Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ฅนสองเล

#31
เปิดแล้วเทศกาลโคมไฟนานาชาติด่านนอก ภาคเอกชนลงทุนผักดันการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง

ค่ำคืนวันที่ 21 มกราคม 2563 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานในพิธิเปิดงาน"มหกรรมหุ่นโคมไฟนานาชาติแลนเทิร์นส์ เฟสติวัล 2020 " โดยมีนายเดชอิศม์  ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา นายสุเมธ ศศิธร นายกเทศมนตรีเมืองสะเดา นายเกชา เบญจคาร นายกเทศมนตรีตำบสำนักขาม รวมถึงแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธีเปิดงาน"มหกรรมหุ่นโคมไฟนานาชาติแลนเทิร์นส์ เฟสติวัล 2020 " ณ เอ็มบีไอ รีสอร์ท ด่านนอก ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา  จังหวัดสงขลา

โดยโครงการดังก่าว นายเทดดี้ เตียว ประธานกรรมการบริษัท เอ็มบีไอ กรุ๊ป จำกัด เป็นแม่งานในการจัดงานมหกรรมหุ่นโคมนานาชาติ หรืองานแลนเทิร์นส เฟสติวัล 2020 ครั้งนี้ ซึ่งได้มีการออกแบบ การแสดงโชว์หุ่นโคมไฟแอลอีดี ใหม่ทั้งหมด  แต่ละจุดใหญ่โตอลังการ พร้อมแสงสีเสียงครบครันตระการตา จัดแสดงบนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ มีที่่จอดรถสะดวกสบาย ถือเป็นเปิดศักราชใหม่ ของ บริษัทเอ็มบีไอ ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของบ้านด่านนอกอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการที่จะเข้ามาท่องเที่ยวและร่วมลงทุน ฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองชายแดน

สำหรับเทศกาลโคมไฟนานาชาติ Lanterns Festival 2020 ที่สนามโรงแรม MBI RESORT ด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.00 น. โดยมีค่าเข้าชม 100 บาท เด็กสูงไม่เกิน 90 ซม. เข้าชมฟรี
#32
เกษตรเขต 5 แจ้งเกษตรกรภาคใต้ เฝ้าระวัง สำรวจการระบาดโรคใบร่วงยางพารา ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลงกว่าครึ่ง ใบยางที่ร่วงมีรอยจุดคล้ายโดนความร้อน และพบระบาดอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายสุพิท  จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดการระบาดของโรคใบร่วงของยางพาราในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ยะลา และปัตตานี  โดยจังหวัดได้รายงานสถานการณ์เบื้องต้นให้ทราบ พบการระบาดของโรคใบร่วงยางพาราที่จังหวัดนราธิวาส ใน 8 อำเภอ พื้นที่รวม 277,030 ไร่

โดยเกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. เป็นเชื้อราสาเหตุของโรคใบร่วงที่ไม่เคยพบในประเทศไทยมาก่อน แต่เคยพบการระบาดในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับทางภาคใต้ของประเทศไทย คือ ร้อนชื้นและฝนตกชุก สามารถพบได้ทุกสายพันธุ์ แพร่ระบาดโดยลมและฝนจึงค่อนข้างยากต่อการป้องกันและควบคุม ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตน้ำยาง หากระบาดรุนแรงจะทำให้ผลผลิตน้ำยางลดลงร้อยละ 30–50

ลักษณะอาการของโรคจะปรากฏบนใบยางแก่ จะปรากฏรอยช้ำเป็นกลุ่มเห็นได้ชัดเจนด้านหลังใบ หลังจากนั้นจะแสดงอาการเป็นวงค่อนข้างกลมสีเหลือง ต่อมาเนื้อเยื่อรอยสีเหลืองจะแห้งตายเป็นแผลกลมสีสนิมซีด โดยพบอาการจุดแผลต่อใบยางมากกว่า 1 แผล จากนั้นใบจะเหลืองและร่วงในที่สุด อาการของโรคจะรุนแรงและใบร่วงมากหลังมีฝนตกหนักติดต่อกันอย่างน้อย 2 วัน ต้นยางอายุมากขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่าต้นยางอายุน้อยขนาดเล็ก

ซึ่งอาการใบร่วงจากเชื้อราชนิดนี้มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตน้ำยาง เนื่องจากมีใบร่วงมากกว่าร้อยละ 90 จึงเป็นเหตุให้ผลผลิตลดลง พบได้ในทุกพันธุ์ยางที่ปลูกในพื้นที่นั้น ได้แก่ พันธุ์ RRIM 600 พันธุ์ RRIT 251 และพันธุ์ PB 311 การแนะนำเบื้องต้นสำหรับการป้องกันกำจัดเกษตรกรควรใส่ปุ๋ยบำรุงดินตามคำแนะนำของสถาบันวิจัยบาง เพื่อให้ต้นยางพาราสมบูรณ์ แข็งแรง และหากมีการตรวจพบโรคใบร่วง ให้พ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรากลุ่มเดียวกับที่ใช้ในการควบคุมโรครากขาวยางพาราให้พ่นสารเคมีกำจัดเชื้อรา อัตราการใช้สารเคมีตามคำแนะนำ ดังนี้ ใช้สาร Thiophanate Methyl พ่นลงพื้นดินบริเวณที่พบเชื้อ หรือใช้สาร Benomyl, Hexaconazole, Thiophanate Methyl, Triadimefon และ Difenoconazole พ่นบริเวณทรงพุ่มยางพารา

