Main Menu

ข่าว:

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ www.SongkhlaMedia.com เรียนเชิญชาวสงขลาและทุกท่านร่วมขับเคลื่อนเว็บไซต์สาระที่มากกว่าข่าว ร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อสงขลาบ้านเรา

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ฅนสองเล

#16
ขายบ้านเดี่ยว โครงการสุชาดาฮิลไซด์ ใกล้ทะเลใกล้เมืองสงขลา

ขายบ้านเดี่ยวชั้นเดียว 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จอดรถ 2 คัน พื้นที่ 56.3 ตร.ว. ภายในโครงการสุชาดาฮิลไซด์ เข้าซอยจากแยกสำโรง เมืองสงขลา เพียง 500 เมตร บ้านเงียบสงบเป็นส่วนตัว เพื่อนบ้านดี อยู่ใกล้ทะเล ใกล้เมืองสงขลา มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการพักผ่อน ออกกำลังกายภายในโครงการ คมนาคมสะดวกเข้า-ออกได้หลายทาง 

บ้านใหม่มากเจ้าของดูแลอย่างดี ขายเพียง 4.2 ล้านบาท พิเศษถ้าจ่ายเงินสด 4 ล้านบาท

สนใจติดต่อ คุณกานต์ 089 295 2021(เน้นโทรเป็นหลักผู้ขายไม่สะดวกตอบทางออนไลน์)

#17
ทางหลวงชนบทศึกษาเส้นทางใหม่ถนนสายรองเชื่อมสนามบิน-บางกล่ำ

กรมทางหลวงชนบท ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ปฐมนิเทศโครงการสำรวจออกแบบส่วนต่อขยายถนน  เดินหน้าเชื่อมโยงต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมและขนส่ง ให้เกิดความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ สามารถบรรเทาปริมาณจราจรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

(5 ส.ค. 63) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กรมทางหลวงชนบท ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ปฐมนิเทศโครงการสำรวจออกแบบส่วนต่อขยายถนนสาย สข.4040 แนวใหม่ด้านทิศเหนือ แยก ทล.4135-ทล.4 อ.หาดใหญ่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง เข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง

สำหรับความเป็นมาของโครงการ เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2562 กรมทางหลวงชนบท ได้ว่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบ ดำเนินการสำรวจออกแบบรายละเอียดโครงการสำรวจออกแบบถนนสาย สข.4040 แยก ทล.4135 (กม.ที่ 8+300)-ทล.4145 อ.สะเดา และ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร  ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการการจัดการระบบการจราจรทางบก จ.สงขลา เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562ที่ผ่านมา  พิจารณาเห็นว่าโครงการสำรวจและออกแบบส่วนต่อขยายทางหลวงชนบท สข.4040 แนวใหม่ด้านทิศเหนือ แยก ทล.4135-ทล.4 อ.หาดใหญ่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา มีศักยภาพการเชื่อมต่อระบบการขนส่งให้ต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ทั้งทางอากาศ และทางบก มุ่งสู่ชายแดนใต้ อีกทั้ง ยังส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ให้กับจังหวัดสงขลา และพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจุดเริ่มโครงการเชื่อมต่อการเดินทางจากสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ไปทางทิศเหนือ มีพื้นที่ว่างที่จะวางแนวถนนไปยัง ทล.A บริเวณนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ พร้อมทั้งเป็นการต่อเติมโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ โดยสามารถเชื่อมต่อไปสู่ชายแดนสะเดา และชายแดนปาดังเบซาร์ได้

สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว เพื่อศึกษาและคัดเลือกแนวสายทางและรูปแบบของถนนโครงการให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สอดคล้องกับการเชื่อมต่อโครงข่ายการคมนาคมในปัจจุบัน รวมถึงศึกษาความคุ้มค่าด้านเศรษฐศาสตร์ และการลงทุนพร้อมประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น

นอกจากนี้ ยังเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบทเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึงและปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุและสนับสนุนการคมนาคมขนส่งระหว่างสนามบินนานาชาติหาดใหญ่-ด่านชายแดนสะเดา และด่านชายแดนปาดังเบซาร์ ซึ่งคาดว่าประโยชน์ที่ได้รับจะเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานทางหลวงชนบท เพื่อเชื่อมโยงต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมและขนส่ง ให้เกิดความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สามารถบรรเทาปริมาณจราจรของถนนทางหลวง แก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดบริเวณทางแยก ทางลัด ทางเลี่ยงระหว่างอำเภอ และบนทางหลวงหมายเลข 4 ทางหลวงหมายเลข 4287 ที่จะไปสู่ชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย พร้อมเป็นการพัฒนาและส่งเสริมการจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งยัง เป็นการเพิ่ม รองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคต สามารถยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การบริการ และการท่องเที่ยว อีกทางหนึ่งด้วย
#18
บริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่ทำธุรกิจในประเทศไทย ที่ขายทั้งบุหรี่ธรรมดา บุหรี่ไฮบริด Heat not burn tobacco (บุหรี่ที่ใช้ความร้อนจากแบตเตอรี่ไปทำให้ใบยาที่เตรียมขึ้นพิเศษเกิดเป็นไอระเหย) และเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด พยายามบอกว่า นิโคตินที่มีในบุหรี่ชนิดที่ไม่มีการเผาไหม้ ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆที่เกิดในคนสูบบุหรี่ มาดูอันตรายของนิโคตินต่อร่างกาย ที่รายงานโดย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ลอนดอน และกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา ทำให้ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์สารเคมีนิโคตินถูกจัดเป็นสารที่ต้องควบคุมเป็น สารพิษ(Poison) ภายใต้กฏหมายควบคุมยาพิษ Poison Act ประเทศเหล่านี้จึงห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฮบริด การที่ประเทศไทยห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ไฮบริด จึงไม่ใช่เรื่องที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ล้าหลัง แปลกแยก ตามที่บริษัทบุหรี่และเครือข่ายผลักดันบุหรี่ไฟฟ้ากล่าวอ้าง
#19
มท.2 ติดตามการจัดการน้ำเสียในคลองเตยและปล่อยจุลินทรีย์ที่ตลาดน้ำคลองแห

(27 มิ.ย.63) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วยนายชีระ วงศ์บูรณะ ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดการน้ำเสียในคลองเตย เขตเทศบานครหาดใหญ่ และที่บริเวณตลาดน้ำคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

