[สงขลามีเดีย]

เดินหน้าฟื้น "คลองอู่ตะเภา" รับวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิ.ย.ชูน้ำสะอาด-แหล่งอาหาร-แหล่งท่องเที่ยว

นายชาย เดินหน้าประกาศเอกราชทางสิ่งแวดล้อมให้คนสงขลา จัดโครงการสร้างจิตสำนึกเยาวชนอนุรักษ์ทรัพย์กรน้ำ "จากคลองภูมีถึงคลองอู่ตะเภา" เตรียมจัดกิจกรรมวันคลองอู่ตะเภา รับวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2565 และกิจกรรมวันคลองภูมี 13 มิถุนายน 2565

นายเดชอิศม์ ขาวทอง (นายกชาย) ส.ส.เขต 5 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นางสาวสุภาพร กำเนิดผล ส.ส.เขต 6 สงขลาพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมประชุมร่วมผู้บริหาร/ผู้นำท้องถิ่น/ผู้นำท้องที่ เพื่อเตรียมความพร้อมโครงการสร้างจิตสำนึกเยาวชนอนุรักษ์ทรัพย์กรน้ำ "จากคลองภูมีถึงคลองอู่ตะเภา"  โครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมด้วยกัน คือกิจกรรม "วันคลองอู่ตะเภา" ซึ่งจัดในวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 5 มิถุนายน 2565 และ "วันคลองภูมี" วันที่ 13 มิถุนายน 2565

ดดยโครงการดังกล่าวมุ่งหวังสร้างพลังแห่งความร่วมมือของผู้บริหารท้องถิ่นตลอดแนวคลอง นำไปสู่การสร้างเครือข่ายอนุรักษ์ทั้งของผู้นำท้องถิ่น ประชาชนและเยาวชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทวงคืนเอกราชสิ่งแวดล้อม วันที่ 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็น" วันสิ่งแวดล้อมโลก" จะมีการอบรมสร้างเครือข่ายเยาวชนพร้อมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 10 ล้านตัว ลงสู่คลองอู่ตะเภาพร้อมกันในพื้นที่ของทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นๆ ละ 1 จุดด้วยการสนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำจากกรมประมง  โดยมีแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มาเป็นประธานปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำบริเวณริมคลองอู่ตะเภา ในพื้นที่เทศบาลเมืองควนลัง และในวันที่ 13 มิถุนายนจะมีกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ในพื้นที่คลองภูมี

"วันคลองอู่ตะเภาจัดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ ประสบความสำเร็จจาก "วันคลองภูมี" เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูคลองอู่ตะเภาในวันนี้" ต้องยอมรับว่าโจทย์สำหรับคลองอู่ตะเภานั้นจะยากกว่าคลองภูมี เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าตลอดแนวคลองอู่ตะเภานั้นมีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและการลงพื้นที่ไปดูปัญหาการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ปัญหามาตลอดก็ตาม

"ก็เลยมาตั้งโจทย์ว่าเราจะต้องมีเป้าหมายในการนำคลองอู่ตะเภากลับมาใช้ประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด 3 อย่างด้วยกันที่อยากให้เกิดขึ้น"  อย่างแรกคือจะต้องทำให้น้ำในคลองอู่ตะเภามีความสะอาดก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากน้ำจากคลองอู่ตะเภา ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเลสาบนั้น ได้มีการนำมาผลิตน้ำกินน้ำใช้ก็คือน้ำประปาที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนจังหวัดสงขลา เพราะหากน้ำไม่สะอาดมีสารพิษปนเปื้อนจากน้ำเสียหรือของเสียจากโรงงานพี่น้องประชาชนก็จะได้รับเข้าสู่ร่างกาย
     
"เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากสำหรับพี่น้องประชาชนที่เขาไม่ได้เป็นก่อ แต่ต้องมารับกรรมจากสารพิษที่ปนเปื้อนในคลองอู่ตะเภา อันนี้ถือว่าไม่ได้"

อย่างที่สองก็คือเมื่อน้ำในคลองอู่ตะเภาสะอาด เราก็สามารถปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆลงไปในคลองอู่ตะเภา เพื่อสร้างเป็นแหล่งอาหารให้กับพี่น้องประชาชนตลอดแนวฝั่งคลองทั้งหมด  "ต้องทำให้คลองอู่ตะเภากลับมาเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ที่พี่น้องประชาชนจับสัตว์น้ำบริโภคได้"

และประโยชน์ที่สามก็คือเราจะทำคลองอู่ตะเภาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชน ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยว มีเรือบริการนักท่องเที่ยวในคลองอู่ตะเภา ตลาดชุมชน ได้ตลอดเวลา
   
"วันนี้โรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ให้ความร่วมมือ แสดงว่าโรงงานอุตสาหกรรมที่ดีมีความห่วงใยและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมีอยู่ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ยังต้องมีการปรับปรุงและตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากคลองอู่ตะเภาร่วมกัน
       
"การส่งต่อให้ลูกหลาน เยาวชน ตลอดแนวคลอง ด้วยการสร้างจิตสำนึก และร่วมกันปลุกจิตสำนึกปกป้อง ดูแล รักษา คลองอู่ตะเภา เพื่อส่งสัญญาณไปยังโรงงานที่ไม่ยอมปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข จะได้รู้สึกละอายต่อการกระทำ"
       
เพราะบางครั้งมาตรการทางกฎหมายก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้ทั้งหมด ฉะนั้นสิ่งที่เราหวังก็คือ ลูกหลาน เยาวชน ของพี่น้องประชาชนตลอดแนวคลอง ที่จะต้องลูกขึ้นมาปกป้อง คลองอู่ตะเภา
       
"มาตรการทางสังคมก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถกดดันผู้ประกอบการ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ว่าสิ่งที่คุณทำนั้นมันทำร้าย ทำลายชีวิต ทั้งสัตว์น้ำและสุขภาพของพี่น้องประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากคลองอู่ตะเภา"