นายสุพิท  จิตรภักดี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้การยางแห่งประเทศเทศไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานเกี่ยวกับโรคใบร่วงยางพารา และให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานสนับสนุน โดยดำเนินงานในขณะนี้
1. การยางแห่งประเทศไทยและกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกันสำรวจสถานการณ์ และใช้ข้อมูลสถานการณ์เชิงพื้นที่เป็นข้อมูลเดียวกัน
2. การยางแห่งประเทศไทย หาแนวทางป้องกันพื้นที่ปลูกยางที่ยังไม่มีการระบาดของโรคใบร่วง
3. การยางแห่งประเทศเทศไทย จะจัดอบรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับลักษณะอาการและการสำรวจโรคใบร่วงยางพาราให้กับเจ้าหน้าที่ของการยางแห่งประเทศไทยในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา และจังหวัดสตูล ระหว่างวันที่ 13 – 14 พฤศจิกายน 2562 ณ การยางแห่งประเทศไทยสาขาจังหวัดนราธิวาส

ในส่วนของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้เน้นย้ำให้จังหวัดและอำเภอ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เฝ้าระวัง เร่งสำรวจพื้นที่การระบาดพร้อมรายงานข้อมูลให้กรมส่งเสริมการเกษตรทราบทุกวันพุธ และออกให้คำแนะนำการป้องกันที่ถูกต้องแก่เกษตรกร ตามคำแนะนำของการยางแห่งประเทศไทย และกรมวิชาการเกษตร
#33
ร้อยแก่นสารสินธุ์ ยกขบวนโรดโชว์ที่หาดใหญ่ ชวนชมของดีและเที่ยวอีสานตอนกลาง

ร้อยแก่นสารสินธุ์ กลุ่มจังหวัดอีสานตอนกลาง ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ จัดกิจกรรมโรดโชว์ชวนชาวหาดใหญ่เที่ยวอีสานตอนกลางและเลือกซื้อสินค้าดี 4 จังหวัด 10-14 ตุลาคม 2562 ณ เซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ ในงาน"ร้อยแก่นสารสินธุ์ สะออน ออนซอน เดย์ โรดโชว์ 2019 " ( Roi-Kaen-Sara-Sin Saon Onsorn Day Road Show 2019)

(11 ต.ค.62) ณ ลานโปรโมชั่นชั้น1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายสุเทพ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการ "ร้อยแก่นสารสินธุ์ สะออน ออนซอน เดย์ โรดโชว์ 2019 " ( Roi-Kaen-Sara-Sin Saon Onsorn Day Road Show 2019) โดยมีสทิศ สิทธิมณีวรรณ​ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวรายงาน นายเอกชัย แก้วรัตนะ ปลัดอาวุโสอำเภอหาดใหญ่ กล่าวต้อนรับ และมีแขกผู้มีเกียรติ ผู้แทนกลุ่มจังหวัด ผู้สนใจร่วมเยี่ยมชมงานเป็นจำนวนมาก


รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่น ได้กำหนดให้เป็นเมือง Mice City และเป็นประธานกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ และมีสายการบินเชื่อมโยงทุกภูมิภาค ภาคเหนือ เชียงใหม่ – ขอนแก่น  ภาคใต้ ขอนแก่น –หาดใหญ่ เชื่อมโยงนักท่องเที่ยว สิงคโปร์ – มาเลเชีย เดินทางสู่ขอนแก่น สามารถเชื่อมโยงจากขอนแก่นสู่นครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาวได้ จังหวัดแก่นจึงได้จัดงานโรดโชว์ "ร้อยแก่นสารสินธุ์ สะออน ออนซอน เดย์ โรดโชว์ 2019 " ( Roi-Kaen-Sara-Sin Saon Onsorn Day Road Show 2019) ระหว่งาวันที่ 10-14 ตุลาคม 2562 ณ ลานโปรโมชั่นชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ยังเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยว ทั้งด้านการท่องเที่ยวทางโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม มี ศาสนสถานที่โดดเด่นและมีวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ตลอดจนมีสินค้าที่สำคัญของกลุ่มจังหวัด ได้แก่ ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ อีกมากมาย  ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำการตลาดเชิงรุกเพื่อประชาสัมพันธ์และนำเสนอสินค้า และบริการของกลุ่มจังหวัดที่มีอยู่เป็นจำนวนมากไปสู่สาธารณชนให้นักท่องเที่ยวในทุกภูมิภาครับทราบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการทั้งในระดับกลุ่มจังหวัด และมีการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวทุกๆปี เพื่อเป็นการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง 

สำหรับโครงการ"ร้อยแก่นสารสินธุ์ สะออน ออนซอน เดย์ โรดโชว์ 2019 " ( Roi-Kaen-Sara-Sin Saon Onsorn Day Road Show 2019) กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมการแสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ ของดีของเด่นจากจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้ง การบริการการท่องเที่ยว  โรงแรม โดยมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก รับส่วนลดมากมาย กว่า 50 % สำหรับโรงแรมในจังหวัดขอนแก่น  กิจกรรม Business Matching การแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน กิจกรรมส่งเสริมการขาย และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ อาทิ  โบว์ ซุปเปอร์วาเลนไทน์, ,เอิ้นขวัญ วรัญญา, จักจั่น วันวิสา , เต๋า ภูศิลป์ และนุช วิลาวัลย์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานวันละ 30,000 คน จึงขอเชิญชวนชาวสงขลา และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมชมงานในครั้งนี้กันด้วย
#34
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมกับ ศอ.บต. จัดกิจกรรม "Southernmost Technology and Innovation Festival" สร้างการรับรู้แก่ ประชาชน จชต. เพื่อนำนวัตกรรมมาใช้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับประเทศ

(4 กันยายน 2562) ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว ปัตตานี นายปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นประธานเปิดกิจกรรม "Southernmost Technology and Innovation Festival" ครั้งที่ 2 โดยมี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอิสระ ละอองสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. นายวิเชียร สุขสร้อย รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมนิสิต นักศึกษา เข้าร่วม
สำหรับกิจกรรม "Southernmost Technology and Innovation Festival" ครั้งที่ 2 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม ได้ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการบริหารชายแดนใต้ (ศอ.บต.)

จัดขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจนวัตกรรมให้แก่ ประชาชนภายในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และกระตุ้นให้นิสิต นักศึกษา นักวิชาการ ผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมและ ประชาชนในพื้นที่ ได้รับรู้และตระหนักถึงความสำคัญในการนำนวัตกรรมมาใช้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 4 - 5 กันยายน 2562 ซึ่งในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจาก คณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ นิสิต นักศึกษา ผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้จำนวน มากกว่า 500 คน เข้าร่วม

นายปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า ทางปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึง ศอ.บต. เห็นความสำคัญของการที่จะต้องนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการผลักดัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม ให้เจริญก้าวหน้า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่ทางกระทรวงให้ความสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้จัดกิจกรรมงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการทั้งในแง่การให้ความรู้ การชี้ช่องทางการตลาด การสนับสนุนด้านเงินทุน รวมถึงเป็นพี่เลี้ยงให้เติบโตไปจนสามารถเป็นผู้ประกอบการตั้งต้นและขยายธุรกิจต่อไป เชื่อมั่นว่านวัตกรรมจะเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี

ด้านนายอิสระ ละอองสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้เป้าหมายหลักคือเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งผู้ประกอบการ ภาคการท่องเที่ยว ภาคเกษตร ซึ่งเชื่อมั่นว่า การได้ร่วมมือกับทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ จะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางการผลิต ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยว เกษตร ประมง อย่างครบวงจร โดย ศอ.บต. พร้อมจะจับมือกับทาง สนช. และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเดินหน้าดำเนินการให้บรรลุตามเป้าที่ได้วางไว้ต่อไป

ทั้งนี้ ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการด้านนวัตกรรมและงานสัมมนาด้านวิชาการที่สอดคล้องสำหรับการประยุกต์นวัตกรรม เพื่อปรับใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้แนวคิด "Groom Grant Growth" รวมทั้งมีกิจกรรมการบรรยาย การเสวนา และการสัมมนาด้านวิชาการต่าง ๆ อาทิ การแนะนำกลไกการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ มีการบรรยายด้านนวัตกรรมจากผู้ทรงคุณวุฒิ และกิจกรรมแสดงนิทรรศการของผู้ประกอบการ SMEs และ Startup ที่ดำเนินธุรกิจนวัตกรรม 10 ราย กิจกรรม Workshop สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจนวัตกรรม นิทรรศการของหน่วยงาน ศอ.บต. และนิทรรศการของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวนกว่า 30 หน่วยงาน
#35
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการ AOT DIGITAL AIRPORTS : Turn Busy to Easy ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันบนมือถือ AOT AIRPORTS APPLICATION ซึ่งเป็นการนำนวัตกรรมที่เชื่อมโยงระบบ IT ทั้งหมดในท่าอากาศยานให้สื่อสารกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.และเดินหน้าเชื่อมโยงระบบไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนอกท่าอากาศยาน ทั้งการคมนาคมและแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศ ร่วมทั้งเชื่อมโยงไปยังท่าอากาศยานพันธมิตร 16 แห่งทั่วโลก พร้อมก้าวเข้าสู่องค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ร่วมเปิดโครงการฯ พร้อมพันธมิตรทางธุรกิจร่วมงาน ในวันที่ 21 สิงหาคม 2562 เวลา 10.30 น. ณ ควอเทียร์ แกลลอรี่ ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
#36
ผู้ว่าฯ ติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุที่ควนเนียงที่กินพื้นที่กว่า 1,200ไร่และยังไม่สามารถดับได้

ผู้ว่าฯ สงขลา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟ้ป่าพรุทุ่งบางนกออก อ.ควนเนียง พร้อมเร่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขอย่างเต็มกำลัง หลังไฟลามทุ่งกินพื้นที่กว่า 1,200ไร่ มั่นใจสถานการณ์เริ่มคลี่คลายดีขึ้นและยังไม่มีผลกระทบด้านสุขภาพขั้นรุนแรง

(7 ส.ค.62) นายวีรนันทร์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื่นที่ตำบลควนโส อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์พร้อมประชุมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางการป้องกัน และยับยั่งการลุกลามของไฟป่า โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา หน่วยส่งเสริมควบคุมไฟป่า เกษตรอำเภอควนเนียง กองร้อยอส.จ. หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 8 (ห้วยลึก) และหน่วยงานอื่น ๆ รวมกว่า 300 นาย

นายวีรนันทร์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สถานการณ์ในวันนี้พบว่า ไฟได้ลุกลามเพิ่มขึ้นในวงกว้าง โดยแบ่งเป็นพื้นที่ป่า 1200 ไร่ จากเดิม 500 ไร่ และพื่นที่สวนปาร์มเพิ่มขึ้นเป็น 200 ไร่ จากเดิม 50 ไร่ ซึ่งเขตพื่นที่ที่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้จะอยู่ในริเวณหมู่ 4 และหมู่ 8 และในส่วนของพื่นที่ที่สามารถควบคุมได้บางส่วนแล้ว ประกอบด้วย หมู่ 5 หมู่ 6 หมู่ 10 และ หมู่ 11