โดยที่บริเวณคลองเตย เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ มท.2 ได้ตรวจเยี่ยมการจัดการน้ำเสียและระบบส่งน้ำไปยังบ่อบำบัด มีนายอมร วงศ์วรรณ ปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ร่วมให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ร่วมกับองค์การจัดการน้ำเสีย ในการบริหารจัดการน้ำเสียจากบ้านเรือน จากสถานที่ต่างๆ นำไปสู่ระบบบำบัดตามหลักวิชาการที่ถูกต้องต่อไป

จากนั้นได้เดินทางไปยังตลาดน้ำคลองแห เขตเทศบาลเมืองคลองแห ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอหาดใหญ่ ที่จะกลับมาเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 หลังจากหยุดไปจากสถานการณ์โควิด-19 โดยได้นำจุลินทรีย์ไบโอแซน และตัว EM ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ นำมาปล่อยเทลงสู่คลองแห เพื่อฟื้นฟูน้ำให้มีความสะอาด พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนตลาดน้ำคลองแห รวมถึงเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศน์วิทยาในพื้นที่อีกด้วย

ผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย ได้รายงานการทำงานของหน้าที่ในการจัดการน้ำเสียจากเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้ไหลลงสู่คลองแหน้อยที่สุด โดยจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำในคลองแหล่าสุด พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในระดับดี ทั้งนี้จากการดูภาพถ่ายมุมสูงของคลองแหและคลองอู่ตะเภา มท.2 ได้เน้นย้ำว่า ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องผักตบชวาในสายคลองด้วยเพราะกำลังเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว อย่าปล่อยให้มีผลกระทบต่อการระบายน้ำ

ส่วนเรื่องการจัดการน้ำเสีย ได้สังงการให้อจน.ประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นนอกเหนือจากเทศบาลนครหาดใหญ่แล้วยังต้องประสานกับท้องถิ่นข้างเคียง ทั้งเทศบาลเมืองควนลัง เทศบาลเมืองคอหงส์ เทศบาลเมืองคลองแห และท้องถิ่นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องมาร่วมกันในการรักษาความสะอาด ดูแลสายน้ำร่วมกัน โดยเฉพาะน้ำที่ไหลมาที่ตลาดน้ำคลองแห ต้องเป็นน้ำที่สะอาดไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวนการท่องเที่ยว ตลาดน้ำคลองแหเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่ใกล้เมืองเราต้องช่วยกันดูแลให้ดีที่สุด

พร้อมกันนี้ตัวแทนผู้ค้าตลาดน้ำคลองแห ได้ขอให้ มท.2 ผู้ว่าฯสงขลา ช่วยในการขุดลอกคลองแห ซึ่งปัจจุบันมีความตื้นเขิน มีตะกอนดิน  และขยะอยู่จำนวนมาก ไม่ได้รับได้รับการขุดลอกมานานมากแล้ว ซึ่ง มท.2 รับปากว่าจะประสานให้อบจ.สงขลา นำเครื่องจักมาขุดลอกและให้ท้องถิ่นจัดหาสถานที่ทิ้งตะกอนดินเพราะมีจำนวนมาก โดยตัวแทนแม่ค้าได้กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจขอบคุณมท.2 และผู้ว่าฯสงขลา ที่รับปากให้ความช่วยเหลือในการขุดลอกคลองแหในครั้งนี้     

 
#20
กสศ. ชู "อสม.การศึกษา"
นวัตกรรมท้องถิ่นเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา


บ้านเรามีเด็กจำนวน  5 แสนคน หลุดออกจากระบบการศึกษาไปแล้ว และอีก 2 ล้านคนยังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หลังจากสถานการณ์โควิดจะมีเด็กไทยอีกจำนวนมากไม่สามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้  เพราะครอบครัวขาดรายได้ เด็กขาดอาหาร เด็กเล็กขาดพัฒนาการ  ส่งผลกระทบกับการศึกษาของเด็กๆบ้านเรา  สถานการณ์โควิดทำให้เราได้เห็นปัญหาความเสมอภาคทางการศึกษาที่ซับซ้อนขึ้น แต่ทั้งหมดนี้มีคำตอบอยู่ที่  "ชุมชนท้องถิ่น"

สิ่งที่ยืนยันคำพูดนี้ได้ดีคือ งานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 3 ท่าน "Prof.Banerjee, Prof.Duflo และ Prof.Kremer เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อปี 2562 ท่านเชื่อว่า "คำตอบของปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำอยู่ในพื้นที่"  และหนทางสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำสามารถใช้ได้ผลจริงในพื้นที่และขยายออกไปสู่ระดับประเทศได้ เริ่มจากทุกคนในท้องถิ่นเป็นกำลังสำคัญ

นี่จึงเป็นที่มาของการดึงท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ด้วยการจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเพื่อการศึกษา (อสม.การศึกษา) และการสร้างนวัตกรรมระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ iSEE
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มองเห็นว่า การสร้างสรรค์นวัตกรรมการศึกษาที่สอดคล้องกับพื้นที่จะช่วยขจัดปัญหาความยากจนออกจากพื้นที่ได้ และสามารถขยายไปสู่ชุมชนอื่นๆในประเทศไทยต่อไปได้ด้วย 

แนวคิดนี้ทำให้คนทุกคนในชุมชนล้วนเป็นคนสำคัญ ฉะนั้น การอาศัยพลังของคนในพื้นที่ในการส่งเสริมเครือข่ายอาสาสมัครด้านการศึกษา หรือ อสม.การศึกษา จะช่วยเฝ้าระวัง ช่วยเหลือครอบครัวเด็กยากจนด้อยโอกาสและเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษ โมเดลนี้คือบทเรียนความสำเร็จในการทำงานของ อสม. ด้านสาธารณสุข จากการเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิดที่ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างดี  เมื่อท้องถิ่นเป็นหูเป็นตา

