโครงการเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อบุตรหลานชาวจะนะแน่นอนทั้งเสียงดังรบกวน ควันและมลพิษที่เกิดขึ้นตามมา และยังรวมถึงการเข้ามาของรถบรรทุกขนาดใหญ่ในการขนส่งเศษไม้เพื่อมาป้อนโรงไฟฟ้า และทำสำคัญอำเภอจะนะ มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 1,500 เมกกะวัตต์ของ กฟผ.อยู่ในพื้นที่แล้ว และยังมีการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาขนาด 2,200 เมกกะวัตต์อีก จึงมีคำถามวว่าทำไมต้องให้มีโรงไฟฟ้าเอกชนมารบกวนชาวบ้านอีก   

ทางด้านนายสามารถ สะเงะยุนุ่ย นายกอบต.คู กล่าวกับผู้มาชุมนุมประท้วงว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ ม.3 ต.คู เ็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ โดยในวันที่ 5 ตุลาคมจะมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นที่บ้านทุ่ง ม.5 ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและรวมพลังการแสดงความเห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอา โรงไฟฟ้าก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลต้องขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนใหญ่ของประชาชนในพื้นที่เท่านั้นที่ต้องร่วมกันแสดงพลังว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับโครงการดังกล่าว

หลังจากรับฟังคำชี้แจงจากนายกอบต.แล้วชาวบ้านแสดงความพอใจและมีการนัดหมายเพื่อรวมตัวกันแสดงพลังคัดค้านในเวทีรับฟังความเห็นในวันที่ 5 ตุลาคม 2559 ต่อไป