ซึ่งมติในที่ประชุมได้สรุปแนวทางการแก้ไข ด้วยการขุดลอกน้ำระยะทาง 2 กิโลเมตร เป็นแนวที่มีระยะห่างทุก ๆ 300 เมตรในพื้นที่หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 8 ทางด้านทิศตะวันตก บริเวณรอยต่อพื้นที่เกษตรกรของประชาชนและเขตปิ่ซึ่งหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 8 (ห้วยลึก) ได้ชี้แนวทางในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อสูบน้ำจากแหล่งน้ำให้ล้นเอ่อลงไปในพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ โดยขณะนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ที่จะดำเนินการ ประกอบด้วยรถแบ็คโฮ 3 คัน และเครื่องสูบน้ำ 5 เครื่องโดยคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 วัน

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เน้นย่ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมแสดงความห่วงใยแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน พร้อมจะเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็ว

รายงานข้อมูลเพิ่มเติมเพลิงไหม้ลามทุ่ง บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 4,8,5,6,10,11 ตำบลควนโส อำเภอควนเนียง จ.สงขลา (7 ส.ค. 62 )

1) ผลกระทบ
1.1 ด้านสุขภาพ ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟ 6 หมู่บ้าน จำนวน 1,000 คน
1.2 ด้านสิ่งแวดล้อม พื้นที่ป่าไม้ทุ่งบางนกออก จำนวน 1,200 ไร่
1.3 ด้านพืชสวนปาล์มน้ำมัน ประมาณ 200 ไร่

2) การให้ความช่วยเหลือ สนง.ปภ.จ.สงขลา มอบหมาย จนท.ลงพื้นที่ พร้อม ประสานหน่วยงานเข้าสนับสนุน/ช่วยเหลือ ด้านการดับเพลิง สูบน้ำเข้าพื้นที่ป่า รพ.สต.ควนโสประชาสัมพันธ์ชาวบ้านให้ระวังด้านสุขภาพ และแจกหน้ากากอนามัย ศปภ. เขต 12 สงขลา ,อบจ.สงขลา สูบน้ำจากคลองเข้าพื้นที่ป่าเพื่อช่วยดับไฟและควบคุมการลุกลาม หน่วยดับไฟป่า อส.อ.ควนเนียง และประชาชนเข้าประกอบกำลัง รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ รวม 25 หน่วยงาน บุคลากร 294 นาย เครื่องมือ/อุปกรณ์ 14 ชนิด/ประเภท

3) จังหวัดประกาศเขตให้ความช่วยเหลือฯ และจัดตั้ง ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพื่อบริหารจัดการ

4) การประชุม แก้ไขปัญหาดังนี้
4.1 เวลา 09.00 น. ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านผลกระทบจากหมอกควัน ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นประธาน ผลการประชุมจังหวัดสงขลาได้ออกประกาศจังหวัดสงขลา เรื่อง ผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าพรุเสม็ดทุ่งบางนกออก ต.ควนโส อ.ควนเนียง จ.สงขลา
4.2 เวลา 13.00 น. ประชุมสรุปสถานการณ์ วางแผนการแก้ปัญหาไฟป่า ในพื้นที่ อ.ควนเนียง ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ต.ควนโส โดยผู้ว่าชการจังหวัดสงขลา เป็นประธาน

5) ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และพื้นที่ที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหา

ความคืบหน้าการช่วยเหลือและความเสียหายจะนำเรียนเป็นระยะๆต่อไป
#37
ชวนชิมโรตีพิซซ่า ที่ร้านโรตีก๊ะ&coffee ของดีน่าลองที่ห้วยโอน รัตภูมิ

รีวิวชวนชิมขอแนะนำร้านจากทางบ้าน ร้านโรตีก๊ะ & coffee ร้านริมทางบ้านห้วยโอน ถ.เพชรเกษม (สายเก่า) รัตภูมิ สงขลา ใกล้สนามบอลที่คนแถบนี้รู้จักกันอย่างดี ร้านเปิด 17.00-21.30น. โทร 0843570155 fb : Yahya Yawee

เมนูแนะนำ เมนูโรตี โรตีพิซซ่า เมนูเด็ดของร้านที่ขายดีมาก และยังมีโรตีมะพร้าวอ่อน โรตีฝอยทอง โรตีข้าวโพด โรตีน้ำแกงเนื้อ โรตีใส่ไข่ โรตีกล้วย โรตีกรอบช็อค โรตีกรอบนม โรตีโอวัลติน โรตีโดนัท

รายการเครื่องดื่มก็มี ชาเย็น กาแฟ ชาเขียว มะพร้าวน้ำหอมปั่นนมสด เต็งหนึ่งเฉาก๊วยนมสดคาราเมล และเฉาก๊วยโบราณเหนียวหนึบ น้ำปั่นติ่งฟง และอีกหลากหลายเมนู ผ่านทางห้วยโอนยามเย็นแวะมาอุดหนุนกันได้
#38
จังหวัดสงขลา จัดประกวดธิดาผ้าทอสงขลา และ Miss Grand Songkhla 2019 รอบตัดสิน เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่เพียบพร้อมทั้งความสวย และความสามารถเป็นตัวแทนของจังหวัดสงขลาในการประกวด Miss Grand Thailand 2019