ในอนาคตอันใกล้นี้ กสศ. พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่าย อสม.การศึกษา โดยใช้นวัตกรรมระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ  iSEE ในรูปแบบ Mobile Application เพื่อสนับสนุนการทำงานของ อสม.การศึกษา  ผู้นำท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้อง ทำการค้นหาเป้าหมาย ค้นหาพื้นที่ที่จะทำงาน  ระบุตัวตนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการการดูแลช่วยเหลือ และคุ้มครองสวัสดิภาพเป็นพิเศษ ภายใต้สถานการณ์ โควิด 19  ที่พวกเราทุกคนกำลังเผชิญร่วมกัน

iSEE มีระบบการเฝ้าติดตามเด็กนักเรียนในกลุ่มเสี่ยง และการทำงานร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐ และประชาสังคมในพื้นที่เครือข่าย ส่งเสริมชุมชนและครอบครัวให้มีขีดความสามารถในการสนับสนุนโรงเรียนในการเฝ้าระวังช่วยเหลือครอบครัวเด็กที่ยากจนด้อยโอกาสและเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษมิให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา เครือข่ายแกนนำทั่วประเทศ สามารถเข้าไปที่เวปไซด์ กสศ. พร้อมลงทะเบียนภายในวันที่ 19 มิ.ย. เพื่อทดลองใช้ iSEE 2.0 workshop On line ในวันที่ 24 มิ.ย. 2563นี้ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เลย  ท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่สำคัญอย่างยิ่ง เราทุกคนต้องร่วมมือรวมใจกัน
#21
ลิวงค์ จุดเช็คอินแห่งใหม่ที่ได้สมญาว่าสวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สถานที่ทางธรรมชาติคือมนต์เสน่ห์ที่หลายคนแสวงหา บ้านลิวงค์ หมู่บ้านเล็กในตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กำลังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากผู้คนจำนวนมาก เพราะสถานที่แห่งนี้มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นเหมืองแร่เก่ามีน้ำเป็นสีเขียวคราม มีต้นสนอยู่รายรอบพร้อมมีภูเขาเป็นฉากหลัง สวยงาม เงียบสงบ ร่มรื่น และบรรยากาศดีมากๆ จนได้รับสมญาว่าสวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ

นายร่อเหตุ รักหมัด คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี และนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอจะนะ ให้ข้อมูลกับทีมงานว่า ลิวงค์ เป็นเหมืองแร่เก่าที่ถูกทิ้งไว้ และกลายเป็นธรรมชาติที่สวยงามรายล้อมด้วยต้นไม้ที่สีเขียวกับวิวภูเขาสวยๆ ที่จะสะท้อนลงบนพื้นน้ำ ให้อารมณ์คล้ายกับประเทศสวยๆ อย่างสวิตเซอร์แลนด์ จนได้รับขนามนามว่าสวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ ก่อนหน้านี้ที่นี่มีผู้คนมาออกกำลังกาย มาถ่ายรูปแต่งงานหรือมาเที่ยวชมบ้างประปราย

แต่เมื่อมีการแชร์ภาพข่าวกันในโซเชียลและสื่อต่างๆ ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาท่องเที่ยวจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในพื้นที่ยีงมีความไม่พร้อมหลายอย่างเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเอกชนและท้องถิ่นผู้รับผิดชอบพื้นที่ก็ไม่มีนายกอบต.มาหลายปีแล้ว (มีปลัดปฏิบัติราชการแทน) ปัจจุบันเส้นทางเข้ามาสู่พื้นที่ได้รับงบประมาณในการสร้างถนนคอนกรีตเพื่อความสะดวกของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาจทำให้ผู้สัญจรไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ในอนาคตเชื่อว่าทางท้องถิ่นจะร่วมผลักดันให้ลวงค์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างอำเภอจะนะให้เป็นรู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย 

พื้นที่รอบๆ เหมืองลิวงค์ เหมาะแก่การพักผ่อน มาถ่ายภาพเซลฟี่ ชมความงดงามของธรรมชาติ ชมเงาต้นสนตกในท้องน้ำสีเขียวคราม ในช่วงเช้าๆ อาจได้สัมผัสทะเลหมอก ช่วงเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ตกดินกันได้ด้วย ที่สำคัญขอแนะนำว่าให้ท่านที่มาเที่ยวช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ลงไปเล่นน้ำเพราะลึกมากกว่า 50 เมตรอาจเกิดอันตรายได้ และไม่ควรเข้ามาก่อไฟหรือตั้งแคมป์ค้างคืนเพราะอาจเกิดอันตรายได้

สำหรับใครที่สนใจมาที่ลิวงค์ ในช่วงนี้ขอแนะนำว่าให้ชมภาพสวยๆจากเราไปก่อนเพราะตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป จะมีการปิดการให้คนภายนอกเข้าพื้นที่ชั่วคราวเนื่องจากมีงานก่อสร้างถนนคอนกรีตทำให้รถสัญจรไม่สะดวก จึงจำเป็นต้องปิดจนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จส่วนสร็จเมื่อไหร่เราจะอัพเดทให้ได้ติดตามกันอีกรอบแน่นอน รอชมกันได้เลย


ที่อยู่ : บ้านลิวงค์ ตำบลท่าหมอไทร อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
พิกัด : https://goo.gl/maps/PTZXDeSXmcDYw9T69
#22
กาชาดสงขลาร่วมต้านโควิด-19 นำเงินสะสมซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นมอบให้ 15 รพ.

เหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา นำเงินสะสมกว่า 4.05 ล.จัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์มอบแก่สถานบริการสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ร่วมต้านโควิด -19 ยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพแก่ผู้ป่วยในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

(28 พ.ค. 63)  ณ ห้องประชุมฑิฆัมพร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา นางกัญจนา เกลี้ยงเกลา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายนฤทธิ์ มงคลศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายวรณัฎฐ์ หนูรอต ปลัดจังหวัดสงขลา และนางฉลวย พงศ์สุวรรณ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ร่วมบริจาคเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดสงขลา จำนวน 15 แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,052,300 บาท (เงินสี่ล้านห้าหมื่นสองพันสามร้อยบาทถ้วน) โดยมีนายแพทย์อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยผู้อำนวยการ ผู้แทนโรงพยาบาลสงขลา โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลสะเดา โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อำเภอนาทวี โรงพยาบาลจะนะ โรงพยาบาลนาหม่อม และโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ ร่วมรับมอบ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานด้านการรรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ของจังหวัดสงขลาต่อไป

นางกัญจนา เกลี้ยงเกลา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ทางสภากาชาดไทย ได้ทำหนังสือแจ้งมายังนายกเหล่ากาชาดจังหวัดทุกจังหวัด โดยให้สามารถใช้งบประมาณประจำปี และหรือเงินสะสมเหล่ากาชาดจังหวัดไปสนับสนุนโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลที่ขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้นำมามอบให้ มีจำนวน 6 รายการ รวม 87 ชิ้น ประกอบด้วย

1.Mask P100 พร้อมไส้กรอง (แถมไส้กรอง) จำนวน 42 ชุด
2.เครื่องกรองเชื้อ COVID มี Hepafilter จำนวน 11 เครื่อง
3. Monitor เครื่องติดตามสัญญาณชีพผู้ป่วย COVID Cuff 5 จำนวน 5 เครื่อง
4.ชุดกล้องใส่ท่อช่วยหายใจผู้ป่วย COVID ในภาวะวิกฤต จำนวน 9 ชุด
5. Body Temp Scan วัดอุณหภูมิผู้ป่วยขนาดกลาง พร้อมขาตั้ง+ UPS จำนวน 15 ชุด
6. Bed 3 ไกด์ราวปีกนก พร้อมเสาน้ำเกลือ จำนวน 5 ชุด

นอกจากนี้ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ได้ร่วมบริจาค Mask P100 พร้อมไส้กรอง เพิ่มเติม จำนวน 28 ชิ้น อีกด้วย ซึ่งนับเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดสงขลา ที่ทำให้จังหวัดของเราไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเหล่ากาชาดสงขลา ขอเน้นย้ำกับทุกท่านว่าอย่าประมาทการ์ดอย่าตก เพื่อดูแลตัวเองให้ห่างไกลโควิด-19 ไปด้วยกัน

ทางด้านนางศิรินุช สวาสดิ์ธรรม อดีตนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา และเป็นบุคลากรทางด้านสาธารณสุข กล่าวว่าการนำเงินสะสมของกาชาดมาใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของประชาชนถือว่าตรงตามวัตถุประสงค์ของสภากาชาดไทย สิ่งของที่จัดซื้อมอบให้ในวันนี้เป็นสิ่งของที่จำเป็นและสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งในช่วงโควิด-19 และช่วงภาวะปกติทั่วไปก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้   
#23
"เคร่ง สุวรรณวงศ์" อดีตนายกเทศมนตรี 28 ปี ผู้สร้างตำบลสู่นครหาดใหญ่

27 พฤษภาคม 2563 ชาวหาดใหญ่ได้ทราบข่าวและต่างร่วมแสดงความเสียใจกับการถึงแก่กรรมของนายเคร่ง สุวรรณวงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ที่ครองตำแหน่งตั้งแต่ปี 2517-2545 รวมทั้งสิ้น 8 สมัย ระยะเวลาดำรงตำแหน่งกว่า 28 ปี และเขาเริ่มเป็นสมาชิกสภาเทศบาลหรือส.ท.มาตั้งแต่ปี 2500 นับเป็นนายกเทศมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานอันดับต้นๆ ของเมืองเมืองไทย

ประวัติส่วนตัว เคร่ง สุวรรณวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2472 ที่ ต.คอหงษ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จบประถม 4 จาก ร.ร.ประชาบาลวัดคลองเรียน แล้วไปเรียนต่อ ร.ร.หาดใหญ่วิทยาลัย จนจบ ม.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อ ช่วงวัยหนุ่มได้รับจ้างหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นเสมียนกำนันที่ ต.คอหงษ์ และทำธุรกิจส่วนตัวจนเติบใหญ่

กระทั่งปี 2500 ลงสมัคร ส.ท.หาดใหญ่ ได้รับเลือกตั้งและได้เป็นเทศมนตรีอยู่ในวาระ 5 ปี หลังจากนั้นไม่มีการเลือกตั้ง มีแต่การแต่งตั้งแต่เคร่ง ก็ยังติดกลุ่มได้เป็นเทศมนตรีอีกวาระหนึ่ง จากนั้นในสมัยที่สามก็มีการเลือกตั้งอีกครั้ง และได้เป็นเทศมนตรีอีก

ต่อมาปี 2517 ก็ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีครั้งแรก และผูกขาดเป็นนายกเทศมนตรีหาดใหญ่มาตั้งแต่บัดนั้น ช่วงนับจากนั้นได้รับเลือกเป็นนายกสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย มาหลายสมัย จนเมื่อต้นปี 2545 ได้ลาออกเพื่อให้นายประสงค์ สุวรรณวงศ์ ลูกชายขึ้นมารับทอดตำแหน่งแทนก่อนถึงวาระเลือกตั้ง แต่เคร่ง ก็ยังให้คำปรึกษาและควบคุม ทีมเก่าที่บริหารและคุม ส.ท.อยู่เหมือนเดิม

จนมาถึงการเลือกตั้งในปี 2547 เป็นครั้งแรกที่มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีโดยตรง และทีมเก่า ของนายประสงค์ สุวรรณวงศ์ พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับทีมหาดใหญ่โปร่งใส ที่มีนายไพร พัฒโน และพรรคประชาธิปัตย์เป็นกำลังหนุนสำคัญจนชนะการเลือกตั้ง และครองตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน (ตำแหน่งว่างเนื่องจากนายไพร ลาออกเมื่อ ก.พ.62 และยังไม่มีการเลือกตั้งใหม่) ทำให้บทบาททางการเมืองของนายเคร่ง สุวรรณวงศ์ จึงค่อยๆ หายไปจากแวดวงการเมืองหาดใหญ่

อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาการเป็นายกเทศมนตรีเมืองหาดใหญ่ จนถึงการยกฐานะเป็นนครหาดใหญ่ เคร่ง สุวรรณวงศ์ ถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเมืองหาดใหญ่ ให้เป็นเมืองทที่มีความศิวิไลซ์ ภายใต้คำขวัญที่ว่า ฟ้าสวย น้ำใส หาดใหญ่สะอาด ราษฎร์ปลอดภัย วันนี้แม้จะไม่มีบทบาทในตำแหน่งทางการเมือง แต่เคร่ง สุวรรณวงศ์ ยังคงได้รับฉายาว่า นายกตลอดกาลแห่งเมืองหาดใหญ่

อดีตนายกเคร่ง สุวรรณวงศ์ นับเป็นอีกหนึ่งบุคคที่มีคุณูปการต่อเมืองหาดใหญ่ มีส่วนร่วมในการเมืองท้องถิ่นและพัฒนาหาดใหญ่อย่างยาวนาน เป็นผู้ริเริ่มขยายเขตเทศบาลเมืองหาดใหญ่จากเดิมที่มีเพียง 8 ตร.กม.มาเป็น 21 ตร.กม.ในปี 2520 และเป็นแนวเขตปัจจุบันของเทศบาล ในปี 2538 ผลักดันการยกฐานะจากเทศบาลเมืองเป็นเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นเทศบาลนครลำดับที่ 3 ของประเทศ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศด้วย

นายเคร่ง สุวรรณวงศ์ ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย 91 ปี เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563
ขอร่วมแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งสำคัญของครอบครัวสุวรรณวงศ์ และเมืองหาดใหญ่ในครั้งนี่ด้วยครับ
#24
ปี่กลองการเมืองเงียบเหงาที่นครหาดใหญ่ คอการเมืองข้องใจจะมีใครลงสนามบ้าง