(27 เม.ย. 62) ที่เวทีกลางสระบัวแหลมสมิหลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงานประกวดธิดาผ้าทอสงขลาและมิสแกรนด์สงขลา 2019 (Miss Grand Songkhla 2019 ) รอบตัดสิน ภายในงานฤดูร้อนและงานกาชาดจังหวัดสงขลา ประจำปี 2562 เพื่อค้นหาสุดยอดสาวงามที่เพียบพร้อมทั้งความสวย และความสามารถเข้าสู่การประกวดเวทีระดับประเทศที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2562 โดยมีนางอัญญาณี เพ็งจันทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา นายหม่า เพิ่ง ชุน กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา นางสมศรี รักนุ้ย วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา คณะกรรมการตัดสินและผู้ให้การสนับสนุน ตลอดจนประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมชมและให้กำลังใจแก่สาวงามทั้ง 13 คน อย่างคับคั่ง

นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การประกวดมิสแกรนด์สงขลา 2019 เป็นกิจกรรมการประกวดสาวงามของจังหวัดสงขลา เพื่อค้นหาตัวแทนสาวงามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติ ทั้งความสวย ความรู้ ความสามารถ ไหวพริบ ปฏิภาณ และเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม โดยผู้ที่ได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์สงขลาจะเป็นตัวแทนไปประกวดระดับประเทศไทยและก้าวไปสู่เวทีระดับนานาชาติ รวมถึงหน้าที่ในการขับเคลื่อนการทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ เป็นแบบอย่าง ช่วยเหลืองานสังคมให้กับหน่วยงาน หรือ องค์กรต่างๆ พร้อมโอกาสได้เป็นนักแสดง หรือ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ในลำดับต่อไป

สำหรับผลการประกวดในครั้งนี้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์สงขลา 2019 ได้แก่ หมายเลข 9 นางสาวรุจิรดา ศรีพิทักษ์ เป็นสาวงามที่ได้ครอบครองมงกุฎและสายสะพาย เป็นตัวแทนของจังหวัดสงขลาเข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019 ในช่วงเดือนกรกฏาคม 2562 ที่จะถึงนี้ และรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 2 นางสาวไดอาน่า หนังสือ ,รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หมายเลข 12 นางสาวกมณชนก ก้านบัว, รองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ หมายเลข 8 นางสาวรสมานี จางวางและรองชนะเลิศอันดับ 4 ได้แก่ หมายเลข 13 นางสาวกัญญาวีร์ หนูแก้ว

นอกจากนี้จังหวัดสงขลามอบรางวัลชุดผ้าทอจังหวัดสงขลายอดเยี่ยมและรางวัลชุดราตรียอดเยี่ยม รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ หมายเลข 2 นางสาว ไดอาน่า หนังสือ รับเงินรางวัลมูลค่ารวม 20,000 บาทและรางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ได้แก่ หมายเลข 10 นางสาวอรวรรณ ศรีพนมวรรณ รับเงินรางวัลมูลค่า 5,000 บาท

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว ประชา โชคผ่อง/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
#39
เวทีจุดเปลี่ยนภาคใต้กับภาพลักษณ์สส. ชวนนายกชาย-ณัฏฐ์ชนน -อ.จรูญ-ผศ.ดร.บูฆอรี เผยแม้ต่างพรรคแต่อยากสร้างความสามัคคี สร้างภาพลักษณ์การเมืองใหม่สงขลาเพื่อขยับเป็นโมเดลในระดับภาค ระดับชาติ ย้ำให้การเมืองแข่งกันตอนหาเสียงแต่หลังเลือกตั้งต้องมาร่วมกันเดินหน้าพัฒนาท้องถิ่น และประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2562 ที่โรงแรมหาดใหญ่พาราไดย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการจัดเวทีเสวนา หัวข้อ"จุดเปลี่ยนภาคใต้กับภาพลักษณ์ใหม่ ส.ส.และรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 62″ มีนายเดชอิศม์ ขาวทอง ว่าที่สส. เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ว่าที่สส.เขต 7 สงขลา พรรคภูมิใจไทย ผศ.ดร.บูฆอรี หยีมะ นักวิชาการด้านการเมืองและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และอาจารย์จรูญ หยูทอง นักวิชาการอิสระ ดำเนินการเสวนา พร้อมกับผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอะแนะ และตั้งคำถามร่วมกัน

นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย ว่าที่สส. เขต 5 เผยว่าตนในฐานะว่าที่สส.มองในเรื่องของภาพลักษณ์ภาคใต้ สส.หลังการเลือกตั้ง62 ว่าเราไม่ควรเพิ่มความขัดแย้ง แบ่งสีเสื้อ อยากให้พรรคการเมืองไทย และนักการเมืองมีความแบ่งปัน แม้จะต่างพรรคกัน แต่อยากให้มีความสามัคคี บทบาทของการเมืองในสภา สส.ทุกคนต้องทำงานตามหน้าที่ ของตัวเองและบทบาทที่ได้รับจากทางพรรค แต่ใระดับพื้นที่เราต้องมีความสามัคคีกัน มาร่วมกันผลักดันการพัฒนาให้กับบบ้านเรา

วันนี้สส.สงขลา 8 คนมาจาก 3 พรรคการเมือง ซึ่งหลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าใครอยู่ฝ่ายไหน แต่วันนี้เราได้มาร่วมกันประชุมและพร้อมร่วมกันผลักดันวาระสงขลา โดยวาระแรกคือการแก้ปัญหานำเสียในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา คลองอู่ตะเภา และคลองทุกสายในจังหวัดสงขลา ต้องตั้งบอร์ดขึ้นมาดูแลเรื่ิองนี่โดยเฉพาะ ต้องทำให้หน่วยงานราชการตื่นตัวในการดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้านให้มากกว่านี้ นี่คือวาระแรก หลังจากนี้ก็จะผลักดันวาระอื่นๆ ต่อไป