ถ้าไม่มีวิกฤตโควิด-19 ช่วงนี้ท้องถิ่นคงคึกคักกว่านี้เพราะเป็นการนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งที่ห่างหายมายาวนานเกือบ 10 ปีหรือมากกว่าในบางท้องถิ่น เทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ปกติจะมีความคึกคักตลอดในช่วงก่อนจะถึงวันเลือกตั้งแต่เที่ยวนี้ถือว่าเงียบมากๆ

นายไพร พัฒโน อดีตนายก 3 สมัยที่ลาออกช่วงก่อนการเลือกตั้งสส.ต้นปีที่แล้วแต่ไม่ได้ลงประกาศกลับมาลงสนามนครหาดใหญ่อีกครั้งแน่นอน โดยเที่ยวนี้คาดว่าจะไม่ลงในนามทีมพรรคประชาธิปัตย์ แบบ 2 ครั้งที่ผ่านมา และคงมีแรงหนุนจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะช่วงหลังเห็นเดินตามผู้การชาติ พันเอก สุชาติ จันทรโชติกุล ว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.สงขลา ช่วงปลายปีที่ผ่านมาเห็นป้ายสวัสดีปีใหม่พร้อมโลโก้ทีมว่า ดร.ไพร พัฒโน ซึ่งชัดเจนว่าไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ และสท.ปัจจุบันที่ร่วมทีมกันมายาวนานก็คงอยู่ด้วยทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม อดีตนายกไพร ก็ยังมีคดีทางการเมืองที่อาจทำให้ลงสมัครเลือกตั้งเที่ยวหน้าไม่ได้ ชื่อของพฤกษ์ พัฒโน น้องชายก็ถูกตั้งไว้แทนที่หากผู้พี่มีอุบัติเหตุ ระยะเวลา 3 สมัย 15 ปี(บวกว่างเว้นเลือกตั้งช่วงคสช.) กับการทำหน้าที่พ่อเมืองหาดใหญ่ ผลงานเป็นเช่นไรคงให้ชาวหาดใหญ่เป็นคนตอบ แต่ที่แน่ๆ ฐานเสียงจากชุมชนคือคะแนนเหนียวแน่นที่ทีมนายไพร มั่นใจว่าจะมีดีพอในการเอาชนะคู่แข่งได้โดยเฉพาะตอนนี้ที่ยังไม่เห็นว่ามีใครโดดเด่นหรือแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมาต่อกรกับเขาเลย

คนที่เปิดตัวมาแล้วก่อนใครเพื่อนนาทีนี้มีแต่นายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ที่เที่ยวก่อนในการเลือกตั้งปี 55 ได้ 1.6 หมื่นคะแนน ซึ่งห่างนายไพร ที่ได้กว่า 3 หมื่นเสียง แต่เที่ยวนี้ดูเหมือนว่าสมบูรณ์ จะมีแรงหนุนจากนายพงษ์ศักดิ์ จิโรภาส อดีตผู้สมัครนายก 2 สมัยที่ผ่านมามาเดินร่วมกันในช่วงวิกฤตโควิด-19 และคงลงทีมเดียวกันในนามทีมหาดใหญ่ร่วมใจ สมบูรณ์ เป็นเจ้าสัวผู้มั่งคั่งคนหนึ่งของหาดใหญ่ เจ้าของโรงแรมเเชี่ยนและกลุ่มธุรกิจกังส์แสง ร้านวัสดุก่อสร้างเจ้าดั้งเดิมของเมือง

สมบูรณ์ เคยร่วมทีมการเมืองเป็นรองนายกยุคไพร1 เที่ยวนี้หากตระกูลสุวรรณวงศ์ ของอดีตนายกเคร่ง และปลัดอ๋อย ประสงค์ สุวรรณวงศ์ ไม่ลงสนามแข่งด้วย สมบูรณ์ คงเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งสุดของนายไพร ในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า ในอายุเกินวัยเกษียณ แม้มีภาพเป็นคนใจบุญ มือสะอาด แต่ในทางการเมืองยังถือว่าไม่มีความโดดเด่นเพียงพอ ไม่มีวาทะเรียกแขกหรือสร้างการรู้จักในวงกว้างให้ชาวบ้านได้มากนัก คอการเมืองวิเคราะห์ว่าถ้าจะลงสนามให้ประสบความสำเร็จคงต้องปรับกลยุทธ์กันอีกพอสมควร ต้องเปิดตัวทีมงานช่วยหาเสียงที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์ มีวาทกรรมในการสร้างชื่อทีมให้ชาวบ้านรู้จักและจดจำมากกว่านี้

แม้กระแสไม่ปลื้มผลงานนายไพร มีค่อนข้างเยอะแต่ต้องไม่ลืมว่าการเมืองท้อถิ่นนั้นคะแนนจัดตั้งหรือคะแนนแฟนพันธุ์แท้ กลุ่มฐานเสียงดั้งเดิมมีความสำคัญมาก เที่ยวล่าสุดผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกินครึ่งมานิดเดียว นั่นสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนยังไม่ให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่นมากนักโดยเฉพาะกลุ่มประชากรใหม่ ที่เพิ่งย้ายมาอยู่มาซื้อบ้าน มาทำงานแต่ไม่ใช่คนดั้งเดิม คะแนนเหล่านี้ยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาให้เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง หากผู้สมัครคนไหนจุดกกระแสตรงนี้ได้ เปิดนโยบายที่เข้าตาชาวบ้านก็อาจนำมาสู่จุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญของนครหาดใหญ่ได้

เมื่อครั้งการลงเลือกตั้งครั้งแรกของนายไพร พัฒโน นายชวน หลีกภัย ขวัญใจชาวใต้มาช่วยหาเสียงพร้อมบอกกับชาวหาดใหญ่ว่า หาดใหญ่ไม่ใช่ของตระกูลสุวรรณวงศ์ 40 กว่าปีที่ผ่านมา หาดใหญ่มีนายกที่มาจากตระกูลสุวรรณวงศ์ เกือบ 30 ปีต่อด้วยตระกูลพัฒโน อีก 15 ปี การเลือกตั้งครั้งหน้านี้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ หาดใหญ่ จะมีจุดเปลี่ยนทางการเมืองเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ มากกว่า 1 แสนรายคือผู้ให้คำตอบ และในฐานะพลเมืองที่สัมผัสหาดใหญ่มายาวนาน อยากเห็นคนรุ่นใหม่เปิดตัว เปิดนโยบายมาลงสนามการเมืองให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะเป็นทางเลือกของชาวบ้านและเพื่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับบ้านหลังนี้ที่เรียกว่า "นครหาดใหญ่"   
#25
ตัวแทนชาวบ้านจาก 3 ตำบลในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขอเปิดเวทีฟังเสียงชาวบ้านก้ว่าจะเดินหน้าหรือยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ มั่นใจเจ้าของพื้นที่ตัวจริงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการพัฒนา สร้างงานสร้างรายได้ในพื้นที่ ส่วนเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก็ขอทุกฝ่ายฟังแนวทางรัฐบาลก่อนตัดสินใจว่าจะเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวหรือไม่