ด้านนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ว่าที่สส.เขต 7 สงขลา พรรคภูมิใจไทย เผยว่า ก่อนจะเปลี่ยนภาพลักษณ์นักการเมืองคนมองว่าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมคนที่จะมาเป็นสส.ก่อน ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่หาเสียง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าเป็นสส.อย่าทิ้งชาวบ้าน นั่นคือชาวบ้านต้องการผู้แทนที่เขาสามารถพบเจอ สามารถเข้าถึงได้ ที่สำคัญสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเขาได้ วันนี้ผมพร้อมเป็นแกนนำผลักดันวาระแรกคือเรื่องเสถียรภาพราคายาง ซึ่งได้มีการจัดทำพรบ.ตั้งไว้แล้วและจะผลักดันให้เข้าสู่สภาให้ได้โดยเร็วที่สุด

ซึ่งสอดคล้องกับที่ ผศ.ดร.บูฆอรี หยีมะ กล่าวสุรปว่าวิกฤตินักการเมืองเกิดจากคนไม่เชื่อใจ 25 ปี ที่ผ่านสงขลามีผู้แทนจากพรรคเดียวแต่ยังจับมือกันไม่ได้ วันนี้ต่างพรรคแต่มาจับมือกันจะเป็นเพียงแค่การสร้างภาพหรือนำไปสู่ภาคปฏิบัติเพื่อให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ ถ้าทำได้จริงถือเป็นมิติใหม่ของการเมืองสงขลา และคงได้เห็นการร่วมกันพัฒนาสงขลาในทิศทางที่ดีขึ้นจากความร่วมมือของสส.ลูกสงขลาทุกคน
#40
ศอ.บต.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันฟื้นฟูการเดินรถไฟเส้นทางจากสุไหงโกลก จ.นราธิวาส สู่ประเทศมาเลเซียเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและพัฒนาเศรษฐกิจ

(18 เมษายน 2562 เวลา 14.00 น.) ที่จะบังติกอ โรงแรมซีเอส ปัตตานี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานการประชุมฟื้นฟูการเดินรถไฟเส้นทางจากสุไหงโกลก – รันเตาปันยัง – ปาเสมัส – ตุมปัต โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ดังที่ทุกท่านทราบโดยทั่วกันว่า "ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย" มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมาอย่างยาวนานในทุกมิติความร่วมมือการพัฒนา ประชาชนของทั้งสองประเทศล้วนไปมาหาสู่กันอย่างญาติมิตรสหาย-ครอบครัวเดียวกัน ในขณะที่บทบาทของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ก็มีความใกล้ชิดและเด่นชัดมากที่สุดในปีปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากคำแถลงผลประชุมร่วมกันระหว่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย และ ตุน ดร.มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 24 – 25 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา

โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้มีพลวัตครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อร่วมกันสร้าง "ทศวรรษใหม่แห่งความสัมพันธ์" ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศที่มีความท้าทายมากขึ้นมุ่งเน้นความสำคัญใน 3 ประเด็น คือ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้และความร่วมมือด้านความมั่นคง การพัฒนาเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงตามแนวชายแดน และ ความร่วมมือในกรอบอาเซียนทั้งนี้ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์การพัฒนาของไทยและมาเลเซียในฐานะ "ภาคีหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" ต่อการบริหารจัดการความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นและสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการขับเคลื่อนความร่วมมือกับนานาประเทศ ให้มีสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนุภูมิภาคหลังการประชุมร่วมกันของผู้นำแผนความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ณ ประเทศอินโดนีเซีย ต่อมาด้วยการประชุม สุดยอดผู้นำแผน IMT-GT ครั้งที่ 11 ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยที่ประชุม ได้ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียประเด็น การจัดลำดับความสำคัญโครงการเชื่อมโยงทางกายภาพในแต่ละแนวระเบียงเศรษฐกิจตามมิติการเชื่อมโยงที่เหมาะสมและเพิ่มแนวระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เกิด การขับเคลื่อนโครงการเชื่อมโยงทางกายภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามข้อเสนอโครงการที่เสนอต่อผู้นำ พร้อมทั้งคำนึงถึงผลกระทบจากการพัฒนาที่มีดุลยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง และโอกาสการเชื่อมโยงกับการพัฒนาของพื้นที่เป้าหมายของรัฐบาล เช่น การเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยกับโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายภาคตะวันออก (East Coast Rail Line: ECRL) ของประเทศมาเลเซีย

ซึ่งมีโอกาสเชื่อมโยงการพัฒนาระดับภูมิภาคตามทางสายไหมใหม่ของจีน (Belt and Road Initiative) โดยเปิดแนวระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ประกอบด้วย ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส-เประ-กลันตัน เป็นยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงใหม่ หรือที่เรียกว่า "Economic Corridor ที่ 6" และการหารือถึงโอกาสการเชื่อมโยงเขตเสรีทางโทรคมนาคมรองรับการค้าอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแดนเชื่อมโยงระดับสากล เป็นต้น สำหรับการประชุม ในวันนี้ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่หลายฝ่ายล้วนต้องการพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัญหาและอุปสรรคบางประการทำให้โครงการดังกล่าวติดขัดและไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่งผลเสียต่อความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่การเป็น "ศูนย์กลางของอาเซียนที่แท้จริง" ซึ่งเป็นการสูญเสียโอกาสการพัฒนาความร่วมมือที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงในพื้นที่และโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น สภาวการณ์การค้าขายและสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่ดีขึ้นตามลำดับ ดังเช่นอัตราตัวเลขการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านกว่าบาทไทย หากมีการเปิดเส้นทางดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมได้ดีมากยิ่งขึ้นไป