(15 พ.ค.63) ณ ศาลากลางจังหวัดสงขลา ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่นาทับ ตลิ่งชัน และสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ประมาณ 30 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา โดยมีนายรุ่งโรจน์ และสุบ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือร้องเรียน และได้ชี้แจงทำความเข้าในกับชาวบ้านที่ยื่นหนังสือว่าพร้อมทำตามขั้นตอนในการจัดส่งหนังสือดังกล่าวผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาไปยังนายกรัฐมนตรี และจะมีการรายงานความคืบหน้าให้ผู้ร้องเรียนได้รับทราบเป็นระยะด้วย

นายจอม หวันห้อย ตัวแทนชาวบ้านที่มายื่นหนังสือในวันนี้ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีโครงการที่จะก่อสร้างโครงการนิคมอุตาหกรรมก้าวหน้าในพื้นที่อำเภอจะนะ และมีกำหนดการเปิดเวทีรับฟังความเห็นชาวบ้านในพื้นที่ก่อสร้างโครงการ 3 ตำบล คือ นาทับ ตลิ่งชัน และสะกอม ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แต่มีกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยพยามยามคัดค้านไม่ให้เกิดเวทีดังกล่าว จนนำไปสู่การเลื่อนเปิดเวทีตามที่เป็นข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้

"ทางกลุ่มตัวแทนชาวบ้านที่มาในวันนี้ เป็นคนในพื้นที่ เป็นชาวประมงพื้นบ้านตัวจริง เราอยากเห็นการพัฒนาในพื้นที่ อยากเห็นการมีส่วนร่วมของชาวบ้านที่แท้จริง จึงอยากให้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านก่อน แล้วค่อยมีการตัดสินใจว่าจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว โดยให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะชาวบ้านที่เป็นเจ้าของพื้นที่ตัวจริงได้มีโอกาสรับฟังและแสดงความคิดเห็นบ้าง" 

ทั้งนี้ สำหรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบาย "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคัง ยั่งยืน" ซึ่งในส่วนของ อ.จะนะ เป็นเมืองต้นแบบที่ 4 เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยได้มีการกำหนดด้านผังเมือง ในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ นาทับ ตลิ่งชัน และสะกอม ด้านโครงข่ายการขนส่งทางน้ำ ในโครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา ด้านโครงข่ายการขนส่งทางบก มีแผนแม่บทจราจรเชื่อมทางหลวง ทางหลวงชนบท ถนนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และด้านพลังงาน ทั้งในส่วนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ/ชีวมวล/แสงอาทิตย์/ลม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นเมืองต้นแบบที่ 4

โดยภาพรวมโครงการ มีเนื้อที่ 16,753 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 18,680 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานประมาณ 1 แสนอัตรา มีกิจกรรม 6 ประเภท 1.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมเบา จำนวน 4,253 ไร่ 2.พื้นที่อุตสาหกรรมหนัก จำนวน 4,000 ไร่ 3.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า จำนวน 4,000 ไร่ จำนวน4 โรง กำลังผลิตรวม 3,700 เมกะวัตต์ 4.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมต่อเนื่องกับกิจกรรมหลังท่าเรือ จำนวน 2,000 ไร่ 5.พื้นที่เขตอุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจายสินค้า จำนวน 2,000 ไร่ และ 6.พื้นที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและแหล่งที่พักอาศัย จำนวน 500 ไร่ และมีแผนจะเริ่มดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2563
#27
บ่อเจ็ดลูก ชื่อนี้มีตำนาน ณ หมู่บ้านมีมนต์เสน่ห์ชายเลอันดามัน สตูล

บ้านบ่อเจ็ดลูก ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับทะเลอันดามัน มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์และมีมนต์เสน่ห์อย่างยิ่ง วันนี้เราขอนำไปรีวิวและเปิดตำนานบ้านบ่อเจ็ดลูก 

บ่อเจ็ดลูก หรือที่ภาษามาลายูเรียกว่า "ลากาตูโยะ" มีตำนานเล่าสืบเนื่องกันมาว่า บุคคลกลุ่มแรกที่เข้าไปอาศัยอยู่เป็นพวกชาวเลหรือชาวน้ำที่อพยพมาจากเกาะซึ่งอยู่ห่างไกลจากฝั่งออกไป ขณะที่อพยพมาอยู่นั้น พวกเขาได้ขุดบ่อน้ำเพื่อใช้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้ แต่ปรากฏว่าไม่มีน้ำออกมาเลย พวกเขาพยายามขุดบ่อแล้วบ่อเล่าก็ไม่มีน้ำใช้ จนกระทั่งถึงบ่อที่เจ็ดจึงมีน้ำออกมา ปัจจุบันบ่อทั้งเจ็ดลูกยังมีปรากฏให้เห็น จนทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้จึงได้ชื่อว่า "บ้านบ่อเจ็ดลูก" นี่คือตำนานที่ถูกกล่าวขานมาที่สุด แต่เมื่อย้อนดูประวัติเพิ่มเติม พบว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่ง

ประวัติบ่อเจ็ดลูก มีประวัติกล่าวขานว่าในอดีตอันยาวนานยังมีชาวเลตีนแดงเผ่ามอแกนซึ่งอาศัยไม่ค่อยเป็นหลักแหล่งได้เดินทางมา ณ ที่เกาะหนึ่งซึ่งเป็นเกาะเล็กๆอยู่ทางตอนใต้ของทะเลอันดามัน และได้เดินหาน้ำดื่ม จึงเกิดเป็นตำนานเจ็ดบ่อขึ้นมา แต่จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่านั้นบอกว่ามีสามตำนานด้วยกันที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเรื่องไหนคือเรื่องที่ถูกต้องที่สุดและเรื่องใดไม่เป็นความจริง

ชาวเลเมื่อเดินหาน้ำดื่มจนมาพบบ่อน้ำผุดมาจากใต้ดินจำนวน 7 บ่อด้วยกัน บ่อแรกใหญ่หน่อยเรียกกันว่าบ่อพ่อ ที่เหลือก็เป็นบ่อแม่และบ่อลูก ขนาดลดหลั่นกันไป เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของเรื่องกล่าวอะไรไว้ก็ได้ดังใจ มีการร้องรำทำเพลงบ้าง นำไก่ขาวมาเชือดบ้างเพื่อแก้บน

อีกนัยหนึ่งก็ว่าเมื่อชาวเลต้องการน้ำก็ได้ทำการขุดบ่อน้ำขึ้นมา 1 บ่อ ใช้มาตลอดจนกระทั่งมีลูกมาปรึกษาหารือจนมีข้อสรุปว่าแต่ละคนขุดบ่อมาคนละบ่อ ขุดใกล้ๆกับพ่อนี่แหละ จาก 1 บ่อ ก็เป็น 7 บ่อ

ยังมีอีกตำนานที่บอกว่าชาวเลเมื่อได้ร้อนแรมมาพักที่เกาะแห่งนี้ก็ได้ตั้งรกรากที่นี่ และขุดบ่อน้ำเพื่อใช้ บ่อแรกก็ขุดพบว่าน้ำเค็มใช้ไม่ก็ขุดต่ออีกก็เค็มอีก จนขุดถึงบ่อที่ 7 ปรากฏว่าน้ำจืด จึงได้ใช้กันเรื่อยมา

ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมีชายคนหนึ่งเดิมเป็นคนในพื้นที่บ้านตะโละใส่ชื่อว่านายอับดุลรอหมาน ปากบารา มีอาชีพทำการค้ากับรัฐปีนังสินค้าก็จะมี แป้ง สบู่ น้ำตาล ได้เข้ามาอาศัยที่แห่งนี้ ด้วยเป็นคนที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามก็เป็นผู้บุกเบิกสร้างมัสยิดขึ้นมาและได้สอนให้กับชาวเลที่อาศัยอยู่ก่อนด้วย และดูแลความสงบของที่นี่ อยู่มาระยะหนึ่งก็ได้ชักชวนเครือญาติมาอยู่ด้วยคนที่เพิ่มขึ้นทำในชาวเลต้องอพยพจากเกาะแห่งนี้หาที่อยู่อาศัยใหม่เพราะพวกเขาไม่ชอบที่มีคนเยอะๆ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 นายอับดุลรอหมาน ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุน(เทียบกับปัจจุบันคือกำนัน)และได้รับพระราชทานนามสกุล เป็น ขุนบารา บุรีรักษ์ ท่านได้ขึ้นปกครองที่นี่ และได้เรียกสถานที่แห่งนี้ตามสัญลักษณ์ ว่าตาลากาตูโหย๊ะ ซึ่งเป็นภาษามาลายู (ตาลากา แปลกว่า บ่อ / ตูโหย๊ะ แปลกว่า 7 แปลรวมกันว่า บ่อเจ็ดลูก) ไปขึ้นกับการราชการเพื่อเป็นชื่อเรียกหมู่บ้าน แต่ชื่อเรียกยากจึงเปลี่ยนเป็นชื่อภาษาไทยว่า บ้านบ่อเจ็ดลูก มาจนถึงปัจจุบัน

ขุนบารา บุรีรักษ์ มีลูกสาวทั้งหมด 4 คน ไม่มีทายาทผู้สืบสกุล ทำให้นามสกุลบุรีรักษ์ขาดหายไป ปัจจุบันยังมีลูกสาวอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่และอาศัยในบ้านบ่อเจ็ดลูก คือคนที่ 4 มีชื่อว่านางไซหนุน ถิ่นกาแบง (ที่มา www.thailandtourismdirectory.go.th)

บ้านบ่อเจ็ดลูก เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวธรณีวิทยาสตูล เรียกว่าเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีโอกาสอยากให้มาเยือนสตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

ขอบคุณเพื่อนคู่ใจคันเล็กแต่ลุยได้ทุกเส้นทาง มิตซูบิชิ มิราจ โดย จ.วินิต เข้าใจรถ เข้าใจคุณ 
ต้อม รัตภูมิ รายงาน  TLP 0897384215 
#28
นายกชาย สส.เขต5 จัดเต็มแจกแมส 1.5แสนชิ้น และอุปกรณ์การแพทย์แก่รพ.ในพื้นที่

นายกชาย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระดมความช่วยเหลือครั้งยิ่งใหญ่ให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 5 ด้วยการมอบหน้ากากอนามัยอย่างดีจำนวน 150,000 ชิ้น มอบชุดวัดอุหภูมิ 34 ชิ้น ถุงมือ 10,000 ชิ้น ชุดPPE 200 ชุด หน้ากาก N95 1,000 ชิ้น เจล 200 ขวด โดยมอบผ่าน 4 โรงพยาบาล และ 34 รพ.สต.ในเขตเลือกตั้งที่ 5 ซึ่งประกอบด้วยอำเภอรัตภูมิ ควนเนียง บางกล่ำ และสิงหนคร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และแจกจ่ายแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่

วันนี้ (20 เม.ย.63) ณ สำนักงานส.ส.เขต 5 อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ของนายเดชอิศม์ ขาวทอง (นายกชาย) ส.ส.เขต 5 จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 150,000 แสนชิ้น ซึ่งได้จากการจ้างกลุ่มแม่บ้าน จ้างประชาชนในเขตพื้นที่ที่มีเครื่องจักรเย็บผ้า มาร่วมกันเย็บหน้ากากอนามัยเนื้อผ้าอย่างดี ได้รับการรับรองมาตรฐานทางการแพทย์ และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตอีกช่องทางด้วย โดยมีนางพิมพ์ธาดา จันทร์สุริยา นายอำเภอรัตภูมิ ผู้กำกับสภ.รัตภูมิ ส่วนราชการต่างๆ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี อดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นายวงศ์วชิระ ขาวทอง ครอบครัว และคณะทำงาน ร่วมต้อรับอสม.และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมรับมอบหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยการส่งมมอบในวันนี้ได้มีการแบ่งกลุ่มผู้มารับออกเป็น 3 รอบ เพื่อลดการแออัดของผู้มาร่วมงานตามนโยบายรัฐบาล