รวมทั้ง เป็นการเปิดพื้นที่เส้นทางการท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่กันของพี่น้องไทยและมาเลเซียในแถบตะวันออกซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และทางตะวันออกของประเทศไทยได้จำนวนมหาศาลที่จะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังหมายรวมไปถึงการผลักดันพื้นที่ร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศในการพัฒนาให้เกิดศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลเพื่อรองรับการขยายตัวของมุสลิมทั่วโลกในปี ค.ศ. 2020 โดยคาดว่าจะมีมากถึง 2.2 พันล้านคน ในโอกาสนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ความร่วมมือในเรื่องหนึ่งจะสามารถขยายผลไปยังความร่วมมืออีกหลายๆ เรื่อง เพื่อมุ่งเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน การสร้างสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของทั้ง 2ประเทศสืบไป

อย่างไรก็ตาม ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยที่เกี่ยวข้อง เช่น ศอ.บต. การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในส่วนของราชการ-เอกชน-ประชาชน พิจารณาแล้วเห็นสมควรนำประเด็นการเปิดบริการเส้นทางรถไฟเดิมจากสถานีสุไหงโก-ลก (จังหวัดนราธิวาส) ถึง สถานีรถไฟปาเสมัส ประเทศมาเลเซีย หยิบยกขึ้นหารือร่วมกันทั้งในระดับจังหวัด การรถไฟของทั้งสองประเทศ และระดับนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการพัฒนาในอีกหลายมิติเชื่อมโยงกันในอนาคตตามที่กล่าวถึง ขณะเดียวกัน หากความร่วมมือนี้ประสบความสำเร็จ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็พร้อมจะนำข้อมูลสรุปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการรถไฟเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเทศไทยกำหนดเส้นทางหาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์ โดยเพิ่มเส้นทางกลันตัน-สุไหงโกลก-หาดใหญ่ เชื่อมโยงกันทั้งระบบ ซึ่งจะต้องมีการหารือให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมโดยเร็วและจะได้มีการมอบหมายจัดตั้งกลไกความร่วมมือการทำงานร่วมกันในระยะต่อไป
#41
22 ปี มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ผู้นำสถาบันการศึกษาเอกชนแห่งภาคใต้

มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จัดงานวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี จากวิทยาลัยเมืองสู่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของภาคใต้ ที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อมจัดพิธีรดน้ำขอพรผู้ก่อตั้ง และผู้อาวุโส เพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย

วันอังคารที่ 9 เมษายน 2562 ณ พิพิธภัณฑ์เมืองหาดใหญ่ ศูนย์ประณีตศิลป์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มีการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี การก่อตั้งมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ โดยมี อาจารย์ประณีต ดิษยะศริน ผู้ก่อตั้งและผู้รับใบอนุญาตมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากร ตัวแทนศิษย์เก่า นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง     

ภายในงานมีการปล่อยปลา การมอบทุนการศึกษาแก่ผู้สร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ร่วมรดน้ำขอพรผู้อาวุโสเพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 22 ปี และวันปีใหม่ไทย เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง พิธีทางศาสนา และกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์

มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เกิดจากเจตจำนงค์อันแน่วแน่ของ อาจารย์ประณีต ดิษยะศริน เจ้าของและผู้บริหารโรงเรียนในเครือหาดใหญ่อำนวยวิทย์ ที่จะให้มีสถานศึกษาในระดับสูงเพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้ถึงระดับปริญญาตรี จึงได้ดำเนินการขอจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2539 ได้อนุญาตให้จัดตั้งเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2540 ในชื่อ "วิทยาลัยเมืองหาดใหญ่"

ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านอาคารสถานที่ บุคลากร เทคโนโลยีที่ทันสมัย ในปี 2546 จึงได้ยกฐานะเป็น "มหาวิทยาลัยหาดใหญ่" มีการเปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก โดยมีจุดมุ่ง หมายหลักคือ สร้างบัณฑิตที่พึงประสงค์มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีทักษะและความสามารถอย่างมืออาชีพ มีจิตสำนึกดีงาม สมบูรณ์ด้วยคุณธรรม จริยธรรม เพื่อการดำรงตนให้เกิดคุณประโยชน์และสันติสุขทั้งแก่ตนเอง เพื่อนมนุษย์และประเทศชาติ

มหาวิทยาลัหาดใหญ่ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาภายใต้ปรัชญา "รู้คิด รู้ธรรม รู้สำเร็จ" และพร้อมก้าวสู่มหาวิทยาลัยเอกชชั้นนำของเมืองไทย สร้างสรรค์สู่สากล สร้างคนสู่อนาคต 

#42
AFC ยกทัพตรวจสนามติณฯ เตรียมใช้จัดรายการชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้ายในปี 63

คณะสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่สำรวจสนามกีฬาติณสูลานนท์ สำหรับจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย (AFC U-23 Championship 2020 Finals) ในปี 2563

(25 ก.พ. 62) ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายอำพล พงศ์ สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายนิพนนธ์ บุญญามณีและนายพิทักษ์ สุวรรณวงค์ เลขาธิการ สก.สข/กกท. ให้การต้อนรับคณะสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ในการลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบสนามกีฬาติณสูลานนท์ ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย (AFC U-23 Championship 2020 Finals) เพื่อหาตัวแทนชาติในเอเชีย จำนวน 3 ทีมไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ณ ประเทศญี่ปุ่นระหว่าง วันที่ 24 กรกฏาคม ถึง 9 สิงหาคม 2563 หากสนามกีฬาติณสูลานนท์ผ่านการตรวจความพร้อมและตรงตามข้อกำหนดของสหพันธ์ฯ จังหวัดสงขลาจะได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย (AFC U-23 Championship 2020 Finals) ที่จะจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 6 ถึง 26 มกราคม 2563