นายกชาย กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนของคนเขต 5 ได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อยของพี่น้องประชาชนมาในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการขาดแคลนหน้ากากอนามัยเพราะหาซื้อไม่ได้บ้าง มีราคาแพงบ้าง บางครอบครัวไม่มีเงินซื้อก็มี แม้จะมีการช่วยเหลือจากภาครัฐไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ตนเองได้รับรวมการสนับสนุนจากพรรคพวกและเพื่อนๆ ในการระดมทุนเพื่อจัดซื้อผ้าและสายรัดมาว่าจ้างประชาชนในพื้นที่ที่มีเครื่องจักเย็บผ้า มาช่วยกันผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายชาวบ้านให้ได้มากที่สุด ซึ่งวันนี้สามารถผลิตและส่งมอบผ่านรพ.สต.และอสม.ในพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 150,000 ชิ้น มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุดวัดอุหภูมิ 34 ชิ้น ถุงมือ 10,000 ชิ้น ชุดPPE 200 ชุด หน้ากาก N95 1,000 ชิ้น เจล 200 ขวด โดยมอบผ่าน 4 โรงพยาบาล และ 34 รพ.สต.ในเขตเลือกตั้งที่ 5 ซึ่งประกอบด้วยอำเภอรัตภูมิ ควนเนียง บางกล่ำ และสิงหนคร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และดูแลพี่น้องประชาชนในเขตรับผิดชอบของตัวเองด้วย 
#29
โควิดระบาด : โอกาส​ทองที่จะเลิกบุหรี่​เด็ดขาด

ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวณิชย์ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยท่าทีล่าสุดของหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ Public Health England (PHE) ซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา CDC โดยเตือนชาวอังกฤษให้ใช้โอกาสที่โควิดระบาดอย่างรุนแรงในอังกฤษขณะนี้ เลิกสูบบุหรี่ โดย PHE ระบุว่า

•   ไม่เคยมีเวลาที่สำคัญกว่านี้อีกแล้ว ที่ผู้สูบบุหรี่จะเลิกสูบ จากการที่โควิด 19 ระบาดรุนแรงขึ้นในอังกฤษ
•   มีคนอังกฤษ 3,605 คน ที่เสียชีวิตจากโควิด 19 โดย 684 คนเสียชีวิตในวันเดียว
•   การสูบบุหรี่ ที่ทำให้มือแตะต้องปากอย่างต่อเนื่อง เป็นช่องทางที่จะนำเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
•   เมื่อคนสูบบุหรี่ติดเชื้อแล้ว ความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง เพิ่มขึ้น 14 เท่า (ข้อมูลจากประเทศจีน)
•   อีกรายงานพบว่า 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ต้องเข้าไอซียู หรือที่ตาย เป็นคนที่สูบบุหรี่
•   นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ความเสียหายที่ปอดได้รับ จากการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดการติดเชื้อง่ายขึ้น
•   คนในครอบครัวที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง เพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด 19 และมีความเสี่ยงสูงขึ้น ที่จะมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
•   นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า แม้ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า คนที่สูบบุหรี่จะติดเชื้อโรคง่าย
•   อวัยวะที่คล้ายขนโบกพัดเล็ก ๆ บนผิวทางเดินหายใจ ที่ทำหน้าที่ ขจัดเชื้อโรคและสารคัดหลั่งออกจากปอด ได้รับความเสียหาย จากสารเคมีพิษในควันบุหรี่

ขณะที่ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลิกสูบบุหรี่นอกจากจะมีประโยชน์ลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดรุนแรงแล้ว ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในขณะนี้ ที่จะมีการจ้างงานลดลงหรือเลิกจ้าง และคนจำนวนมากจะมีรายได้ลดลง ซึ่งข้อมูล ปี พ.ศ. 2560 พบว่า คนไทยที่สูบบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงาน 5 ล้านกว่าคน เสียค่าซื้อบุหรี่โดยเฉลี่ยเดือนละกว่า 800 บาททั่วประเทศ และเดือนละกว่า 1,000 บาท สำหรับผู้สูบบุหรี่ในกรุงเทพมหานคร จึงอยากจะเชิญชวนให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ โดยหากเลิกสูบไม่ได้ด้วยตนเอง  ก็สามารถไปรับการรักษาตามโรงพยาบาล หรือโทรขอคำปรึกษาทางโทรศัพท์หมายเลข 1600 ได้


อ้างอิง  : www.dailymail.co.uk/news/article-8184751/amp/Coronavirus-warning-smokers-Public-Health-England-says-addicts-face-greater-risk-coronavirus.html
#30
สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 "เฟ้นหาช้างเผือก ปั้นดินให้เป็นดาว" เตรียมพร้อมสู่การแข่งขันทุกรายการ มุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านกีฬา ขานรับนโยบาย  Sport City สงขลาเมืองกีฬา

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 63 ณ โรงแรมพาราไดซ์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา นำโดยนายประสงค์ บริรักษ์ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา นายกิจจา ไวชมภู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา นายสุเมธ อัครพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จังหวัดสงขลา นายพิทักษ์ สุวรรณวงศ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา และตัวแทนชมรมกีฬา เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 และได้รับเกียรติจากพันโท รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และได้แนะแนวทางการดำเนินงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยได้วางแผนยุทธศาสตร์ทางด้านกีฬา และเน้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันขับเคลื่อนด้านกีฬา

นายประสงค์ บริรักษ์ ได้กล่าวถึงการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2562 ซึ่งเป็นไปอย่างน่าพอใจ รวมทั้งเน้นย้ำทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามวาระ สงขลาเมืองกีฬาของจังหวัดสงขลา เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับคัดเลือกเป็น Sport City นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมด้านการกีฬาตามนโยบาย "ปั้นดินให้เป็นดาว เฟ้นหาช้างเผือก" เปิดโอกาสให้นักกีฬาทั้ง 16 อำเภอ เข้ามาคัดเลือกสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพของจังหวัดสงขลา เพื่อเตรียมความพร้อมนักกีฬาในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 36 "ช้างดาวเกมส์" ที่ จ.ตราด ระหว่างวันที่ 19-29 มีนาคม 2563 รวมทั้งการแข่งขันแข่งกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 "ศรีสะเกษเกมส์" ระหว่างวันที่ 5-15 ธันวาคม 2563 และกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 3 "ตราดเกมส์" ระหว่างวันที่ 24-30 เมาายน 2563 รวมถึงกีฬาในระดับภาคและอื่นๆ นอกจากนี้ได้กล่าวถึงการนำร่อง 14 ชนิดกีฬา ที่จะเป็นตัวนำร่องสู่การเป็นเลิศด้านกีฬาของจังหวัดสงขลา แต่ในขณะเดียวก็จะสนับสนุนกีฬาชนิดอื่นอย่างเท่าเทียม

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เพจ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา www.facebook.com/330590240660869