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายกองค์การบริหารจังหวัดสงขลา ได้นำคณะเจ้าหน้าที่จาก AFC ตรวจความพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ สภาพของสนามที่จะใช้จัดการแข่งขัน สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในระดับนานาชาติ ความพร้อมในการรองรับการเข้าชมของแฟนบอล การรักษาความปลอดภัยของแขกคนสำคัญและคณะนักฟุตบอลที่ร่วมการแข่งขัน รวมถึงการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน

สำหรับสนามกีฬาติณสูลานนท์ กกท.การกีฬาแห่งประเทศไทยได้โอนการดูแลสนามมาให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาและมีการปรับปรุงสนามทั้งสนามฟุตบอลและสนามอื่นๆ โดยเพิ่มความจุสนามจาก 35,000 ที่นั่งเป็น 45,000 ที่นั่งและเป็นเก้าอี้นั่งทั้งหมดและเคยใช้เป็นสถานที่ในการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 45 "สงขลาเกมส์" ระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน 2560และกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 35 "สมิหลาเกมส์" ระหว่างวันที่ 20-24 กรกฏาคม 2560

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว อรรคพงษ์-จิรพัฒน์/ภาพ  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
#43
หอมซัง ท่าข้าม หาดใหญ่ สงขลา ประเทศไทย
#44
หอมท้องทุ่งใกล้เมืองหาดใหญ่ที่ หอมซัง @ท่าข้าม

ความเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่หลายนแสวงหา บางครั้งต้องขับรถไปไกลๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศธรรมชาติ แต่หากพูดถึงชานเมืองที่อยู่ใกล้หาดใหญ่ที่สุด ขอแนะนำตำบลท่าข้าม หนุ่งในชุมชนท่องเที่ยวโอทอปนวัตวิถีของอำเภอหาดใหญ่

และที่นี่ก็มีสถานที่ที่หลายคนติดใจและแวะเวียนกันมาบ่อยๆ นั่นคือร้านน้องใหม่ที่มีชื่อว่า "หอมซัง @ท่าข้าม" วันก่อนขับรถกลับจากสงขลาสายเก่าแล้วเลี้ยวเข้าหาดใหญ่ทางท่าข้าม เพื่อมาออกทางเขากลอย สายปุณกัณฑ์ ม.อ.หาดใหญ่ เมื่อมาถึง กม.6 เห็นร้านตั้งสง่าเด่นอยู่กลางทุ่งนา หลังมุงเหรง มุงจากเลยอดใจที่จะไม่แวะชิม แวะกินอาหารกันไม่ได้

ร้านหอมซัง จัดร้านแนวขนำกลางทุ่งนา มีทั้งอาหารจานเดียว อาหารอีสาน กาแฟ เครื่องดื่มไว้บริการลูกค้า รสชาติอาหารก็ถือว่าโอเคเลย สั่งข้าวผัดรวมคนละมา 1 จาน ส้มตำ 1 จาน และกาแฟเย็น 1 แก้ว อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 60 บาท ดูจากการจัดมาอย่างสวยงามในจานไม้แบบนี้ดูน่ากินมากเลยทีเดียว 

ว่างๆ ลองแวะไปชมธรรมชาติ แวะไปชิมกันได้ที่ หอมซัง @ ท่าข้ามเปิดบริการ วันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-20.00น. หยุดบริการทุกวันจันทร์ โทร 063 589 6044 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจเฟสบุ๊ค หอมซัง at ท่าข้าม www.facebook.com/464093224024515

#45
วัดป่าแสงธรรม จัดทำบุญวันอภัยทานซื้อปลาหน้าเขียงปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ

วัดป่าแสงธรรม จัดทำบัญวันอภัยทานซื้อปลาหน้าเขียงปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ศิษย์วัดและญาติโยมร่วมซื้อปลาจากตลาดสดนำมาปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ "ไถ่ชีวิตสัตว์ที่กำลังถูกนำขึ้นเขียง"

(18 ก.ย.61) พระอาจารย์อนันต์ อนุตตโร เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จัดทำบุญวันอภัยทาน ซึ่งเริ่มต้นจัดเป็นครั้งแรกด้วยการจัดซื้อปลาจากตลาดสดหาดใหญ่ และตลาดอื่นๆ รวมกว่า 568 กิโลกรัม ประกอบด้วยปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ ปลาไหล และกบ 8 กิโลกรัม ซึ่งสัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์หน้าเขียง หรือสัตว์ที่กำลังถูกแม่ค้านำมาขายให้กับลูกค้า

โดยสัตว์น้ำเหล่านี้ถูกนำมาปล่อยในเขตอภัยทาน นำมาปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติคลองวัดโคกเหรียง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา พระอาจารย์อนันต์ อนุตตโร การทำบุญวันอภัยทาน ถือเป็นการทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์เพื่อต่อายุให้สัตว์ทั้งหลายได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งและเป็นอานสงค์ใหญ่ เพราะสัตว์ที่นำมาปล่อยเป็นสัตว์ที่กำลังถูกฆ่าแกง ซึ่งทางวัดตั้งใจจะทำให้เป็นประจำทุกปีในวันที่ 18 กันยายนของทุกปี